จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 726 คำขอโทษประโยคหนึ่ง
ระหว่างที่พูด มือของเจียงชื่อก็ออกแรงหนักๆ ขึ้นอีกครั้ง
กร็อบๆๆๆ
กระดูกแขนของพี่ไห่หักละเอียดหมดทั้งแขน ความเจ็บปวดเสียดแทงเข้าสู่กลางหัวใจ
เสียงแผดร้องโหยหวนนั้น เจาะทะลุหัวใจของทุกคนอย่างน่าหวาดหวั่น
เจียงชื่อสะบัดมือโยนพี่ไห่ออกไปส่งๆ โล่มนุษย์ชั้นดีชิ้นหนึ่งจึงถูกโยนทิ้งไปง่ายๆ แบบนี้นี่เอง
เมื่อเห็นดังนั้น บรรดาลูกน้องพวกนั้นก็รีบยกปืนขึ้นยิงออกไปทันที
แต่อย่างไรก็ตาม เจียงชื่อก็ทำให้พวกนั้นได้รู้ซึ้ง ว่าอะไรที่เรียกกันว่าความเร็วที่แท้จริงอีกครั้ง
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
แค่ในชั่วพริบตา เจียงชื่อก็มาถึงด้านหลังบรรดามือปืนเหล่านี้ แล้วจากนั้นก็ใช้มือที่คมกริบดั่งมีดสับเข้าใส่พวกนั้นทีละคนๆ กำจัดมือปืนทั้งหมดได้อย่างง่ายดายไม่ต่างจากหั่นแตงโมหั่นผักหญ้าเลยทีเดียว
ก่อนที่พวกนั้นจะทันยิงปืนออกมา ก็ถูกเขาจัดการจนเรียบไม่มีเหลือ
ช่างน่าสยองขวัญ น่าหวาดกลัวอะไรอย่างนี้
พี่ไห่ใช้มือข้างหนึ่งกุมแขนของตัวเองไว้ ในขณะที่สายตาก็จ้องมองเจียงชื่ออย่างหวาดกลัว ความแข็งแกร่งของชายตรงหน้า ได้มาถึงระดับที่เรียกว่าไม่ใช่คนไปแล้ว
นี่เป็นเรื่องที่คนธรรมดาทำได้ด้วยเหรอ?
เจียงชื่อมองพี่ไห่แล้วพูดว่า “เรื่องวันนี้ฉันจะพอแค่นี้ก่อน หวังว่าแกจะให้คำตอบที่น่าพอใจกับฉัน ถ้าไม่งั้นล่ะก็ วันพรุ่งนี้ฉันจะมาหาแกอีกครั้ง แล้วเปิดอกคุยกันแบบลูกผู้ชายซะหน่อย”
พูดจบก็หันหลัง แล้วเดินลงไปข้างล่างทันที
พรุ่งนี้ก็ยังจะมาอีกเรอะ?
พี่ไห่ถึงขั้นมีความคิดที่อยากจะตายไปให้พ้นๆ แล้วด้วยซ้ำ กลุ่มลูกน้องที่แข็งแกร่งที่สุดของตัวเองถูกจัดการหมดแค่ในอึดใจเดียว ถ้าพรุ่งนี้เจียงชื่อกลับมาอีก แล้วจะเอาอะไรมาเป็นโล่กำบังได้?
จะเอาอะไรมาบังก็บังไม่ได้ทั้งนั้นแหละ!
ถ้าถึงพรุ่งนี้ กลัวว่าที่หักจะไม่ใช่แค่แขนข้างเดียวแล้วจบกันง่ายๆ อย่างวันนี้แน่ แต่กลัวว่าคงจะเป็นแขนทั้งสองข้าง หรือไม่ก็ขาทั้งสองข้างที่อาจจะหักหมดไม่มีเหลือ กระทั่งชีวิตนี้ก็มีสิทธิ์จะจบสิ้นลงได้เลยทีเดียว
“ไม่ได้ ฉันจะตายไม่ได้ !”
“ติงหงเหย้า ขอโทษด้วยที่ฉันมันไร้ความสามารถ ฉันช่วยแกไม่ได้แล้วจริงๆ ว่ะ”
พี่ไห่พยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้น “เร็วเข้า ใครก็ได้ ! รีบไปหาติงเฟิงเฉิงให้ฉัน แล้วกล่าวคำขอโทษต่อหน้าเดี๋ยวนี้เลย!”
