จอมนักรบอหังการ - บทที่ 109 ฝนดาวตกในทะเล
จอมนักรบอหังการ บทที่ 109 ฝนดาวตกในทะเล!
ในห้องนอนนอกจากทั้งครอบครัวของฝ่าบาทผู้สูงส่ง และทั้งครอบครัวของเฉียนจิ้งคุน
สองสามีภรรยาอย่างหวงต้าไห่ในฐานะพ่อแม่บุญธรรมของเสิ่นรั่วชิง ก็อยู่ด้วย
ไม่นึกเลยว่าจะได้ยินเย่อู๋เทียนจะออกคำสั่งให้ฝ่าบาทผู้สูงส่งด้วยน้ำเสียงตำหนิ
เงียบกริบกันทั้งหมด
โดยเฉพาะหวงต้าไห่ ตาแทบจะหลุดออกจากเบ้าลงมาอยู่บนพื้น
ลูกเขยของตัวเอง สถานะเป็นแบบไหนกันแน่ กล้าพูดแบบนี้ต่อฝ่าบาทผู้สูงส่งของประเทศ?
ทั้งครอบครัวของเฉียนจิ้งคุนก็ตึงเครียดขึ้นอย่างมาก คาดไม่ถึงว่า เย่อู๋เทียนจะปฏิบัติต่อฝ่าบาทประเทศเช่นนี้
แต่สิ่งที่ทำให้คนตกตะลึงมากๆก็คือ หลังจากที่ฝ่าบาทได้ยินคำตำหนิของเย่อู๋เทียน ใบหน้าไม่มีความโกรธแม้แต่น้อย
แต่กลับท่าทางดูน้อยเนื้อต่ำใจ
หลายปีมานี้ ไม่นึกเลยว่าเขาจะสังเกตไม่เห็นถึงความทะเยอทะยานที่โฉดชั่วของถังเจิ้งเฟิง
ประมาทเกินไปแล้วจริงๆ
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ฝ่าบาทผู้สูงส่งถึงได้พูดเบาๆ
“งั้นฉันขอตัวก่อน ฉันจะเร่งไปที่เอ๋อเหมย ตรวจสอบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ภายในสามวัน ไม่ชัดเจน ฉันจะรับผิดชอบด้วยการลาออก!”
เย่อู๋เทียนตอบอย่างเฉยเมย
“คุณกลับไปที่ตี้ตู จัดการเคลียร์ตระกูลถังก่อน ส่วนเรื่องหลังภูเขาเอ๋อเหมย แค่ส่งหวางเอ๋อร์ไปก็พอ ร่างกายของเธอนั้นเหนือกว่าคนทั่วไป ต่อให้เจอกับถังเจิ้งเฟิงและหญิงสาวคลุมหน้าเหมือนอย่างวันนี้ เธอก็สามารถที่จะล่าถอยออกมาได้!”
ฝ่าบาทผู้สูงส่งได้ยินคำพูดนี้ ฟังหูไว้หู
ยังไงก็คาดไม่ถึงว่า ในสายตาของเย่อู๋เทียน ศักยภาพของศิลปะการต่อสู้ของโล่หวางจะน่ากลัวมากเช่นนี้
ขนาดตัวของโล่หวางเองก็ไม่เชื่อ ตัวเองมีศักยภาพน่ากลัวขนาดนั้น
เจอกับถังเจิ้งเฟิงและหญิงสาวที่คลุมหน้าอย่างเมื่อกี้นี้ ตัวเองสามารถที่จะล่าถอยออกมาได้จริงๆเหรอ?
แต่เมื่อคิดถึงสายตาที่ไม่เหมือนใครของเย่อู๋เทียน อารมณ์ของโล่หวางก็ซับซ้อน
เฉียนเป่ยเฉินนอนติดเตียงมายี่สิบปี ก็สามารถที่จะเอาชนะหลินกู่ฉานได้ด้วยการชกสองหมัด!
