จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 736 ความสำเร็จที่ไม่เคยมีมาก่อน
“ล้อเล่นรึเปล่าเนี่ย ? ถึงกับละทิ้งโครงการเมืองอาหาร แล้วเปลี่ยนไปเน้นเมืองห้างสรรพสินค้าหรูแทนเนี่ยนะ?”
“ก่อนหน้านี้ เหมือนจะไม่ได้มีความตั้งใจแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?”
ทุกคนต่างหันมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่เข้าใจว่าทำไมบริษัทติงเหอถึงชนะการประมูล
นี่มันช่างไร้เหตุผลโดยสิ้นเชิง
ติงเฟิงเฉิงก็สับสนเช่นกัน อันที่จริง แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้คาดหวังอะไรแต่แรกแล้ว ดังนั้น หลังจากเขาได้ยินว่าตัวเองชนะการประมูล ปฏิกิริยาแรกของเขาจึงไม่ใช่ความยินดี แต่เป็นความประหลาดใจ
หลังจากหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ความยินดีอันเปี่ยมล้นก็บังเกิดจนคับแน่นเต็มตื้นในหัวใจ
ความปีติยินดีล้นปรี่
“สำเร็จแล้ว! ฉันทำสำเร็จแล้ว!”
ติงเฟิงเฉิงกระโดดขึ้นจากเก้าอี้จนตัวลอยด้วยความตื่นเต้น เขาที่ตลอดครึ่งชีวิตที่ผ่านมาแทบจะไม่เคยทำอะไรสำเร็จเลยสักอย่างคนนั้น เขาที่เป็นแค่ไอ้โง่เหลาะแหละไม่เอาไหน ในที่สุดก็ได้ลืมตาอ้าปาก สามารถไขว่คว้าจนประสบความสำเร็จเหมือนลูกผู้ชายอกสามศอกคนหนึ่งสักที
ผลสัมฤทธิ์ที่น่ายินดีแบบนี้ จะไม่ให้เขาตื่นเต้นได้ยังไงล่ะ?
“ไม่… ไม่ใช่ความจริงใช่มั้ย?” ติงจื่อยวี่ที่ยืนอยู่หน้าประตู ช็อกจนปากอ้าตาค้างไปแล้ว
เธอคาดไม่ถึงสักนิดว่าติงเฟิงเฉิงจะทำสำเร็จ ต้องรู้ว่า ทุกคนได้สอบถามข้อมูลเกี่ยวกับโครงการนี้ล่วงหน้ากันมาแล้วทั้งนั้น ความปรารถนาของเจ้าหน้าที่ทางการ คือเมืองอาหารชัดๆ ทำไมจู่ๆ ก็เปลี่ยนหัวข้ออย่างฉับพลันแบบนี้ล่ะ?
บนเวที จางถงเหวินอธิบายว่า: “คิดว่าทุกคนก็คงจะสับสนมาก ว่าทำไมพวกเราถึงเห็นด้วยกับการเสนอความคิดเห็นของคุณติงสินะ?”
“เป็นความจริงที่ว่า ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ของเรามีแนวคิดที่จะสร้างเมืองอาหาร แต่นั่นเป็นเพียงความตั้งใจของพวกเรา แต่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง”
“จุดประสงค์ประการหนึ่งของการประชุมเพื่อเปิดประมูลครั้งนี้ คือการรับฟังความคิดเห็นของทุกคน เพื่อจะดูว่าพอจะมีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้หรือเปล่า”
“แต่ผลคือ พวกคุณเกือบทุกคนทำให้ฉันผิดหวังมาก”
“ข้างบนทำอย่างไร ข้างล่างก็จะทำตามอย่างนั้น พอผู้บังคับบัญชาทำอะไร ผู้ใต้บังคับบัญชาก็จะทำแบบนั้นตามกันไปเป็นกลุ่ม จนไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง!”
“แต่ก็ยังโชคดี ที่เรายังมีบริษัทติงเหอ ยังมีคุณติงเฟิงเฉิง”
จางถงเหวินพูดด้วยความยินดีอย่างเปี่ยมล้นว่า: ” ความคิดเห็นที่คุณติงเสนอมานั้นยอดเยี่ยมโดดเด่นมาก เป็นอะไรที่เกินความคาดหมายของพวกเรา หลังจากอภิปรายและวิเคราะห์กันแล้ว พวกเราพบว่ามันมีความเป็นไปได้สูงมาก อีกทั้งผลประโยชน์ที่จะได้รับ ก็เป็นมูลค่าที่สูงที่สุดด้วยเช่นกัน”
“สิ่งที่เราต้องการเป็นอย่างยิ่ง ก็คือบริษัทที่ดีซึ่งมีความรู้สึกรับผิดชอบ รวมถึงความสามารถในการรับผิดชอบแบบนี้นี่แหละ”
“นี่คือเหตุผล ที่พวกเราเลือกบริษัทติงเหอให้เป็นผู้ชนะการประมูล!”
