จอมนักรบอหังการ - บทที่ 116 ตระกูลหานแห่งตี้ตู หานจิ่วฉอง
จอมนักรบอหังการ บทที่ 116 ตระกูลหานแห่งตี้ตู หานจิ่วฉอง!
นอกจากความเป็นไปได้แบบนี้ เกาเยว่หรูก็คิดไม่ออกว่าจะใช้สถานการณ์ใดมาเพื่ออธิบายสถานการณ์ตรงหน้านี้
แต่ถ้าหากพี่เขยเย่อู๋เทียนเป็นลูกนอกสมรสของฝ่าบาทผู้สูงส่งจริงๆ…….
ถ้าอย่างนั้นในสายตาของเย่อู๋เทียน คนอย่างซุนอีหมิงนั้น ไม่คู่ควรที่จะกล่าวถึงจริงๆ!
ในเวลานี้ เย่อู๋เทียนเดินเข้ามาแล้ว
เห็นฝ่าบาทผู้สูงส่งไม่ได้อยู่ในห้องนั่งเล่น เย่อู๋เทียนถามเสิ่นรั่วชิงประโยคหนึ่ง: “รั่วชิง เหล่าโล่ล่ะ?”
เสิ่นรั่วชิงตอบว่า: “เพิ่งจะขึ้นไปชั้นบน”
เย่อู๋เทียนพยักหน้า และพูดว่า: “งั้นพวกเธอคุยกันก่อน ฉันไปคุยงานเรื่องบางอย่างกับเขาที่ชั้นบน”
เสิ่นรั่วชิงยิ้ม: “โอเค เดี๋ยวตอนที่กินข้าว เรียกพวกพี่”
เย่อู๋เทียนตอบรับ และตรงขึ้นไปที่ชั้นบน
ในเวลานี้ เกาเยว่หรูอยากจะถามอะไรบางอย่างจริงๆ แต่ก็ไม่กล้าถาม
คนทั้งคนแทบจะตกอยู่ในสภาวะเดินละเมอ
แม้ว่าเกาเม่ยหลิงและเสิ่นรั่วชิงจะพาเธอไปที่โซฟาแล้ว เธอก็ยังไม่สามารถที่จะตั้งสติได้
น่าตกใจเกินไปแล้ว
ในบ้านของเย่อู๋เทียน ไม่นึกเลยว่าเธอจะเจอกับตัวของฝ่าบาทผู้สูงส่งของประเทศหลง!
ถ้าอยู่ในสมัยโบราณ นี่ก็คือเข้าเฝ้าจักรพรรดิสินะ?
อารมณ์ของเกาเยว่หรูไม่สามารถสงบลงได้เป็นเวลานาน แต่ก็ยังคงแอบเตือนตัวเอง ใจเย็น จะต้องใจเย็น!
สามารถที่จะเป็นญาติกับคนอย่างเย่อู๋เทียนได้ ไม่เพียงแต่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับตัวเอง แต่ยังเป็นโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับทั้งเกาซื่อ อสังหาริมทรัพย์ กรุ๊ปด้วย!
หากสามารถรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับเย่อู๋เทียนได้ ทั้งตระกูลเกา จะต้องประสบความสำเร็จมากๆอย่างแน่นอน!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ท่าทีของเกาเยว่หรูที่มีต่อเกาเม่ยหลิง ก็เปลี่ยนไปเป็นอย่างมากในทันที และเรียกคุณป้า อย่าให้พูดเลยว่าเรียกได้สนิทสนมมากแค่ไหน
ชั้นบน
เย่อู๋เทียนมาถึงที่ห้องทำงานห้องหนึ่งแล้ว
ฝ่าบาทผู้สูงส่งกำลังคุยกับใครบางคนทางโทรศัพท์ สีหน้าดูจริงจังมากๆ
เย่อู๋เทียนเห็นว่ามีการ์ดเชิญสีบรอนซ์วางอยู่บนโต๊ะ โดยมีตัวอักษรขนาดใหญ่ห้าตัวเขียนอยู่ โรงประมูลชุนชิว
ดูเหมือนจะไม่มีอะไร
ปัญหาคือ ดูจากสไตล์การประดิษฐ์ตัวอักษร น่าจะมาจากนักเขียนอักษรพู่กันคนหนึ่ง
ถึงกับลี้ลับมหัศจรรย์กว่าการเขียนอักษรพู่กันของโจงไป๋เซิง
ฝ่าบาทผู้สูงส่งวางสายไปแล้ว และเห็นว่าเย่อู๋เทียนกำลังมองดูการ์ดเชิญนั้นอย่างจริงจัง ก็อธิบายด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า: “สิ่งนี้ค้นออกจากตระกูลถัง แต่ฉันส่งคนไปตรวจสอบแล้ว กลับพบว่า ภายในประเทศหลง ไม่ได้มีร้านประมูลดังกล่าว”
เย่อู๋เทียนพูดอย่างราบเรียบว่า: “ดูลายมือบนการ์ดเชิญใบนี้ น่าจะเขียนโดยผู้แข็งแกร่งศิลปะการต่อสู้ ยิ่งไปกว่านั้นผลการฝึกตนของคนคนนี้ อย่างน้อยๆก็บรรลุถึงพลังมืดแล้ว!”