ถ้าอย่างนั้น ในเมื่อเย่อู๋เทียนบอกว่าโล่หวางทำได้ โล่หวางจะต้องดำเนินภารกิจให้สำเร็จอย่างแน่น
เสิ่นรั่วชิงที่อยู่บนเตียงได้ลุกขึ้นมาแล้ว
เย่อู๋เทียนโบกมือ
ฝ่าบาทผู้สูงส่งและคนอื่นถอยออกไป
ในห้องเหลือแค่เย่อู๋เทียนกับเสิ่นรั่วชิงทั้งสองคน
เย่อู๋เทียนมองดูเสิ่นรั่วชิงที่เพิ่งตื่นมา และพูดด้วยความรู้สึกผิด: “ขอโทษด้วย ฉันไม่ได้ปกป้องเธอให้ดี”
เสิ่นรั่วชิงมองดูเย่อู๋เทียน ยกมือขึ้นแตะไปที่แก้มของเขา และยิ้มจางๆ: “ฉันไม่เป็นไร”
เย่อู๋เทียนยิ้มอย่างขมขื่น: “วันนี้ ตอนแรกเป็นวันสำคัญของฉันกับเธอ คาดไม่ถึงว่าจะวุ่นวายกลายเป็นสภาพในตอนนี้”
เสิ่นรั่วชิงนิ่งไปเล็กน้อย และพูดด้วยความสงสัย: “วันสำคัญอะไร?”
เย่อู๋เทียนไม่ได้พูดอะไร ประคองเสิ่นรั่วชิงขึ้นมา มาถึงหอสังเกตการณ์ที่ชั้นบนสุดของโรงแรมว่างไห่
ฉากตรงหน้านี้ สวยจนทำให้คนแทบลืมหายใจ
ข้างนอกเป็นเวลากลางคืน
แสงสว่างของดวงจันทร์ในน้ำทะเล
ด้วยความค่ำคืนมืดมิดเป็นม่าน ดาวตกนับร้อยล้านตกอย่างรวดเร็ว และพุ่งเข้าหาทะเล
ในดาวตก
ดอกกุหลาบขนาดมหึมา ที่แขวนไว้ในม่านราตรี ดอกไม้สีแดงใบไม้สีเขียว แม้จะเป็นเพียงภาพลวง แต่ก็เหมือนมีชีวิต
เสิ่นรั่วชิงมองดูฉากนี้ด้วยความนิ่งอึ้ง
น้ำตาไหลลงมา
ตอนที่หันหน้ามองดูเย่อู๋เทียนอีกครั้ง ใบหน้าที่สวยงาม เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาที่งดงามแล้ว
เย่อู๋เทียนยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของเสิ่นรั่วชิง และพูดอย่างอ่อนโยน
“นี่เป็นพิธีที่ฉันจัดเตรียมไว้ขอเธอแต่งงาน น่าเสียดาย……”
แต่ไม่รอให้เย่อู๋เทียนพูดจบ เสิ่นรั่วชิงก็ขัดจังหวะทันที
“ฉันจะเอาแหวน!”
เย่อู๋เทียนนิ่งไปเล็กน้อย และดูเขินอาย
“เอาไว้วันหลังดีกว่า วันนี้ที่นี่มีคนตาย โชคไม่ดีนิดหน่อย”
เสิ่นรั่วชิงร้องไห้แล้วงอน
“ฉันไม่สน ฉันจะเอาแหวน”
เย่อู๋เทียนยกมือขึ้นเกาจมูก แล้วหยิบกล่องผ้าสีดำออกจากกระเป๋ากางเกง
หลังจากเปิดออกมา เป็นแหวนเพชรสีชมพูงดงามวงหนึ่ง
เสิ่นรั่วชิงยื่นมือที่เรียวยาวออกแล้ว และริมฝีปากของเธอก็เปิดออกเล็กน้อย
“ช่วยสวมให้ฉัน”
เย่อู๋เทียนอ้าปาก
“ฉันยังไม่ได้ขอเธอแต่งงานเลยนะ เธอจะแต่งงาน……”
เสิ่นรั่วชิงก็เร่งอย่างอน
“รีบสวมเดี๋ยวนี้!”
ผลปรากฏว่า กระบวนการที่เย่อู๋เทียนคุกเข่าข้างหนึ่งก็ไม่ต้องทำแล้ว และรีบสวมแหวนเพชรให้เสิ่นรั่วชิง
เย่อู๋เทียนสูดหายใจลึก และถามอีกครั้ง
“รั่วชิง เธอจะ…….”
ก็ไม่รอให้เย่อู๋เทียนพูดจบ เสิ่นรั่วชิงยืนเขย่งปลายเท้าขึ้นมาจูบปากของเขา
เย่อู๋เทียนมึนงง
นี่…….
