จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 740 รปภ.ที่กลิ้งเกลือกไปมาทั่วพื้น
รปภ.คนก่อนหน้านี้ รีบวิ่งถลาเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าเจียงชื่อเหมือนลมพายุหอบ เรียกว่าแทบจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มรับแขก
“คุณเจียง โปรดรอก่อนครับ!”
เจียงชื่อยังคงแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรเลย “มีอะไรเหรอ? หรือรังเกียจที่ฉันยัง “ไสหัว”ออกไปไม่เร็วพองั้นเหรอ? ถ้าอย่างนั้นฉันจะไสให้เร็วขึ้นอีกหน่อยละกัน”
เขาทำท่าทางเร่งฝีเท้า ทำเอา รปภ.ตกใจจนรีบเหยียดมือสองข้างออกไปเพื่อหยุดไว้
“คุณเจียง ได้โปรดอย่าล้อผมเล่นอีกเลยนะครับ เมื่อครู่ ประธานฉีเพิ่งดุผมอย่างรุนแรงไปยกหนึ่ง คุณคือแขกผู้ทรงเกียรติที่สุดของประธานฉีเรา”
“ถ้าวันนี้ผมเชิญคุณกลับไปไม่ได้ ผมต้องตกงานแน่ๆ เลยครับ!”
เจียงชื่อขมวดคิ้ว “แต่เมื่อกี้ไม่ใช่ว่านายไล่ให้ฉันไสหัวไปหรอกเหรอ?”
“อั้ยหยา! คุณเจียง สายตาสุนัขอย่างผม ทำได้แค่มองเห็นคนต่ำต้อยไปหมด ผมมันไม่ใช่ของดีอะไร คุณเจียง คุณเป็นยอดคนผู้มีคุณธรรมสูงส่ง คงไม่จดจำความผิดของพวกกระจิบกระจอกอย่างผมหรอกใช่ไหมครับ? โปรดอย่าทำให้ผมลำบากใจเลยนะครับ”
ระหว่างที่พูด รปภ. ก็นอนราบลงไปกับพื้นตรงๆ
” ตอนนี้ผมจะไสหัวกลิ้งเกลือกให้ทั่วพื้น เพื่อเป็นการระบายโทสะให้คุณ ตกลงไหมครับ ?”
พูดไปพลาง รปภ. ก็กลิ้งเกลือกไปมาบนพื้นอย่างเอาเป็นเอาตาย จะหน้าตาหรือศักดิ์ศรีอะไรก็ไม่สนใจสักอย่างแล้วตอนนี้
ช่างไม่ง่ายเลยจริงๆ
เจียงชื่อส่ายหน้า “เอาเถอะๆ ลุกขึ้นมาเถอะน่า”
“เอ๋ๆๆ ” รปภ.ยืนขึ้นพลางปัดๆ ฝุ่นออกจากตัว “คุณเจียง คุณยอมกลับไปกับผมแล้วใช่ไหมครับ?”
เจียงชื่อพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ : “จากนี้ไป หัดรู้จักเก็บสีหน้าเก็บอารมณ์หน่อย อย่ามองคนด้วยความอคติส่วนตัว”
“เอ่อ ผมรู้ความผิดแล้วครับ”
ไม่ว่าเขาจะรู้ความผิดจริงๆ หรือไม่ ต่างก็ไม่มีใครรู้ แต่อย่างน้อยเจียงชื่อก็ได้สอนบทเรียนบทหนึ่งให้เขาไปบ้างแล้ว
เจียงชื่อก็ไม่ได้ชอบโต้เถียงกับ รปภ. ตัวเล็กๆ คนหนึ่งต่อสักเท่าไหร่อยู่แล้ว แค่ถอนหายใจ แล้วหันหลังเดินไปที่ประตูทางเข้าร้านเครื่องประดับดาวฤกษ์
ยังไม่ทันไปถึงประตู ก็เห็นฉีเจิ้นนำคนกลุ่มหนึ่งมารอต้อนรับเขาอยู่ที่หน้าประตูแล้ว
“หมอเทวดาเจียง!!!”