……………………
ณ. ตระกูลติง หอบรรพบุรุษ
ติงเฟิงเฉิงคุกเข่าอยู่หนึ่งชั่วโมงเต็มๆ เข่าทั้งสองข้างปวดเมื่อยระบมไปหมด พยายามจะลุกขึ้นมาหลายครั้ง แต่ถูกปู่กดให้คุกเข่าลงไปที่เดิม
ในใจเขาตอนนี้ คิดกังวลแต่เรื่องที่ว่าจะทำยังไงถึงจะคืนเงินได้มากกว่า
รวมไปถึง จะถอนตัวออกจากตระกูลติงยังไง
คนของทางฝั่งพี่ไห่ร้ายกาจขนาดไหน เขารู้ดีที่สุดแล้ว ถ้าเรื่องนี้ไม่จัดการให้ดีให้เรียบร้อยล่ะก็ พอถึงเวลาคนของพี่ไห่มาคิดบัญชีเอากับเขา เขาคงจะรับมือไม่ได้แน่
ต้องทำยังไงดีล่ะทีนี้?
ในเวลานี้เอง ก็มีคนกลุ่มหนึ่งมาที่หน้าประตูหอบรรพบุรุษ เมื่อกวาดตามอง ปรากฏว่ามีคนประมาณสิบเจ็ด สิบแปดคนที่มา ใบหน้าของแต่ละคนดูเคร่งเครียดจริงจังมาก
ติงเฟิงเฉิงได้ยินเสียงฝีเท้า จึงหันกลับไปมอง พลันแข้งขาอ่อนทรุดฮวบลงไปกองกับพื้น
คนกลุ่มนี้ เป็นคนของพี่ไห่นั่นเอง!
ดูเหมือนว่า พี่ไห่จะตัดสินใจได้ว่าไม่อยากรออีกต่อไป ตอนนี้เลยคิดจะมาจัดการติงเฟิงเฉิงให้จบๆ ไปซะ
ติงเฟิงเฉิงไม่เหลือความหวังที่จะมีชีวิตรอดอีกต่อไปแล้ว
เขาตะเกียกตะกายลุกขึ้นมา แล้วเดินอย่างทุลักทุเลทีละก้าวๆ ออกไปจากหอบรรพบุรุษ พูดขึ้นด้วยสีหน้าเจ็บปวดว่า: “พวกแกไม่ต้องบังคับกันจนถึงขนาดนี้ก็ได้มั้ง?”
“ได้! ฉันยอมพวกแกแล้ว”
“แกจะซ้อมฉันยังไงก็ได้ ขอแค่อย่างเดียว ที่นี่เป็นหอบรรพบุรุษของตระกูลติง เป็นที่ที่ตั้งบูชาป้ายวิญญาณของบรรพบุรุษ พวกแกพอจะช่วยไว้หน้าตระกูลติงเราหน่อยได้มั้ย ? อย่าซ้อมฉันที่นี่เลย ช่วยย้ายไปทำที่อื่นที่ไหนแทนก็ได้”
” พอจะทำได้มั้ย?”
นี่คือความหวังสุดท้ายของติงเฟิงเฉิงแล้ว
ต่อให้ต้องตาย ก็ขออย่าให้ต้องตายต่อหน้าป้ายวิญญาณของบรรพบุรุษเลย ไม่งั้นพอไปปรโลก เขาจะมีหน้าไปเจอบรรดาบรรพบุรุษตระกูลติงได้ยังไงล่ะ?
หัวใจของติงเฟิงเฉิงในเวลานี้ หมองหม่นแหลกสลายเหมือนคนใกล้ตาย ทุกอย่างเงียบสงัด
แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้กลับพัฒนาไปจากความคาดหมายของเขาอย่างมาก กลุ่มคนพวกนี้ไม่ได้ลากตัวเขาไปซ้อม ทั้งไม่ได้ใช้กำลังขู่เข็ญด้วย
แต่กลับกลายเป็นว่า ทุกคนต่างพากันคุกเข่าลงอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย แล้วโขกหัวคำนับติงเฟิงเฉิงสามครั้งอย่างพร้อมเพรียงกัน
“คุณชายติง ขอโทษด้วยครับ!”