นี่จะโทษเขาไม่ได้แล้วนะ
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง
เสิ่นรั่วชิงถูกจูบจนลายตาไปโดยสิ้นเชิง และริมฝีปากก็บวมเล็กน้อย
ตอนที่ออกจากห้องนอน ขวยเขิน เหมือนเจ้าสาวแสนสวยที่แต่งงานใหม่
ฝนดาวตกข้างนอกยังตกอยู่
พลเมืองของเมืองเจียงไห่ ไม่ได้ถูกกำหนดให้สงบสุขในค่ำคืนนี้
คึกคักกันทั้งเมือง
ทุกครัวเลือนกำลังพูดคุยกัน
คนประเภทไหนกันแน่ ที่สามารถสร้างฉากในฝันได้ด้วยการลงทุนมากมายขนาดนี้?
เพียงไม่กี่คนที่รู้ว่า สถานการณ์นี้ เป็นเพราะเย่อู๋เทียนได้จ้างทีมเทคนิคพิเศษชั้นนำของโลกมาสร้างมันขึ้นมา
ในเวลาเดียวกัน
โล่หวางได้เร่งเดินทางทั้งวันทั้งคืน ไปที่เขาเอ๋อเหมยแล้ว
มองย้อนไปทางฝนดาวตกบนทะเล
ในใจก็ขมขื่นเป็นอย่างมาก
……
ที่ชั้นบนสุดของโรงแรมว่างไห่ ห้องระดับสวรรค์
เย่อู๋เทียนได้กวาดล้างความทุกข์ก่อนหน้านี้แล้ว นั่งลงพร้อมกับเสิ่นรั่วชิง
ภายใต้การเป็นพยานของฝ่าบาทผู้สูงส่งและคนอื่นๆ เฉียนเป่ยเฉิน คุกเข่าอยู่ตรงหน้าของเย่อู๋เทียนกับเสิ่นรั่วชิง และคำนับไหว้ครู
“อาจารย์กับอาจารย์หญิง ได้โปรดรับเฉียนเป่ยเฉินเป็นลูกศิษย์ด้วย คำนับสามครั้ง!”
ได้รับการคำนับของเฉียนเป่ยเฉินเสร็จ เย่อู๋เทียนกับเสิ่นรั่วชิงรับน้ำชาไหว้ครูในมือของเขาตามลำดับ และต่างคนต่างดื่ม
ต่อจากนั้น เฉียนเป่ยเฉินก็ให้ของขวัญเล็กๆน้อยๆอีก
เย่อู๋เทียนไม่ได้มอง ก็วางไว้ข้างๆ และสั่งการเฉาจ้านหยางที่อยู่ข้างๆ
“เอาของขวัญที่ฉันเตรียมไว้ให้เฉินเอ๋อร์มา”
เฉาจ้านหยางหยิบกล่องยาวออกมาในทันที หลังจากที่เปิดออกมา ก็มีดาบยาวแวววาวไปด้วยแสงอันเยือกเย็นอยู่ข้างใน
ตามด้วยเย่อู๋เทียนถือมันไว้ในมือ ตัวดาบก็สั่นเล็กน้อย และเสียงดาบก็เปล่งออกมา
เย่อู๋เทียนมองไปทางเฉียนเป่ยเฉิน และค่อยๆพูด
“นี่คือ กระบี่มังกรเขียว ก่อนที่อาจารย์จะอายุสิบหกปี ถือดาบนี้ และเอาชนะยอดฝีมือของโลก”
“วันนี้ อาจารย์ก็จะมอบดาบเล่มนี้ให้แก่นาย หวังว่านายจะสามารถใช้สิ่งนี้เป็นกำลังใจจากอาจารย์ที่มีต่อนาย จากนี้ไป ฝึกฝนจิตใจ ฝึกฝนร่างกายและพลัง ทำให้ได้เก่งกว่าอาจารย์!”
เฉียนเป่ยเฉินรับกระบี่มังกรเขียวด้วยอารมณ์ที่ปั่นป่วน น้ำเสียงสั่นเล็กน้อย
“เฉินเอ๋อร์ จะไม่ทำให้รักที่อาจารย์มีให้ผิดหวังอย่างแน่นอน!”
