จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 730 อะไรที่สูญเสียไป ก็อาจไม่ใช่เรื่องไม่ดีก็ได้
ปัญหาประการสุดท้าย
“เจียงชื่อ แกว่าใส่ซองแดงสักเท่าไหร่ดีถึงจะเหมาะ?”
“ซองแดง?”
ติงเฟิงเฉิงพยักหน้า “ใช่สิ กฎเดิมๆ ไง ถ้าอยากชนะโครงการ ก็จำเป็นต้องให้ซองแดง ฉันว่าสักล้านหนึ่งน่าจะพอนะ เดี๋ยวฉันไปเอาจากฝ่ายการเงินของบริษัท”
เจียงชื่อยกมือขึ้นหยุดความคิดนั้นทันที
“ไม่ต้อง บาทเดียวก็ไม่จำเป็นต้องให้!”
“ถ้าไม่ให้ก็อาจไม่ชนะประมูลน่ะสิ!”
“เฮอะๆ ใครให้ก็เตรียมตัวตายได้เลย จำคำที่ฉันพูดคำนี้เอาไว้ให้ดีแล้วกัน ” เจียงชื่อเอนหลังพิงโซฟา “เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้เถอะ นายกลับออกไปได้แล้ว ชนะการประมูล ชุบเลี้ยงพนักงานเก่า นี่คือก้าวแรกของการเป็นเจ้าบ้านที่ดี ต้องมั่นใจที่จะคว้าความสำเร็จมาไว้ในมือให้ได้!”
ติงเฟิงเฉิงพยักหน้า “นายวางใจเถอะ ฉันจะพยายามทำให้ดีที่สุดแน่นอน”
พูดจบเขาก็ลุกขึ้น ออกไปเตรียมแผนการประมูลทันที
เมื่อเห็นเงาหลังที่เดินห่างออกไปของติงเฟิงเฉิง ติงเมิ่งเหยนก็กระซิบเสียงเบาๆ ว่า: “ที่รัก คุณคิดว่าพี่รองจะทำได้มั้ยคะ? แต่ไหนแต่ไรมาเขาทำงานไม่เคยไว้ใจได้เลยสักอย่าง ฉันเป็นห่วงว่ามันจะพังเละไม่เป็นท่าน่ะสิ หรือไม่ พวกเราแอบหาคนช่วยเขาอย่างลับๆ ดีมั้ยคะ?”
เจียงชื่อส่ายหน้า
“เชื่อเขาเถอะ”
“ถ้าอยากนั่งในตำแหน่งเจ้าบ้าน ก็ต้องผ่านคลื่นลมมรสุมหนักๆ เสียบ้าง ถ้าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้เขาก็ยังทำให้ดีไม่ได้ พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องช่วยเหลืออะไรเขาอีกต่อไปแล้วล่ะ”
ที่จริงก็มีอีกประเด็นหนึ่ง นั่นคือเจียงชื่อมองเห็น “ประกายแสง”ในดวงตาของติงเฟิงเฉิง
นั่นคือประกายแสงของลูกผู้ชาย เป็นประกายแสงของลูกผู้ชายที่พร้อมจะต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรี!
ไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะบอกว่า ในอดีตเจียงชื่อก็มีประกายแสงแบบนี้ ในช่วงเวลาที่เขาเคยตกลงไปในจุดต่ำสุดของชีวิตคน มันเป็นเพราะประกายแสงที่ว่านี้นี่เอง ที่ได้ช่วยเขาเอาไว้
ตอนนี้ ถึงคราวของเจียงชื่อ ที่จะช่วยติงเฟิงเฉิงที่ตกลงไปในจุดต่ำที่ว่านั้นบ้างแล้ว
เช่นเดียวกับคนคนนั้น ที่เคยช่วยตัวเขาให้รอดพ้นขึ้นมาได้
อีกด้านหนึ่ง
ติงเฟิงเฉิงกลับมาถึงบริษัท ก็รีบหาคนมาเขียนหนังสือร่างแผนการประมูลทันที
แม้ว่าเขาจะเต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ แต่เขาก็ไม่มั่นใจในตัวเอง คำแนะนำที่เจียงชื่อให้เขามานั้น ฟังดูขวัญกล้าบ้าบิ่นเกินไป คนธรรมดาส่วนใหญ่ไม่มีใครเค้าทำแบบนั้น
เขาก็ไม่ได้ทำงานในสำนักงานเดิมที่เคยทำ แต่เลือกไปทำงานในบริษัทเล็กๆ แห่งนั้นของติงเมิ่งเหยนแทน
ตอนนี้ ติงเฟิงเฉิงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับความเป็นส่วนตัว ความผิดพลาดที่เขาทำไว้ ไม่สมควรให้มันเกิดขึ้นซ้ำได้อีก
นับจากนี้เป็นต้นไป ทุกเรื่องที่จะทำ ล้วนต้องระวังป้องกันพวกติงหงเหย้า ติงจื่อยวี่ให้ดี
ในตอนที่ติงเฟิงเฉิงกำลังตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง ติงจ้งก็เดินเข้าไปในห้องทำงานของเขา เมื่อเห็นหลานชายที่เคยรู้จักแค่เกียจคร้าน ขาดความรับผิดชอบคนนั้น จู่ๆ ก็ดิ้นรนต่อสู้อย่างหนัก หัวใจของติงจ้งก็อุ่นร้อนพองโตขึ้นมาด้วยความอิ่มเอมใจ
ความพ่ายแพ้ ทำให้คนก้าวหน้า
เรื่องของติงหงเหย้า ทำให้ติงจ้งสูญเสียไปเยอะมาก แต่แลกกับการที่เขาได้หลานชายที่รู้จักต่อสู้มุมานะขยันทำงานหนักมาแทน นี่มันช่างเข้าตำราที่โบราณกล่าวไว้ว่า อะไรที่สูญเสียไป ก็อาจไม่ใช่เรื่องไม่ดีก็ได้
เขาเพียงแค่ยืนอยู่หน้าประตูทั้งอย่างนั้น มองดูอย่างเงียบๆ
ช่างน่าปลาบปลื้มดีใจอะไรอย่างนี้
หลังจากนั้นไม่นาน ติงเฟิงเฉิงก็ทำงานในมือเสร็จ เงยหน้าขึ้นไปเห็นติงจ้งที่ยืนอยู่หน้าประตู ก็ตกใจไปวูบหนึ่ง
“คุณปู่ ทำไมปู่ถึงไปยืนอยู่ที่ประตูแบบนั้นล่ะครับ? รีบเข้ามาเถอะ”
“ฮะๆ ไม่เป็นไร ฉันยืนดูแกทำงานอยู่ตรงนี้นี่แหละ แบบนี้ดีกว่า”
ใช่แล้ว แบบนี้นี่แหละดีมากเลย
ติงเฟิงเฉิงเดินเข้าไปหาแล้วพูดขึ้นว่า “คุณปู่ เจียงชื่อจะให้ผม … ”
ติงจ้งยกมือขึ้นทันที เพื่อเป็นสัญญาณว่าไม่ให้เขาพูดต่อ
“เฟิงเฉิง หลังจากนี้แกคือคนที่จะขึ้นไปเป็นเจ้าบ้านของตระกูล ต้องรู้จักเก็บซ่อนความลับ ไม่ใช่ว่ามีเรื่องอะไร ก็เอามาบอกปู่ไปเสียหมดทุกเรื่อง”
“เอ่อ… แต่ปู่เป็นปู่ของผมอ่ะ!”
“แล้วมันยังไงล่ะ? แกกล้ายืนยันได้เหรอว่า ฉันจะไม่ทรยศหักหลังแกน่ะ?”
ติงเฟิงเฉิงไร้คำพูดโดยปริยาย แค่ยักไหล่เงียบๆ
” ก็ได้ ตอนนี้ผมกังวลว่าวิธีการของเจียงชื่อจะไม่ได้ผล แล้วก็ไม่มั่นใจในตัวเองด้วย”
ติงจ้งยิ้ม “เจ้าเด็กน้อย เชื่อเจียงชื่อเถอะ ความแข็งแกร่งของเขายังห่างไกลจากสิ่งที่แกจะจินตนาการได้ไปไกลโขเชียวล่ะ มีความช่วยเหลือจากเขา แกต้องประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน!”