คำพูดนั้น ช่างเต็มไปด้วยความเร่าร้อนฮึกเหิม พูดจนทุกคนที่อยู่ที่นั่นต่างรู้สึกละอายแก่ใจไปตามๆ กัน
พูดกันตามจริงแล้ว อันที่จริงคนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้อยากทำโครงการเมืองอาหารเท่าไหร่ ทุกคนต่างก็มีความคิดของตัวเองที่แตกต่างกันไป
แต่ทว่า กลับไม่มีใครกล้ายืนหยัดในความคิดของตัวเองเลยแม้แต่คนเดียว
ทุกคนต่างก็คล้อยตามเมื่อข้างบนว่ามายังไง ตัวเองก็จะว่าไปตามนั้นกันหมด
เมื่อได้ยินเจ้าหน้าที่เปรยมาในทำนองว่าสนใจเมืองอาหาร ด้วยเหตุนั้น พวกเขาจึงยอมละทิ้งความคิดของตัวเอง แล้วเลือกไปวางแผนทำโครงการให้ถูกใจเจ้าหน้าที่ทางการแทน
ผลที่ออกมาทำให้ทุกคนได้เห็นแล้วว่า คนที่ประจบสอพลอ พยายามเอาใจอีกฝ่ายแทบเป็นแทบตายต่างก็พากันล้มเหลวหมด ในทางกลับกัน ติงเฟิงเฉิงที่ยืนหยัดในความคิดของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า กลับเป็นผู้ที่ได้รับความสำเร็จนั้นไปในที่สุด
แปะๆๆๆ ……
เสียงปรบมือดังขึ้นเต็มห้องประมูล คนที่ยังหัวเราะเยาะติงเฟิงเฉิงอยู่เมื่อกี้ ต่างก็พากันตอบรับคำพูดนั้นด้วยเสียงปรบมืออย่างอบอุ่น
มันคือคำขอโทษ รวมถึงความชื่นชมยกย่อง
พวกเขาพากันปรบมือให้ติงเฟิงเฉิง ด้วยการยอมรับจากก้นบึ้งของหัวใจ
ในยุควัตถุนิยมที่ความปรารถนาในอำนาจเงินทอง และความสุขความเพลิดเพลินได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ จะมีสักกี่คนที่สามารถยึดติดอยู่กับแรงบันดาลใจดั้งเดิม ได้เหมือนๆ กับติงเฟิงเฉิงบ้าง?
เขา ช่างคู่ควรกับการยกย่องชื่นชมเหลือเกิน
เสียงปรบมืออย่างกระตือรือร้นจากผู้เข้าร่วมประมูล ทำให้ติงจื่อยวี่ที่ยืนอยู่หน้าประตูรู้สึกทรมานรุ่มร้อนราวกับตกลงไปในหลุมไฟก็ไม่ปาน เจ้าโง่ที่ได้แต่ถูกเธอปั่นหัวเล่นจนหัวหมุนเป็นกลองป๋องแป๋งมาตลอดนั่นถึงกับเอาชนะเธอได้ ทั้งยังเชิดหน้าชูคอเย่อหยิ่งอยู่ตรงหน้าเธอ
นี่มันรับไม่ได้!
เมื่อมองไปที่ติงเฟิงเฉิงที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ได้เห็นท่าทางดีใจนั้นของเขา ติงจื่อยวี่ก็โกรธจนเหมือนมีไฟลุกจนทั่วอณูรูขุมขนเลยทีเดียว
ในขณะเดียวกัน เธอก็เกิดมีความรู้สึกอย่างหนึ่ง
คือรู้สึกว่าเหมือนมาก
เหมือนกันมากเกินไปแล้ว
ติงเฟิงเฉิงในเวลานี้ ช่างเหมือนเจียงชื่อเหลือเกิน
” การเปลี่ยนแปลงของเจ้าบ้านตระกูลติง ก่อกำเนิดเจียงชื่อคนที่สองขึ้นมาแล้วเหรอเนี่ย ?” ติงจื่อยวี่พูดด้วยความว้าวุ่น ใจคอไม่สงบ