เย่อู๋เทียนยิ้ม
“เอาล่ะ อันที่จริงพิธีที่เรียกว่าไหว้ครู ก็แค่ทำแบบขอไปที นายเพิ่งฟื้นตัวจากการเจ็บป่วยที่รุนแรง ต่อไปตอนที่ฝึกฝน อย่าเหนื่อย ต้องรักษาสุขภาพให้ดี สิ่งนี้สำคัญกว่าสิ่งอื่นใด”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ทุกคนที่อยู่ที่นี่ ใบหน้าก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มยกเว้นเฉาจ้านหยาง
อารมณ์ของเฉาจ้านหยาง กลับซับซ้อนเป็นอย่างมาก
แม้ว่าเขาจะเป็นลูกศิษย์ของเย่อู๋เทียน และเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของเฉียนเป่ยเฉินด้วย
แต่เขาที่เป็นศิษย์พี่ใหญ่ ไม่มีความรู้สึกว่ามีตัวตนอยู่เลย เหมือนกับพิธีไหว้อาจารย์อย่างวันนี้ เขาไม่เคยมีมาก่อน
เย่อู๋เทียนเหมือนกับมองความคิดของเฉาจ้านหยางออกในทันที และสั่งการด้วยรอยยิ้ม
“จ้านหยาง ต่อไปนายก็เป็นคนมาฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ให้กับเฉินเอ๋อร์ ไม่ต้องเกรงใจ ควรที่จะใช้ท่าไม้ตายยังไงก็ใช้อย่างนั้นเลย เอาให้ถึงตายก็ได้!”
“ใช่แล้ว นายก็อย่าได้ดูถูกตัวเอง บทบาทของนาย ก็คือปลาดุกในสระน้ำใต้สำนักของฉัน ไม่มีนาย เด็กเหล่านี้ที่กำลังจะประสบความสำเร็จ ก็ไม่ได้เรื่องเลย มีนายอยู่ ผลก็ย่อมออกมาอยู่แล้ว”
เฉาจ้านหยางฟังคำพูดนี้จบ หันหลังก็เดินไป
เหลือไว้เพียงประโยคหนึ่ง
“อาจารย์ ผมจะไปโดดลงทะเล อยู่ไม่ได้แล้ว ท่านให้ผมเป็นครูฝึกของศิษย์น้อง ผมไปตายดีกว่า”
เย่อู๋เทียนหัวเราะ
หลังอาหารเย็น
เย่อู๋เทียนกับเสิ่นรั่วชิงบอกลาทุกคน แต่กำลังจะขับรถกลับบ้าน
ก็เห็นว่า ทุกคนในตระกูลหวง นำโดยหวงเจี้ยนเย่ เข้าแถวกัน คุกเข่าอยู่หน้าประตูโรงแรมว่างไห่กันทั้งหมด
ไม่เว้นแม้แต่คนเดียว สีหน้าท่าทางทั้งหมดห่อเหี่ยว รู้สึกกระดากอาย
โดยเฉพาะหวงเจี้ยนเย่พ่อของหวงต้าไห่
ก้มหน้าคุกเข่าอยู่ที่นั่น
เหมือนคนบาป
เขาทำแบบนี้ ไม่ได้มีจุดประสงค์อื่น
แค่อยากจะยอมรับความผิดพลาดกับเย่อู๋เทียนต่อหน้าทุกคน และบีบบังคับให้เย่อู๋เทียนยกโทษให้ทั้งตระกูลหวง
หมดหนทาง
นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดที่เขาคิดออกมาให้ตระกูลหวง
ถ้าไม่อย่างนั้น ด้วยพลังที่เย่อู๋เทียนแสดงออกมาในวันนี้ ต้องการให้ตระกูลหวงหายไปจากบนโลกใบนี้ เพียงแค่ขยับริมฝีปากเท่านั้นเอง
หวงเจี้ยนเย่ไม่เชื่อ
ต่อหน้าผู้มีอำนาจทั้งหมดของเมืองเจียงไห่
ท่าทีของตระกูลหวงก็ต่ำต้อยขนาดนี้แล้ว หรือว่าเย่อู๋เทียนยังจะซ้ำเติมคนหมดอำนาจด้วยเหรอ?
ก็จะแสดงให้เห็นว่าเขาไม่มีน้ำใจเลยสักนิดไม่ใช่หรอกเหรอ
ขอแค่เย่อู๋เทียนไว้หน้าปล่อยตระกูลหวงไป ถ้าอย่างนั้นสำหรับตระกูลหวง ก็เป็นโชคดีในความโชคร้ายแล้ว
อย่างน้อยๆ ก็รอดชีวิตมาได้ทั้งหมด
แต่คำพูดของเย่อู๋เทียน กลับทำให้ทุกคนในตระกูลหวง รู้สึกเหมือนตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง!