จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 960 วันมะรืน
จริงด้วย เพราะอะไร?
ต่อให้ซูฉินคิดคนหัวระเบิดก็ยังคิดไม่ออก
อีกอย่าง…..
ติงเมิ่งเหยนพูดพร้อมขมวดคิ้วว่า ฉันกับพ่อแม่ต่างก็ถูกเชิญแล้ว แต่ทำไมถึงไม่ได้เชิญเจียงชื่อด้วยล่ะ?
เจียงชื่อหลุดขำออกมา และแอบยิ้มอยู่ในใจ
เขาที่เป็นเจ้าของงาน ก็ต้องเชิญคนอื่นสิ จะไปถูกเชิญได้ยังไง?
ติงเมิ่งเหยนกะพริบตาปริบๆ และพูดอย่างเป็นกังวลว่า นี่มันจะเป็นการจัดฉากขึ้นรึเปล่าคะ? มีคนจงใจวางกับดักเรามั้ย? แล้วเราจะไปเข้าร่วมกันดีรึเปล่าละเนี่ย?
มันก็จริงนะ
ระหว่างที่คนในบ้านกำลังคุยกันอยู่ ข้างนอกก็มีรถวิ่งเข้ามาอีกคัน
ครั้งนี้ที่มาคือติงเฟิงเฉิง
เขาวิ่งเข้ามาด้วยความเร่งรีบ พูดอย่างหอบๆ ว่า อาสาม อาสะใภ้สาม เมิ่งเหยน เจียงชื่อ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว ผมแม่งได้รับบัตรเชิญจากผู้บริหารระดับสูง เชิญให้ผมไปร่วมงานพิธีปลดเกษียณของผู้บริหารระดับสูงด้วย!
ติงเมิ่งเหยนพูดไปขำไปว่า ไม่ถือว่าเป็นขาวใหม่ เราทั้งบ้านก็ได้รับเชิญเหมือนกัน
หา?
ตอนแรกติงฟิงเฉิงก็ยังไม่ยอมเชื่อ จนได้เห็นบัตรเชิญจึงจำใจต้องเชื่อ
เขาเอามือเกาหัว มันน่าแปลกจริงๆ ทำไมตัวละครเล็กๆ อย่างเราถึงได้เข้าตาผู้บริหารระดับสูงนะ? ตำแหน่งก็สูงไม่พอนี่ และเราก็ไม่ได้รู้จักผู้บริหารระดับสูงเป็นการส่วนตัวใช่มั้ย? ปกติก็ไม่เคยชวนเราไปนั่งด้วย พอถึงตอนที่จะเกษียณกลับเชิญพวกเราไป นี่มันหมายความว่ายังไงเนี่ย? ผู้บริหารระดับสูงคนนี้อ๊องอยู่รึเปล่าเนี่ย?
น้ำในปากของเจียงชื่อเกือบพุ่งออกมา
เขาไอออกมาทีหนึ่ง พูดให้มันดีๆ หน่อย อย่าด่ามั่วๆ สิ
เซี่ยเฟิงเฉิงตบๆ ไปที่ไหล่ของเจียงชื่อ แต่ว่านะเจียงชื่อ นายไม่รู้สึกว่ามันแปลกเหรอ? บ้านเราได้รับบัตรเชิญกันทุกคนแต่นายกลับไม่ได้ มันช่างน่าแปลกจริงๆ!
เจียงชื่อยิ้มๆ ผมมันก็แค่เขยที่แต่เข้าบ้าน การที่เขาไม่เชิญผมมันก็เป็นเรื่องธรรมดา น่าแปลกตรงไหน?
ระหว่างที่พูด เขาก็กะพริบตาให้เซี่ยเฟิงเฉิง แล้วพูดอย่างมีความนัยว่า ถึงผมจะไม่ได้รับเชิญ แต่ไม่แน่เราอาจจะเจอกันในงานก็ได้นะครับ
ติงเฟิงเฉิงพูดเยาะเย้ยว่า เจ๋งนี่ ขี้โม้ พิธีปลดเกษียณนั่นใช่งานที่ใครๆ ก็เข้าได้รึไง? ถ้าไม่มีบัตรเชิญ ก่อนนายจะไปถึงประตูก็ถูกตำรวจขวางเอาไว้แล้ว ในวันนั้น ต้องมีตำรวจนับพันนายปิดล้อมเอาไว้อย่างแน่นหนาแน่นอน แม้แต่นกสักตัวก็บินออกไปไม่ได้ แล้วนายยังบอกว่าจะเข้าไปหาเราอีก ขี้โม้สิ้นดี
เจียงชื่อมองหน้าเขา งั้นเรามาพนันกันหน่อยมั้ย?
ติงเฟิงเฉิงหัวเราะคริคริ เจียงชื่อ ฉันเคยพนันกับนายมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ทุกครั้งฉันจะเป็นฝ่ายแพ้ แต่ว่าครั้งนี้ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะแพ้เลย นายยังคิดจะพนันกับฉันอีก นี่นายตั้งใจจะแพ้ให้ฉันใช่มั้ย?