ฝ่าบาทผู้สูงส่งตกตะลึงชั่วขณะหนึ่ง: “พลังมืด?”
เย่อู๋เทียนพูดด้วยสีหน้าอย่างเคร่งขรึม: “ดูเหมือนว่า เจ็ดปีที่ฉันจากไป ศิลปะการต่อสู้ของประเทศหลง มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จริงๆ หรือว่า ศิลปะการต่อสู้ของประเทศหลง ก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าพวกเราไม่ได้ใส่ใจอย่างจริงจังเท่านั้นเอง!”
ฝ่ายบาทผู้สูงส่งก็ตกตะลึง และพูดขึ้นมาว่า: “ถังเจิ้งเฟิง ก็เกือบจะก่อกวนประเทศหลง ถ้ามีผู้แข็งแกร่งศิลปะต่อสู้ที่น่ากลัวกลุ่มหนึ่งอีก ถ้าอย่างนั้นประเทศหลงที่สง่าผ่าเผย เกรงว่าจะอาจไม่สงบสุขอีกต่อไป”
เย่อู๋เทียนถามว่า: “ตอนนี้ตระกูลถังเป็นยังไงบ้าง?”
ฝ่าบาทผู้สูงส่งตอบกว่า: “คนส่วนใหญ่ถูกนำตัวไปสอบสวนแล้ว เหลือแค่ถังเจิ้งเฟิงและถังเลี่ยนลูกชายของเขาจากตระกูลถัง ยังลอยนวลอยู่! ตอนนี้……ก็ทำได้เพียงรอข่าวจากทางหวางเอ๋อร์”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้จบลง จู่ๆเย่อู๋เทียนก็ได้รับข้อความ
ยิ่งไปกว่านั้น โล่หวางเป็นคนส่งมา
“อาจารย์ ฉันได้แอบเข้าไปในหลังภูเขาเอ๋อเหมย แต่ไม่สามารถออกไปได้ในขณะนี้ แต่ไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้ฉันปลอดภัยแล้ว นอกจากนี้ หลังภูเขาเอ๋อเหมยกำลังจะเปิดสำนักรับลูกศิษย์ เวลาถูกกำหนดขึ้นในวันที่สิบของเดือนหน้า ก่อนหน้านั้น จะมีผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนปรากฏตัวที่ใต้ทะเลสาบชุนชิวเจียงหนาน เพื่อเข้าร่วมงานประมูลชุนชิวของที่นั่น!”
หลังจากอ่านข้อความนี้แล้ว เย่อู๋เทียนก็ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้
“ใต้ทะเลสาบชุนชิว…….”
พึมพำกับตัวเองแบบนี้ เย่อู๋เทียนถึงได้เปิดการ์ดเชิญ ซึ่งข้างในมีข้อมูลเกี่ยวกับใต้ทะเลสาบชุนชิวจริงๆด้วย
งานประมูลชุนชิว จะจัดขึ้นในอีกสี่วัน
ด้วยการ์ดเชิญนี้ สามารถเข้าสู่โรงประมูลชุนชิวของใต้ทะเลสาบชุนชิวได้
แต่ปัญหาอยู่ที่ว่า โรงประมูลชุนชิวให้การ์ดเชิญนี้กับตระกูลถัง ไม่นึกเลยว่าจะเชิญผู้หญิงที่ชื่อว่าถังชิงเกอ
เย่อู๋เทียนถามทันทีว่า: “ตระกูลถัง มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่าถังชิงเกอด้วยหรือเปล่า?”
ฝ่าบาทผู้สูงส่งกลับส่ายหน้า และพูดขึ้นมาว่า: “ไม่มี”
เย่อู๋เทียนหรี่ตาลง และพูดขึ้นมาว่า: “หวางเอ๋อร์ส่งข้อความมา บอกว่าเธอได้แอบเข้าไปหลังภูเขาเอ๋อเหมยแล้ว ส่วนงานประมูลชุนชิวนี้ จะจัดขึ้นในอีกสี่วันที่ใต้ทะเลสาบชุนชิวแห่งเมืองเจียงไห่ ฉันต้องไปด้วยตัวเอง จะดูสิว่า โลกใบนี้ มีวีรบุรุษกี่คนกันแน่ ที่ต้องให้ฉันประลองด้วย!”
“ในอีกสี่วันข้างหน้า…….”ฝ่าบาทผู้สูงส่งดูสีหน้าเคร่งขรึม และถามว่า: “ต้องการให้ฉันส่งคนไปสืบดูก่อนมั้ย?”
“ไม่ต้อง”เย่อู๋เทียนพูดอย่างราบเรียบว่า: “ดูเหมือนตอนนี้ ก็คือถังเจิ้งเฟิงของหลังภูเขาเอ๋อเหมย ต้องการลงมือกับรัฐบาลประเทศหลง ผู้คนที่เหลือ ยังต้องค่อยสังเกตจับตาดู อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น!”