ฉีเจิ้นเข้ามาทักทายเขาอย่างมีความสุข ไม่พูดพร่ำทำเพลง ก็พุ่งเข้าไปสวมกอดเจียงชื่ออย่างเต็มอ้อมแขน
เขาสามารถรักษาชีวิตนี้ไว้ได้ ตระกูลฉีไม่ต้องล่มสลาย ทั้งหมดก็เพราะมีเจียงชื่อเป็นที่พึ่งพา
เจียงชื่อเป็นผู้มีพระคุณของเขา เป็นดั่งอัศวินขี่ม้าขาวของเขาโดยแท้
ทั้งสองสวมกอดกันอยู่นาน ฉีเจิ้นจ้องไปที่รปภ.ที่อยู่ข้างหลังเขาแวบหนึ่ง กำลังคิดจะอ้าปากตำหนิเขาสักยก เจียงชื่อก็พลันโบกมือขึ้นมา “ช่างเถอะ ฉันให้บทเรียนเขาไปแล้วล่ะ พวกเราไปกันเถอะ”
“อื้ม” ฉีเจิ้นปรายตามอง รปภ.อย่างเย็นชา ไม่พูดอะไร จูงมือเจียงชื่ออย่างมีความสุขแล้วเดินเข้าไปในร้าน
ท่าทางที่ฉีเจิ้นมีต่อเจียงชื่อนั้น เต็มไปด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน ทั้งยังเคารพให้เกียรติ ไม่เพียงแต่รปภ.เท่านั้นที่ไม่เข้าใจ อันที่จริง แม้แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติงานหลายคนก็ไม่เข้าใจเช่นกัน
ส่วนใหญ่พวกเขาต่างก็ไม่รู้ว่า เจียงชื่อเคยทำเรื่องเหล่านั้นในสำนักงานใหญ่ของมิลาน
ถ้าหากพวกเขารู้ล่ะก็ พวกเขาจะไม่แปลกใจกับท่าทางของฉีเจิ้นเลย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการเคารพให้เกียรติเจียงชื่อหรอก ต่อให้ต้องยอมสละตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลฉีไปให้ ก็ยังไม่น่าแปลกใจเลยด้วยซ้ำ
ฉีเจิ้นเดินตามเจียงชื่อไปข้างหน้า บรรดาเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ก็เดินตามมาข้างหลัง ทุกคนทยอยตามกันขึ้นไปบนชั้นสอง
คนอื่นๆ ก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่คนที่ไม่พอใจที่สุดคือ ผู้จัดการแผนกประจำสาขา —- หยวนหยาเหว่ย
พูดตามเหตุผลแล้ว ในเขตเจียงหนาน ตำแหน่งผู้จัดการแผนกประจำสาขาอย่างเขาถือเป็นเจ้าหน้าที่ที่ใหญ่ที่สุดแล้ว วันนี้ควรเป็นเขาที่ได้โอกาสเสนอหน้าเพื่อสร้างความชอบต่อหน้าฉีเจิ้น กระดิกหางประจบสอพลอให้เป็นที่จดจำซะหน่อย
ใครจะไปรู้ล่ะว่า สุดท้ายฉีเจิ้นกลับไม่สนใจเขาเลยสักนิด ความสนใจทั้งหมดของเขาล้วนทุ่มเทไปที่เจียงชื่อจนหมด ซึ่งนั่นทำให้หัวใจของหยวนหยาเหว่ยหงุดหงิดงุ่นง่านสุดๆ เป็นอารมณ์ที่คล้ายกับนางสนมที่ถูกทอดทิ้งไว้ตามลำพังในวังหลังอันหนาวเหน็บ ในหัวใจเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยาอย่างไรอย่างนั้น
ยิ่งเขาเห็นเจียงชื่อมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งอารมณ์เสียมากขึ้นเท่านั้น จะยังไงก็ตามภายในงานเลี้ยงวันนี้ เขาจะต้องหาทางกู้หน้าตัวเองกลับมาให้ได้!
“เป็นแค่ลูกตาสีตาสา กล้าคิดจะมาแย่งชิงผลงานต่อหน้าฉันอย่างนั้นเรอะ?”
“คอยดูไปละกัน ว่าฉันจะบีบแกให้ตายยังไง!”
หยวนหยาเหว่ยพึมพำกับตัวเองสองประโยค ก่อนจะเดินตามขึ้นไปบนชั้นสอง