จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 744 น้องเขย
ไม่ว่ายังไง เจียงชื่อก็เป็นคนสำคัญอันดับสองของตระกูลฉีในตอนนี้ มีหุ้นมากเป็นอันดับสอง เข้ามาเป็นคณะกรรมการบริษัท
ในอนาคตหากต้องการประสบความสำเร็จในเขตเจียงหนาน จำเป็นต้องให้เจียงชื่อออกแรงช่วย
จะไปขับไล่เขาแบบนั้นไม่ได้
ฉีเจิ้นยังหวังว่าเจียงชื่อจะสามารถคลายความโมโหลงไปได้เร็วๆ ยับยั่งชั่งใจเพื่อความสงบสุข
ในความเป็นจริง ฉีเจิ้นเข้าใจเจียงชื่อผิดไปแล้ว เมื่อครู่นี้คำพูดเหล่านั้นที่เจียงชื่อพูดออกมาไม่ได้มีอารมณ์โกรธเลยสักประโยค
บางครั้งพูดจริง พูดเรื่องจริง ฟังดูไม่ค่อยรื่นหูเท่าไหร่ จึงทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่าเป็นการพูดด้วยอารมณ์ แต่กลับกันหากเป็นการพูดปดคุยโวโอ้อวดกลับทำให้คนฟังแล้วสบายหูกว่า
จนใจจริงๆ
ทุกคนได้ลงมาชั้นล่างแล้ว ก็เห็นติงเฟิงเฉิงที่สวมชุดสูทผูกเนคไทกำลังเดินมาทางพวกเขาพอดี
ฉีเจิ้นเดินเข้าไปต้อนรับ
หลังจากพูดจาทักทายด้วยความเกรงใจสักครู่ เขาก็เดินนำติงเฟิงเฉิงขึ้นไปด้านบนด้วยตัวเอง
หยวนหยาเหว่ยรู้สึกปริ่มใจมาก
อีกเดี๋ยวเมื่อขึ้นไปด้านบนแล้ว เขาต้องนั่งติดกับติงเฟิงเฉิงให้ได้ ให้ติงเฟิงเฉิงนั่งตำแหน่งประธาน ส่วนเขากับฉีเจิ้นนั่งขนาบซ้ายขวา ส่วนไอ้เจียงชื่อนั่น อยากจะนั่งตรงไหนก็นั่งไปเถอะ
เหอะเหอะ คนนอกคนหนึ่งอยากอาศัยความสัมพันธ์ที่มีกับฉีเจิ้น มาเอาชนะตัวเอง?
ไม่มีทางซะหรอก!
ในใจคิดไปพลาง ใบหน้าก็ยิ้มไปพลาง หยวนหยาเหว่ยเชิญติงเฟิงเฉิงขึ้นไปด้านบนด้วยท่าทีเคารพยำเกรง
ติงเฟิงเฉิงก็รู้สึกดีเป็นอย่างมาก
พูดตามตรง เขาไม่เคยได้รับการปฏิบัติแบบนี้มาก่อนเลย ถ้าหากไม่ใช่เพราะเจียงชื่อช่วยให้เขาได้ทำโครงการนี้ เขาจะได้รับการปรนนิบัติดูแลจากประธานบริษัทใหญ่ได้ยังไงกัน?
ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกซาบซึ้งใจต่อเจียงชื่อ
ทุกคนต่างก็มีแผนการในใจกันทั้งนั้น ล้อมหน้าล้อมหลังกันจนมาถึงชั้นสอง มาถึงยังห้องอาหารส่วนตัว
เมื่อเข้าไปด้านใน ติงเฟิงเฉิงก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งกำลังนั่งทานอาหารอยู่ตรงนั้น
ตามปกติแล้ว ใครเห็นภาพอย่างนี้คงจะไม่พอใจกันทั้งนั้น คนอื่นๆ มาต้อนรับตัวเอง แต่ทำไมแกพิเศษอยู่คนเดียว?
สีหน้าของฉีเจิ้นดูแย่เล็กน้อย
หยวนหยาเหว่ยแอบหัวเราะอยู่ด้านหลัง คิดในใจว่ามีเรื่องสนุกให้ดูแล้วล่ะ อีกเดี๋ยวเจียงชื่อต้องถูกด่าไม่มีชิ้นดีแน่นอน
“เจียงชื่อ ฉันจะดูสิว่าแกจะอวดเก่งได้อีกไหม?” หยวนหยาเหว่ยคิดในใจ
ใครจะไปรู้ว่า……
ติงเฟิงเฉิงอึ้งไปสองวิ จากนั้นก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
เมื่อหัวเราะออกมา ก็ทำให้ทุกคนยิ้มหน้าเจื่อนไปเลย
โดยเฉพาะหยวนหยาเหว่ย เขาคิดว่าติงเฟิงเฉิงจะโมโหเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที สะบัดแขนเสื้อแล้วจากไป แต่ปรากฏว่าเขาไม่ทำอะไรเลย กลับหัวเราะเสียงดังด้วยซ้ำ
นี่มันหมายความว่ายังไง?
ไม่เข้าใจเลย
เรื่องที่ทำให้เขายิ่งตกตะลึงคือหลังจากนั้น
เห็นติงเฟิงเฉิงผละออกจากทุกคน แล้วเดินตรงไปหาเจียงชื่อ อีกทั้งเอ่ยทักทายด้วยความสนิทสนมเป็นอย่างมาก “ทำไมนายมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”
เจียงชื่อตบเก้าอี้ว่างที่อยู่ด้านข้าง
“ฉันเป็นเพื่อนสนิทกับประธานฉี วันนี้มาทานข้าวกับประธานฉี ใครจะไปรู้ว่านายก็มาทานฟรีด้วย”
“เตรียมที่นั่งไว้ให้นายแล้ว นั่งเถอะ”
ที่นั่งข้างเจียงชื่อ เป็นตำแหน่งที่นั่งของลูกน้อง ไม่ใช่ที่นั่งที่คนสำคัญควรนั่งเด็ดขาด
ปรากฏว่า ติงเฟิงเฉิงไม่มีท่าทีไม่มีพอใจเลยแม้แต่น้อย ทว่ากลับนั่งลงด้วยความดีอกดีใจเป็นอย่างมาก แล้วพูดคุยกับเจียงชื่อด้วยความสนิทสนม
ภาพนี้ทำให้ทุกคนงงกันไปหมด
หยวนหยาเหว่ยสีหน้าสับสนงุนงง ใครสามารถอธิบายได้บ้าง ว่าตกลงนี่มันเกิดอะไรขึ้น?
ตอนแรกฉีเจิ้นรู้สึกค่อนข้างช็อก แต่ต่อมาก็มีท่าทีดีใจมาก
เขาเพิ่งคิดได้ว่า คำพูดเหล่านั้นของเจียงชื่อเมื่อครู่นี้ไม่ได้พูดด้วยอารมณ์เลยสักนิด แต่เป็นคำพูดที่เป็นเรื่องจริง เห็นท่าทางที่สนิทสนมของเขากับติงเฟิงเฉิง ก็เป็นไปได้จริงๆ ว่าสามารถเรียกติงเฟิงเฉิงไปพูดคุยที่บ้านได้
ในเมื่อติงเฟิงเฉิงนั่งลงแล้ว ฉีเจิ้นก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วได้นั่งลงที่เก้าอี้ประธาน
เขาเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ “เถ้าแก่ติง หมอเทวดาเจียง ทำไม คุณสองคนรู้จักกันเหรอ?”
เจียงชื่อหัวเราะ แต่ไม่ได้พูดอะไร
ติงเฟิงเฉิงพูดด้วยสีหน้าสงสัย “อะไรคือพวกเราสองคนรู้จักกันเหรอ? ประธานฉี คุณไม่รู้ความสัมพันธ์ของพวกเราเหรอ?”
“ไม่ทราบครับ”
“อ้าว เจียงชื่อ เป็นน้องเขยผม!”
โครม……
หยวนหยาเหว่ยเกือบหล่นลงจากเก้าอี้ หัวใจเต้นตึกตักๆ อย่างบ้าคลั่ง
ไอ้เวรเอ้ย เมื่อกี้ตัวเองเพิ่งคุยโวโอ้อวดไป ว่ากว่าจะเชิญติงเฟิงเฉิงมาได้นั้นไม่ง่ายเลย แถมยังหัวเราะเยาะที่เจียงชื่อไม่มีเส้นสายอีกต่างหาก
ผลเป็นไงล่ะ?
เจียงชื่อคือน้องเขยของติงเฟิงเฉิง!
ความสัมพันธ์ระดับนี้ แค่พูดคุยเรื่อยเปื่อยก็เจรจาความร่วมมือโครงการกันได้แล้ว ต้องยุ่งยากอะไรที่ไหนกันล่ะ?
ปกติอยู่บ้านทำกับข้าวสักสองอย่าง โทรศัพท์นัดมาคุยรายละเอียดที่บ้านก็ได้แล้ว
ตอนนี้นึกถึงคำพูดที่เจียงชื่อเคยพูด ไม่มีประโยคไหนที่พูดเล่นเลย แต่หยวนหยาเหว่ยเอง ที่ช่างไม่รู้ความและต่ำต้อย
เขาอายจนหน้าแดง อยากขุดหลุมแล้วฝังตัวเองลงไปซะ
เดิมทีคิดว่าสามารถเชิญติงเฟิงเฉิงมาได้เป็นเรื่องที่สุดยอดมากเรื่องหนึ่ง ทำเรื่องที่ได้หน้าต่อหน้าฉีเจิ้น เป็นเรื่องที่ทำให้มีหน้ามีตาขึ้นมาบ้าง
แต่ผลปรากฏว่า ทำให้คนอื่นได้ความดีความชอบไปเสียได้
ติงเฟิงเฉิงไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับตัวเองเลยสักนิด เมื่อขึ้นมาก็มานั่งข้างเจียงชื่อ คนที่ตัวเชิญมากลายเป็นผู้สมคบคิดกับคนอื่นไปเสียได้ หยวนหยาเหว่ยจึงรู้สึกโมโหมาก
แต่ถึงโมโหไป แล้วจะทำอะไรได้ล่ะ?
เฮ้อ!!!
ส่วนฉีเจิ้น ทั้งตกใจทั้งดีใจ
มีเจียงชื่อที่มีความสัมพันธ์เป็นถึงน้องเขย เชื่อว่าการเจรจาธุรกิจคงไม่มีอุปสรรคอะไรแล้ว
ในความเป็นจริง ขอแค่เจียงชื่อเอ่ยปาก ติงเฟิงเฉิงก็ไม่มีทางลังเลเด็ดขาด ต้องรับปากอย่างแน่นอน โครงการนี้เป็นเจียงชื่อที่ช่วยให้เขาได้มันมา เขาจะเป็นปฏิปักษ์กับเจียงชื่อได้ยังไงล่ะ?
พูดได้แค่ว่า หมากที่หยวนหยาเหว่ยเดินตัวนี้เดินได้แย่มากเหลือเกิน!