จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 956 คนใหญ่คนโตคนนั้นในเมืองหลวง
พอเห็นพ่อไม่พูดไม่จา สือเหวินปิ่งก็ยิ่งสติแตกเข้าไปอีก เขาตัดสินใจพุ่งเข้าใส่สือควน ทั้งทุบตีทั้งตวาด ไอ้พ่อไม่ได้เรื่อง มีพ่อที่ไหนเขาเป็นแบบนี้บ้าง? ถึงว่าทำไมตอนนั้นแม่ถึงไม่ให้เกียรติพ่อ ถึงขนาดยอมหนีตามไอ้แก่ในเมืองหลวงที่ทั้งแก่ทั้งขี้เหร่ไป ก็ยังไม่ยอมใช้ชีวิตอยู่กับพ่อ พ่อมันไร้ค่า ขยะ เศษสวะ!
การที่ลูกผู้ชายคนหนึ่ง คนเป็นพ่อคนหนึ่ง ถูกลูกชายของตนทั้งตีทั้งด่า
จะให้เอาหน้าไปไว้ไหน?
สิ่งที่เจ็บใจที่สุดคือ ทุกคำที่สือเหวินปิ่งพูดมามันต่างก็ฝังลึกอยู่ในใจของสือควนทั้งนั้น
ตอนนั้นภรรยาของสือควนทนกับความเจ้าหลักการ ความยอมคนของเขาไม่ได้ จึงตัดสินใจหนีไปกับตาแก่มีเงินที่เมืองหลวง
นั่นเป็นความเจ็บที่ฝังใจสือควนไปตลอดชีวิต
พอถูกพูดถึงตอนนี้ ความเดือดดาลที่สือควนอดกลั้นมานานหลายปีก็ได้ระเบิดออกมา!
แม่งจะแหกปากอะไรหนักหนา?
เก่งนักก็หนีตามแม่ไร้ค่าของแกไปที่เมืองหลวงสิ!
สือควนคนนี้รอบคอบมาทั้งชีวิต สุดท้ายกลับต้องมาพังในมือของไอ้เหี้ยอย่างแก ไอ้คนไร้สมอง ฉันละสงสัยจริงๆ ว่าแกเป็นลูกแท้ๆ ของฉันรึเปล่า!
แก อาจจะเป็นลูกที่แม่ไร้ค่านั่นแอบออกไปมีกับชายชั่วข้างนอกก็ได้!
สือควนเองก็ไม่สนใจอะไรแล้ว ทำการต่อว่าออกมาอย่างหยาบคาย
พ่อลูกคู่นี้ได้ทะเลาะกันขึ้นมาในห้องขัง ถ้าแค่ทะเลาะกันยังพอว่า แต่นี่ทั้งต่อยทั้งเตะและถึงขั้นใช้ปากด้วย สถานการณ์รุนแรงจนดูเละเทะไปหมด
พ่อลูกสองคนทะเลาะกันจนถึงขึ้นนี้ มันทำให้ไม่รู้ว่าจะร้องหรือหัวเราะดี
ในอีกด้านหนึ่ง
เซี่ยเมิ่งจื้อให้ลูกน้องไปเอากุญแจในตู้เซฟที่ธนาคาร จากนั้นก็ขับรถพาเจียงชื่อเดินทางไปที่สมาคมการแพทย์ของสือควน
ยี่สิบนาทีมาถึงที่หน้าประตู
เจียงชื่อผลักประตูออกอย่างไม่รีรอ และเดินมาถึงห้องทำงานในสมาคมการแพทย์โดยไม่หยุดแม้แต่ก้าวเดียว สั่งให้ทุกคนรออยู่ด้านนอก ห้ามใครเข้าไปเด็ดขาด
จากนั้น เจียงชื่อก็ยื่นมือไปหยิบกุญแจออกมา เปิดลิ้นชักใต้โต๊ะทำงานออก
เสียงแก๊กดังขึ้น กุญแจถูกไขออก
เจียงชื่อออกแรงเบาๆ ดึงลิ้นชักใต้โต๊ะออก แล้วเห็นจดหมายหลายฉบับอยู่ในนั้นจริงๆ
เขายื่นมือที่สั่นเทาไปหยิบมาฉบับหนึ่ง
แกะออก เปิดอ่าน
เนื้อหาในจดหมายมีไม่มาก แต่มันก็เป็นข้อเรียกร้องที่คนใหญ่คนโตจากเมืองหลวงคนนั้นมีต่อสือควนจริงๆ อาการโดยรวม เวลา คนที่ถูกเลือก สถานที่และอื่นๆ ต่างเขียนอยู่ในนั้น
หลังจากที่อ่านจดหมายครบทุกฉบับแล้ว หัวใจของเจียงชื่อก็เจ็บปวดราวกับถูกมีดบดขยี้
จดหมายพวกนี้ต้องไม่ใช่ของปลอมแน่นอน
ที่ผ่านมาสือควนไม่เคยรู้จักฐานะที่แท้จริงของเจียงชื่อมาก่อน ไม่มีทางสร้างจดหมายปลอมพวกนี้ขึ้นมาเพื่อเล่นงานเขาแน่นอน ที่สำคัญ สือควนก็ไม่มีทางรู้เรื่องความสัมพันธ์ของเจียงห้านเฟยกับเจียงชื่ออยู่แล้ว
ทั้งหมดนี้ มันเป็นโชคชะตา
เทพแห่งสงครามชูร่า เมื่ออยู่ต่อหน้าโชคชะตา ก็เลี่ยงที่จะก้มหัวไม่ได้เหมือนกัน
ไม่นานหลังจากนั้น เซี่ยเมิ่งจื้อก็เคาะประตูเบาๆ ผู้บริหารระดับสูงครับ ผมขอเข้าไปได้มั้ยครับ?