ฝ่าบาทผู้สูงส่งพยักหน้า: “ก็ทำได้แค่แบบนี้ แต่ว่า กลับต้องรบกวนนายให้ไป”
เย่อู๋เทียนพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “ไม่เป็นไรหรอก ถ้าประเทศหลงมีผู้แข็งแกร่งศิลปะการต่อสู้ไม่เข้าสู่;’สังคมมากมายจริงๆ สำหรับประเทศหลง ก็ถือเป็นเรื่องดี สำหรับฉัน ก็ยิ่งเป็นเรื่องดี!”
ฝ่าบาทผู้สูงส่งยิ้มอย่างขมขื่น: “บางทีสำหรับนายอาจจะเป็นแบบนี้ สำหรับประเทศหลง บางทีอาจจะไม่ใช่เรื่องดี ยังไงซะ แค่ถังเจิ้งเฟิง ถ้าหากไม่ใช่ว่าปรากฏตัวที่โรงแรมว่างไห่ พวกเราก็ไม่รู้ว่าเขามีความแข็งแกร่งทรงพลังมากขนาดนั้น ถ้ามีถังเจิ้งเฟิงเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคน และยืนอยู่ตรงข้ามกับพวกเรา งั้นก็เท่ากับว่าเป็นหายนะที่ยิ่งใหญ่!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฝ่าบาทผู้สูงส่งก็เสริมอีกประโยคหนึ่ง: “บอกตามตรง ในกระบวนการจับกุมตระกูลถัง ทีมที่เก่งที่สุดในตี้ตู ได้รับความเสียหายมากกว่าครึ่งหนึ่ง สมาชิกหลายคนของตระกูลถัง แต่วิทยายุทธ์ตัวของพวกเขาเอง ก็ฆ่าตระกูลโล่ของฉันไปเกือบหนึ่งร้อยคน คนระดับสูงบางคนที่สนิทกับฉัน ก็ตายด้วยเหตุนี้! แต่สำหรับโลกภายนอก เรากลับทำได้เพียงเก็บเป็นความลับ!”
เย่อู๋เทียนขมวดคิ้ว: “ทำไมคุณไม่บอกให้เร็วกว่านี้?”
ฝ่าบาทผู้สูงส่งเงียบไปนาน ก่อนจะพูดว่า: “นายเสียสละเพื่อประเทศหลงมากเกินไปแล้ว เรื่องราวมากมาย ฉันไม่อยากให้นายไปจัดการด้วยตัวเอง ก็ยิ่งไม่อยากให้ทหารของนาย ได้รับความเสียหาย!”
เย่อู๋เทียนมองไปทางชายชราที่จอนผมขาวอย่างลึกซึ้ง และพูดอย่างแผ่วเบาว่า: “สี่วันข้างหน้า จะรู้รายละเอียดเอง มีฉันอยู่ ความสงบสุขของประเทศหลงทั้งหมด จะต้องไม่ถูกรบกวนอีกแน่นอน!”
ฝ่าบาทผู้สูงส่งไม่ได้พูดอะไรอีก
แต่ในเวลานี้ ทางเข้าประตูคฤหาสน์ยอดเขา ผิงปู๋จิ้วของหอร้อยยา กุมหน้าอกบุกเข้ามาอย่างกะทันหัน แต่กำลังจะเข้าไปที่ประตู ก็อดกลั้นไว้ไม่ได้ กระอักเลือดสีดำออกมาเต็มปาก และล้มลงกับพื้น
ด้านหลังของผิงปู๋จิ้ว ตามด้วยชายวัยกลางคน สูงเกือบสองร้อยเซนติเมตร สีหน้าดุดันไม่พอใจ ลมปราณที่แผ่ซ่านจากทั้งตัว น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ทำให้คนรู้สึกว่า เรียบง่ายเป็นธรรมชาติกับภูเขาแห่งหนึ่ง
ตระกูลหานแห่งตี้ตู หานจิ่วฉอง!
ในเวลาเดียวกัน ก็เป็นน้องบุญธรรมของถังเจิ้งเฟิง ก็คืออาจารย์ของถังเลี่ยน
สาวเท้าก้าวพรวดๆเข้าไปในประตูคฤหาสน์ยอดเขา หานจิ่วฉองสายตาราวกับเพลิงไฟมองไปทางคฤหาสน์ยอดเขา
เจียงฉางเซิงได้ยินการเคลื่อนไหว ก็วิ่งออกจากป้อมยามแล้ว
มองดูผิงปู๋จิ้วที่ล้มอยู่บนพื้นไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย ก็มองไปทางหานจิ่วฉองอย่างรวดเร็ว
ในชั่วพริบตา เผชิญหน้ากับศัตรูในทันที
หานจิ่วฉองเพียงแต่เหลือบมองเจียงฉางเซิงอย่างสบายๆ และพูดขึ้นมาว่า: “ไปแจ้งให้เย่อู๋เทียนทราบ ก็บอกว่า ลุงของเขามาแล้ว!”