ฮึ ดูความอวดดีของคุณสิ รอชนะก่อนค่อยคุยโวก็ได้
ได้ แล้วนายจะพนันยังไง?
เจียงชื่อคิดๆ แล้วพูดไปว่า ถ้าวันมะรืนเราได้เจอกันในงานพิธีปลดเกษียณ ก็จะถือว่าผมชนะ คุณต้องช่วยผมดูแลคนในครอบครัวให้ดี แต่ถ้าผมแพ้ คุณสั่งอะไรผมก็จะทำตามทุกอย่าง
หา? ติงเฟิงเฉิงอึ้งไปหลายวิ เจียงชื่อ นี่นายหมายความว่ายังไง? ถ้านายชนะ จะให้ฉันช่วยดูแลคนในครอบครัวอย่างนั้นเหรอ? นี่นายกำลังป่วยหนักอยู่เหรอ?
ไม่ใช่ อย่ามาแช่งผมนะ
แล้วทำไมนายถึงต้องยื่นคำขอที่แปลกประหลาดแบบนั้นออกมาด้วย?
เจียงชื่อยักไหล่ ไม่ต้องถามเยอะขนาดนั้น ถึงตอนนั้นคุณก็จะรู้เอง อยู่ที่นายแล้วว่าจะกล้ารึเปล่า
ติงเฟิงเฉิงอารมณ์ดีแล้ว ทำไมจะไม่กล้า? แล้วฉันจะบอกอะไรให้ ต่อให้นายไม่พูด ฉันก็จะดูแลครอบครัวของอาสามอยู่แล้ว เดิมที่เราก็เป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว มันก็ต้องดูแลซึ่งกันและกันสิ
เจียงชื่อตบไหล่ของติงเฟิงเฉิงอย่างสบายใจ ขอบคุณ
เมื่อสองคำนั้นถูกพูดออกมา ติงเฟิงเฉิงก็ยิ่งรู้สึกผิดปกติเข้าไปใหญ่ ทำไมถึงรู้สึกเหมือนจะจากกันโดยยากที่จะได้พบกันอีกนะ?
รู้สึกเหมือนเจียงชื่อพร้อมจะจากไปทุกเมื่อเลย
เจียงชื่อ นายอย่ามาทำให้ฉันตกใจนะ นี่นายกำลังป่วยอยู่ใช่มั้ย?
ไม่ อย่าคิดบ้าๆ นะ
แล้วทำไมนายถึง…..
ไม่ต้องถาม พอถึงวันมะรืน ทุกอย่างก็จะเปิดเผยออกมาเอง
บทสนทนาของพวกเขาอาจฟังดูผ่อนคลาย แต่กลับแฝงด้วยความจริงจัง ทำเอาติงเมิ่งเหยนที่ฟังอยู่ข้างๆ ถึงกับทำหน้าเครียดเลย
เธอจำได้ว่าเมื่อคืนเจียงชื่อก็พูดอะไรแบบนี้
บอกว่าอีกสองวัน จะบอกความจริงทุกอย่างให้กับเธอ
ตกลงเจียงชื่อซ่อนความลับอะไรไว้นะ? ทำไมต้องรอถึงวันมะรืนด้วย?
วันมะรืน
วันมะรืน เจียงชื่อคิดจะทำอะไร? พูดอะไรนะ?
แต่ที่บังเอิญคือ วันมะรืนที่จะถึงนี้มันดันเป็นวันเกษียณที่ผู้บริหารระดับสูงด้วย หรือระหว่างเจียงชื่อกับผู้บริหารระดับสูง…..
ติงเมิ่งเหยนหลุดขำออกมา จากนั้นก็ส่ายหน้า
คิดมากไปแล้ว จะเป็นไปได้ยังไง
เธอถอนหายใจออกมายาวๆ เพราะไม่ว่ายังไง พอถึงวันมะรืน เรื่องทุกอย่างก็จะกระจ่างเอง
ความลับเล็กๆ ของเจียงชื่อ การเกษียณของผู้บริหารระดับสูง รวมถึงเหตุผลที่ทำไมผู้บริหารระดับสูงถึงต้องเชิญพวกเธอทั้งบ้านไปร่วมงานพิธี มันก็จะกระจ่างทั้งหมดเอง
ตอนนี้ต่อให้คาดเดายังไงก็ไม่มีประโยชน์ ค่อยไปทำความเข้าใจทุกอย่างในวันมะรืนดีกว่า
เอาล่ะ ทุกคนอย่ามัวนั่งเฉยเลย กินข้าวกันเถอะค่ะ ติงเมิ่งเหยนเรียกทุกคนด้วยรอยยิ้ม
กินข้าวกินข้าว ผมเองก็หิวพอดีเลย ติงเฟิงเฉิงทำตัวไม่เกรงใจ หยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วเริ่มกิน ไม่ได้ทำตัวเป็นคนนอกเลยสักนิด
ระหว่างความครึกครื้น แววตาของเจียงชื่อก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
ครอบครัวแบบนี้มันช่างวิเศษจริงๆ
แต่น่าเสียดาย ความรู้สึกแบบนี้ จะอยู่อีกแค่ไม่กี่วันแล้ว