จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 729 ศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย
เมื่อเห็นดวงตาคู่นั้นของติงเฟิงเฉิงร้อนแรงขึ้นมาด้วยไฟนักสู้ เจียงชื่อก็รู้สึกยินดีมาก
เขายิ้มอย่างปลอดโปร่งสบายใจ “มันต้องอย่างนี้สิ!”
ระหว่างที่พูดอยู่ เขาก็มอบกุญแจดอกหนึ่งให้ติงเฟิงเฉิง “นายเก็บกุญแจดอกนี้ไว้ให้ดี อีกเดี๋ยวเมิ่งเหยนจะทำการเทียบเคียงเชื่อมต่อธุรกิจกับนาย เธอจะโอนบริษัทขนาดเล็กของตระกูลติงบริษัทหนึ่งให้นายเป็นคนดูแล”
ติงเมิ่งเหยนมีบริษัทส่วนตัวเล็กๆ ในตระกูลติงอยู่แห่งหนึ่ง ตอนนี้เธอออกจากตระกูลติงมาแล้ว จึงไม่ต้องการบริษัทส่วนตัวอีกต่อไป กำลังเตรียมจะหาคนมารับช่วงต่อ
และคนที่ได้มารับช่วงต่อที่ว่านี้ ก็คือติงเฟิงเฉิงนั่นเอง
ติงเฟิงเฉิงหยิบกุญแจขึ้นมาแล้วพูดว่า “บริษัทนั้นมันก็แค่เปลือก ทำได้แค่ใช้เป็นตัวเดินหนี้เสียของบริษัทอะไรทำนองนั้นแหละ ไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรที่จะเอามาใช้ได้ ถ้าโอนบริษัทเล็กๆ แบบนั้นมาให้ฉัน ต่อให้ฉันรับไปดูแลมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกมั้ง?”
ยึดตามสถานการณ์ปกติ ก็ต้องเป็นไปตามนี้แน่นอน
อย่างไรก็ตาม เจียงชื่อกลับหยิบหนังสือการวางผังเมืองออกมา แล้ววางลงตรงหน้าติงเฟิงเฉิง
“วันมะรืนนี้ เขตเจียงหนานจะทำการประมูลที่ดิน นายใช้ชื่อบริษัทเล็กๆ แห่งนี้ไปประมูล หลังจากที่นายชนะการประมูลนี้มา ให้เพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองให้เร็วที่สุด แล้วเลี้ยงดูส่งเสริมพวกลูกน้องของปู่นายที่ถูกบริษัทคัดชื่อออกทั้งหมด ให้พวกเขามาทำงานในบริษัทใหม่นี้ รอให้ถึงเวลาที่เหมาะสม ค่อยเอามาใช้พลิกกระดานโต้กลับในภายหลัง”
ใช้บริษัทขนาดเล็กในการประมูล หลังจากชนะได้โครงการมาไว้ในมือ ก็หาเงินเพื่อมาชุบเลี้ยงพนักงานเก่า?
เคล็ดลับอาจนี้ฟังดูดี แต่ถ้าลงมือทำจริงๆ โดยพื้นฐานแล้วมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
ติงเฟิงเฉิงก็ไม่ได้โง่ เขายิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า “เจียงชื่อ นายกำลังพูดถึงที่ดินรกร้างทางเหนือของเมืองงั้นเหรอ ? มันเป็นความจริงที่ว่า ที่ดินแถวนั้นเป็นชิ้นส่วนของผลประโยชน์มหาศาล แต่ในเมื่อมันเป็นที่ดินที่มีผลประโยชน์มหาศาล คนที่จ้องจะคว้ามาก็ต้องมีอยู่ไม่น้อย แค่บริษัททำบัญชีที่มีแต่เปลือกบริษัทหนึ่ง จะเอาพละกำลังอะไรไปแข่งประมูลกับคนอื่นเค้าได้ล่ะ?”
เจียงชื่อพูดขึ้นว่า: “นายแค่ทำตามที่ฉันพูดให้สุดความสามารถก็พอ ฉันกับเมิ่งเหยนจะหาผู้ช่วยอีกสองคนให้กับบริษัทใหม่ของนาย พอถึงเวลานั้น บริษัทใหม่ของนายก็จะเป็นบริษัทแรก ส่วนอีกสองบริษัทจะเข้ามาเสริม แล้วประมูลราคาร่วมกัน”
“เชื่อถือได้ไหม?”
