จอมนักรบท้าโลก - บทที่ 965 คุกเข่าลง
ถังแหวนโม่ก้มมองนาฬิกา เหลือเวลาอีกแค่สองนาที ถ้ายังไม่รีบเข้าไป ชีวิตของเขาได้จบสิ้นจริงๆ แน่!
เขาร้อนรนจนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว จึงพูดด้วยความน่าสงสารว่า อาสามคนดีของผม อาช่วยปล่อยผมไปสักครั้งเถอะนะครับ รีบเข้าไปข้างในกับผมเร็ว ผู้บริหารระดับสูงเจาะจงว่าทุกคนในบ้านอาต้องอยู่ครบ ถ้าพวกอาไปอยู่ ผมก็ทำหน้าที่สำเร็จไม่ได้นะสิ!
ยิ่งพูดแบบนี้ ติงฉี่ซานก็ยิ่งเล่นตัว
ปกติเขาโดนถังแหวนโม่กลั่นแกล้งมาไม่ใช่น้อย นานๆจะมีโอกาสได้เอาคืนถังแหวนโม่อย่างหนัก ก็ไม่มีทางพลาดอยู่แล้ว
ติงฉี่ซานนั่งไขว่ห้าง ทำปากแจ่มๆ จงใจพูดให้ช้าลง ขอโทษนะ เมื่อกี้ฉันไปเดินในโรงพักมารอบหนึ่ง รู้สึกเหนื่อยอยากนอนแล้ว
ถังแหวนโม่ตะโกนออกมาด้วยความร้อนรน อาสาม นี่อากำลังบีบให้ผมจนตรอกอย่างนั้นเหรอ! ผมขอร้องอาจริงๆ ผมคุกเข่าให้อาเลยได้มั้ย?
ได้สิ คุกเข่าเลยสิ
เดิมทีมันก็แค่การต่อปากต่อคำ จึงพูดแบบนั้นออกไปด้วยความโมโห แต่ติงฉี่ซานก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้ถังแหวนโม่คุกเข่าจริงๆ
ยังไงฐานะของเขากับถังแหวนโม่ต่างกันมากเกินไป
แต่ใครจะไปคิด ถังแหวนโม่กลับไม่มีความลังเลใดๆ คุกเข่าลงตรงหน้าของติงฉี่ซานทันที!
อาสาม ผมขอร้องล่ะ รีบเข้าไปข้างในกับผมเถอะ!
ติงฉี่ซานตกใจจนสะดุ้ง มองถังแหวนโม่ตาละห้อย ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
ถังแหวนโม่เป็นใคร?
เป็นถึงรองผู้บัญชาการฝ่ายตะวันออกของจ้านยู่ เป็นคนใหญ่คนโตที่ไม่ว่ายังไงติงฉี่ซานก็ห้ามล่วงเกินเด็ดขาด
แต่คนใหญ่คนโตที่สูงส่งจนไม่อาจเทียบเคียงแบบนี้ กลับมาคุกเข่าให้เขาต่อหน้าทุกคนแบบนี้
ใครจะกล้าเชื่อ?
มันกลับทำให้ติงฉี่ซานรู้สึกผิดแล้ว เขานึกไม่ถึงจริงๆ ว่าถังฉี่โม่จะคุกเข่าจริงๆ
ซูฉินที่อยู่ข้างๆ รีบเข้ามาไกล่เกลี่ย พอแล้วพอแล้ว ต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องทำตัวห่างเหินขนาดนั้นก็ได้แหวนโม่ รีบลุกขึ้นเถอะ
แล้วเธอก็หันมาผลักติงฉี่โม่ ตาแก่คุณเองก็พอได้แล้ว ผู้บริหารระดับสูงอุตส่าห์ส่งบัตรเชิญมาให้เรา เชิญเราทั้งบ้านให้เข้าร่วมงาน คุณก็ดันมาบอกว่าจะไม่ไป ยังไงมันก็ดูจะเสียมารยาทไปหน่อยมั้ง?
มันต้องดูเสียมารยาทอยู่แล้ว
ติงฉี่ซานแค่อยากแกล้งถังแหวนโม่เล่น แต่ในใจก็ยังอยากเข้าร่วมงานมากอยู่ดี
นี่มันเป็นความภาคภูมิใจของวงศ์ตระกูลเลยนะ
ทำไมต้องล้มเลิกด้วยล่ะ?
เพื่อเป็นการให้เกียรติถังแหวนโม่ และเป็นการเติมเต็มความต้องการในใจ ติงฉี่ซานก็พยักหน้า เอาล่ะ เห็นแก่ความจริงใจของเธอ ฉันยอมเข้าไปกับเธอก็ได้
ถังแหวนโม่ค่อยโล่งอกขึ้นมาหน่อย เขารีบพยุงติงฉี่ซานเข้าไปข้างใน
ก่อนที่เวลาสุดท้ายจะหมดลง ถังแหวนโม่ก็แทบจะแบกติงฉี่ซานวิ่งแล้ว!
ในที่สุด ในวินาทีสุดท้าย คนในบ้านตระกูลติงทั้งหมดก็มาถึงภายในงาน ถังแหวนโม่มองดูเวลา ตกใจจนเหงื่อออกไปทั่วตัว หายใจหอบไม่ยอมหยุด
ทันใดนั้น มู่หยางอีก็พาคนเดินเข้ามา
ถังแหวนโม่รีบเดินไปข้างหน้า ท่านผบ.มู่ ผมเชิญคนบ้านตระกูลติงมาครบแล้วครับ
มู่หยางอีพยักหน้า โอเค คุณไปได้แล้ว เบื้องบนได้ปลดคุณออกจากตำแหน่งแล้ว ตั้งแต่พรุ่งนี้ คุณก็ไปหางานอย่างอื่นทำเถอะ
ถังแหวนโม่โอดครวญอยู่ในใจ แต่จะทำอะไรได้?
แค่ยังไม่ตายก็ดีเท่าไหร่แล้ว
แต่เขาก็ยังถามด้วยความไม่พอใจว่า ท่านผบ.มู่ ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดี ทำไมผู้บริหารระดับสูงถึงต้องผิดใจกับผมเพราะคนบ้านตระกูลติงด้วย? ไม่ว่ายังไงผมก็เป็นถึงรองผู้บัญชาการฝ่ายตะวันออกของจ้านยู่ มันไม่มีเหตุผลเอาซะเลย!
อยากรู้ใช่มั้ยว่าเป็นเพราะอะไร?
อยาก!
ได้สิ มู่หยางอีชี้ไปยังตำแหน่งที่นั่งที่อยู่ไม่ไกล คุณไปนั่งในที่ที่ควรนั่งก่อน รอผู้บริหารระดับสูงขึ้นมาพูด คุณก็จะเข้าใจทุกอย่างเอง
หา? จริงเหรอครับ?
มู่หยางอีมองเขาอย่างไม่ชอบใจ แล้วไม่ได้สนใจเขาอีก จากนั้นก็เดินตรงไปที่ติงฉี่ซาน
ถังแหวนโม่กัดฟันแน่น พึมพำกับตัวเองว่า ต่อให้ต้องตายก็ต้องตายอย่างชัดเจน ฉันเองก็อยากรู้เหมือนกัน ตกลงผู้บริหารระดับสูงกับตระกูลติงมีความสัมพันธ์อะไรกันแน่น มีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉันออกเพราะตระกูลติง!
เขานั่งลงบนที่นั่งที่เขาควรนั่งด้วยความโมโห รอคอยการเปิดงานในครั้งนี้อย่างเป็นทางการ
อีกด้านหนึ่งมู่หยางอีได้มาถึงตรงหน้าติงฉี่ซานแล้ว ประสานมือคำนับ ลุงติงสวัสดีครับ
ติงฉี่ซานตกใจจนสะดุ้ง นี่เป็นถึงผู้ส่งสารของผู้บริหารระดับสูงเลยนะ ตำแหน่งสูงส่ง แต่กลับมีมารยาทกับเขาแบบนี้มันช่างน่าตกใจเกินไปหน่อย
เขารีบทักทายกลับ ท่านผบ.มู่สวัสดีครับ
มู่หยางอีพูด ต้องขออภัยจริงๆ เป็นเพราะความสะเพร่าของผม ทำให้ทั้งสี่ท่านต้องโดนพาไปที่โรงพัก โปรดยกโทษให้ด้วยครับ
ติงฉี่ซานจะกล้าไปโทษมู่หยางอีได้ยังไง? และดุจากรู้การณ์ มู่หยางอีนี่แหละที่เป็นคนช่วยพวกเขามาจากโรงพัก พวกเขาต่างหากที่ต้องขอบคุณมู่หยางอี
ระหว่างที่คุยกัน เสียงนาฬิกาด้านนอกก็ดังขึ้น
เหลือเวลาอีกสิบห้านาทีพิธีก็จะเริ่มขึ้นแล้ว ห้ามใครเข้าออกอีก ประตูถูกล็อก ทุกคนต่างไปยังที่ที่ตัวเองควรอยู่
แขก นักข่าว ตำรวจ ต่างก็ประจำตำแหน่งของตัวเอง
มู่หยางอีพูดกับติงฉี่ซานว่า ลุงติง งานกำลังจะเริ่มแล้ว ทั้งสี่ท่านรีบไปนั่งประจำที่เถอะครับ
ครับๆครับ แน่นอนอยู่แล้วครับ
ติงฉี่ซานมองไปรอบๆ แล้วก็ต้องอึ้ง เพราะที่นั่งทุกที่นั่งเต็มหมด ไม่มีที่ว่างเหลือให้พวกเขาสี่คนนั่งเลย!
บนบัตรเชิญก็ไม่ได้ระบุที่นั่งของพวกเขาเอาไว้ด้วย