เจียงชื่อพยักหน้า
เซี่ยเมิ่งจื้อเดินเข้ามา พอเห็นสีหน้าที่แทบจะสิ้นหวังของเจียงชื่อ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามไปว่า ผู้บริหารระดับสูง โปรดอภัยที่ข้าน้อยปากมาก เจียงห้านเฟยคนนี้เคยมีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างกับคุณมาก่อนใช่มั้ยครับ?
การที่จะถามแบบนี้ออกมามันก็ถือเป็นเรื่องปกติ
ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เจียงชื่อได้ยินชื่อนี้แล้วอารมณ์ขึ้น ลำพังแค่แซ่ ‘เจียง’ ที่ทั้งคู่ใช้ มันก็ดูจะมันความเชื่อมโยงกันแล้วเซี่ยเมิ่งจื้อคิด เจียงห้านเฟยน่าจะเป็นญาติห่างๆ ของเจียงชื่ออะไรประมาณนั้น
ลูกพี่ลูกน้อง?
หรือว่าจะเป็นลุง?
แต่ใครจะไปคิด คำต่อไปที่เจียงชื่อพูดออกมามันกลับทำให้บรรยากาศอึดอัดขึ้นมาทันที ส่วนเซี่ยเมิ่งจื้อกลับตกใจจนหุบปากไม่ลงเลย
เจียงชื่อถอนหายใจออกมาครั้งหนึ่ง พูดอย่างเจ็บปวดด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า เจียงห้านเฟย เป็นพ่อของผม
พ่อเหรอ?
เป็นพ่อนี่เอง!
เซี่ยเมิ่งจื้อนั้นช็อกไปเลย ความจริงการคาดเดาก่อนหน้าของเขามันก็บ้าบิ่นเกินพอแล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าสวรรค์จะเล่นตลกได้บ้ากว่าที่เขาคิดเสียอีก
บอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญ แต่นี่มันไม่บังเอิญไปหน่อยเหรอ?
ที่แท้ คนที่คอยบงการให้พ่อลูกตระกูลสือทำผิด ก็คือพ่อแท้ๆ ของเจียงชื่ออย่างนั้นเหรอ?! นี่นี่นี่ มันเป็นเรื่องที่ยากจะยอมรับได้จริงๆ
เซี่ยเมิ่งจื้อกลืนน้ำลายลงไปทีหนึ่ง แล้วพูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ ว่า ผู้บริหารระดับสูงครับ บนโลกใบนี้คนที่ชื่อแซ่ซ้ำกันมันเยอะจะตาย บางทีเขาอาจ……
เจียงชื่อส่ายหน้า ไม่ ผมสามารถยืนยันได้ ตัวหนังสือทั้งหมดในจดหมายพวกนี้ ต่างก็เป็นลายมือของพ่อผมทั้งนั้น ชื่อแซ่เดียวกันแถมลายมือยังเหมือนกันอีก ก็มีแต่จะเป็นพ่อผมเท่านั้นแหละ
มาถึงขั้นนี้แล้ว เซี่ยเมิ่งจื้อก็พูดอะไรไม่ได้แล้ว
แค่เรื่องมันบังเอิญเกินไปหน่อยเท่านั้นเอง
เจียงชื่อขำอย่างขมขื่นอยู่ในใจ หลายปีก่อนพ่อได้หายสาบสูญไปอย่างน่าสงสัย ไม่มีเบาะแสอะไรทั้งนั้น จึงทำให้น้องชายที่อ่อนเยาว์ของเขา—-เจียงโม่จำเป็นต้องขึ้นเป็นเจ้าบ้าน
ช่วงที่เจียงชื่อกลับมา เขาก็เอาแต่ตามหาเบาะแสของผู้เป็นพ่อ แต่ก็ไม่เคยได้ข้อมูลอะไรเลย
พวกคนรู้จักก็ไม่มีข้อมูลอะไรเลย
แม้แต่เฉิงไห่ เริ่นจื่อหลันที่เป็นคนสนิทของพ่อก็ยังไม่รู้เบาะแส
เจียงชื่อคิดว่าพ่อได้ตายไปนานแล้ว ชีวิตนี้คงไม่มีทางได้เจอหน้าอีก แต่โชคชะตาก็ยังเล่นตลกกับเขา ภายใต้ความบังเอิญ ในที่สุดเจียงชื่อก็ได้ข้อมูลของพ่อสักที
ทั้งดีใจและทุกข์ใจ
ที่ดีใจคือในที่สุดก็มีโอกาสได้พบหน้าพ่ออีกครั้งแล้ว ส่วนเรื่องที่ทุกข์คือ พ่อน่าจะเป็นคนร้ายที่ทำเรื่องไม่ดีมาโดยตลอด
การพบกันของพ่อลูกที่จากกันหลายปี กลับต้องมาพบกันอย่าง ‘ศัตรู’ อย่างนั้นเหรอ?
เจียงชื่อ ทุกข์จัง!