“เชื่อถือได้”
ติงเฟิงเฉิงมองไปที่หนังสือการวางผังเมือง แข็งใจเต็มที่ ลุยสักตั้งวะ!
หนักสุดก็แค่ล้มเหลวแหละน่า ไม่ใช่เรื่องที่ต้องแข้งขาหักพิกลพิการอะไร ไม่มีอะไรร้ายแรงสักหน่อย
” งั้นฉันจะกลับไปหาคนเขียนเอกสารเสนอราคา แล้วดำเนินการตามแผนเสนอราคาการประมูลนี้ให้เร็วที่สุด ”
“เดี๋ยวก่อน” เจียงชื่อถามด้วยรอยยิ้ม: “นายอยากเขียนแผนเสนอราคาประมูลนี้ยังไง?”
ติงเฟิงเฉิงพูดว่า: “อันนี้ฉันพอจะมีที่คิดไว้ เท่าที่ฉันรู้ แผนอย่างเป็นทางการคือการใช้ที่ดินนี้เพื่อสร้างเป็นเมืองแห่งอาหาร ขยายอุปสงค์ภายในประเทศ และเพิ่มการจ้างงาน เมื่อฉันกลับไป ฉันจะจัดทำแผนประมูลในด้านเมืองแห่งอาหาร”
เจียงชื่อส่ายหน้าทันที “ไม่ได้ ทำแบบนั้นต้องแพ้แน่”
“หา? ทำไมล่ะ?”
“เพราะไม่ไกลจากที่ดินรกร้างทางเหนือของเมืองมีเมืองแห่งอาหารอยู่แล้ว ถ้าสร้างเมืองใหม่ที่เหมือนๆ กันขึ้นมาอีกแห่ง มันจะเป็นการสิ้นเปลืองมาก”
“ถ้างั้นต้องทำยังไงล่ะ?”
“นายกลับไป แล้วรีบวางแผนการประมูลสำหรับห้างสรรพสินค้าสำหรับสินค้าหรูหราดีกว่า”
“ห้างของหรูงั้นเหรอ?”
“ถูกต้อง เขตเจียงหนานกำลังอ่อนแออย่างมากในแง่ของสินค้าหรูหราฟุ่มเฟือย อีกทั้งมีสนามบินใกล้กับที่ดินรกร้างทางเหนือของเมืองซึ่งสะดวกมากในการบูรณาการเข้ากับมาตรฐานสากล ขอแค่มีบริษัทสินค้าหรูจำนวนมากมาเปิดตัว จะสามารถดึงดูดการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจจำนวนมหาศาลขึ้นมาได้ทันที ”
ติงเฟิงเฉิงขมวดคิ้ว “ได้เหรอ?”
เจียงชื่อยิ้ม “ได้แน่นอน ตราบใดที่มีห้างสรรพสินค้าหรูหราก่อตั้งขึ้น มันจะทำมุมกับเมืองอาหารกับเมืองเล่นที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ก่อตัวเป็น “บันเทิงสามเหลี่ยม” ทางตอนเหนือของเมือง จะผสมผสานทั้งการกิน การดื่ม และความบันเทิง ซึ่งสามารถเพิ่มยอดอุปโภคบริโภคภายในประเทศได้ บวกกับการเพิ่มภาษีของทางการและการสร้างงาน ทั้งยังสามารถสร้างวัฒนธรรมความบันเทิงที่เป็นเอกลักษณ์ในเขตเจียงหนานได้อีก เป็นสถานการณ์ที่ได้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย”
ในเวลานี้ ติงเฟิงเฉิงรู้สึกเลื่อมใสเจียงชื่ออย่างหมอบราบคาบแก้วแล้วจริงๆ
จนถึงตอนนี้เขาเพิ่งจะได้รู้ว่า แท้ที่จริงแล้ว ความเฉียบแหลมทางธุรกิจของเจียงชื่อนั้นโดดเด่นน่าชื่นชมถึงขนาดนี้เลยทีเดียว