จอมนักรบอหังการ - บทที่ 124 เย่อู่เทียน เป็นแค่ขี้ข้าคนหนึ่ง
จอมนักรบอหังการ บทที่ 124 เย่อู่เทียน เป็นแค่ขี้ข้าคนหนึ่ง ?
เมื่อได้ฟังคำพูดของเสิ่นรั่วชิง เย่อู๋เทียนก็เกิดใจสั่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
แม่ของลูกรู้ดีว่าพ่อชอบอะไร แถมยังเต็มใจใส่มาให้เขาดูด้วย นี่มันช่าง…..
ทำให้เขามีความสุขเหลือเกิน
ถึงขนาดว่า เย่อู๋เทียนเริ่มรู้สึกทนไม่ไหวอยากรีบกลับบ้านแล้ว
ทันใดนั้น เสิ่นรั่วชิงและอ้ายเสี่ยวเตี๋ยก็มายืนอยู่ข้าง ๆ เย่อู๋เทียนแล้ว
เย่อู๋เทียนจงใจก้มหน้าดูหนังสือพิมพ์ ราวกับว่าเพิ่งสังเกตเห็นเสิ่นรั่วชิงและอ้ายเสี่ยวเตี๋ย เขาค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมามองไปยังทั้งสองอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า “ซื้อเสร็จแล้วหรือ ?”
เสิ่นรั่วชิงตอบด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ “ยังต้องไปซื้อย่างอื่นอีกหน่อยน่ะ”
เย่อู๋เทียนจงใจถามกลับไป “ของอะไรหรือ ?”
เสิ่นรั่วชิงสูดลมหายใจลึก เบี่ยงหน้าออกพลางพูดออกมาว่า “ของใช้ผู้หญิงน่ะ คุณรอที่นี่เถอะ ไปด้วยดูจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่”
เย่อู๋เทียนรู้สึกมีความสุข พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า “ได้เลย”
เสิ่นรั่วชิงไม่พูดอะไรอีก เข้าไปยังร้านขายเสื้อผ้าสตรีที่อยู่ถัดไปกับอ้ายเสี่ยวเตี๋ย
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยกอดแขนเสิ่นรั่วชิงอีกครั้ง จากนั้นเขยิบเข้ามาพูดข้างหูของเธออย่างแผ่วเบาว่า “เห เย่อู๋เทียนของเธอน่ะ สรุปแล้วชอบถุงน่องแบบไหนหรือ ? สีอะไร ? ”
เสิ่นรั่วชิงพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “แล้วเธอจะให้ฉันพูดยังไงเนี่ย”
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยหัวเราะคิกคัก “ก็พูดตามจริงน่ะสิ ไม่เป็นไรน่า ฉันแค่อยากรู้ว่าเย่อู๋เทียนของเธอน่ะเร่าร้อนแค่ไหน ดูเขาเมื่อกี้สิ จะแสร้งทำไมกัน ตอนที่มีลูกกับเธอ ก็ทำตัวเรียบร้อยแบบนั้นหรือ ? ฮา ๆ ๆ ๆ อีกนิดฉันก็เกือบจะจินตนาการถึงฉากพวกนั้นได้แล้วล่ะ !”
เสิ่นรั่วชิงจ้องอ้ายเสี่ยวเตี๋ยด้วยหน้าแดงระเรื่อ จากนั้นพูดออกมาด้วยความโมโหว่า “ทำไมเธอเหมือนพวกสาวจิ๊กโก๋เลยเนี่ย ?! ไม่ไหวเลยจริง ๆ !”
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยทำปากมุ่ย พูดขึ้นว่า “เธอกำลังดูถูกใครอยู่น่ะ ? เหมือนอะไรกัน ? ฉันน่ะใช่เลย !”
เสิ่นรั่วชิงมองอ้ายเสี่ยวเตี๋ยด้วยความตะลึงงัน พูดออกมาอย่างยอมแพ้ว่า “ไม่ไหวเลยจริง ๆ ! ทำไมรู้สึกว่าหลังจากที่เธอไปเรียนแลกเปลี่ยนกลับมาถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้นะ !”
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยกลอกตามองบน “เปลี่ยนอะไรล่ะ ฉันก็แค่รู้สึกว่า ทำไมตอนนี้เธอถึงโตมาได้สวยขนาดนี้นะ ? ทำเอาฉันรู้สึกหวั่นไหวนิดหน่อยแล้วเนี่ย !”
ทันใดนั้นเสิ่นรั่วชิงก็ตบมืออ้ายเสี่ยวเตี๋ย ด้วยความหน้าแดง พลางพูดออกมาอย่างเขยอายว่า “น่ารำคาญ ! ทำไมเธอถึงน่ารำคาญขนาดนี้นะ ! โคตรจะเกลียด !”
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยหัวเราะฮิฮิ “เกลียดฉันหรือ ? ฉันสิถึงเกลียดเธอ ! เห็นผู้ชายแล้วลืมเพื่อน ! ที่น่ารังเกียจก็คือผู้หญิงอย่างเธอนั่นแหละ ! ไร้มโนธรรม แต่ก่อนตอนคิดถึงกันเรียกที่รัก มาตอนนี้ไม่ต้องการกันแล้วบอกน่ารำคาญ !”
“……..”
เสิ่นรั่วชิงพูดไม่ออก
เย่อู๋เทียนมีหูที่ไม่ธรรมดา ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองคนคุยกัน ในใจยิ่งรู้สึกปั่นป่วน
เสิ่นรั่วชิงต่อหน้าอ้ายเสี่ยวเตี๋ย กับเวลาที่อยู่ต่อหน้าเขา ราวกับว่าเป็นคนละคนกัน…..
แต่ว่า มันค่อนข้างที่จะให้ความรู้สึกสดใหม่อยู่เหมือนกัน
เย่อู๋เทียนเอามือลูบจมูก กำลังคิดอยู่ในใจว่า คืนนี้หลังจากกลับไป ดูท่าเขาควรจะต้องพูดคุยกับเสิ่นรั่วชิงให้รู้เรื่องหน่อย ก่อนหน้านี้เขาทำตัวเรียบร้อยกับเธอมากเกินไป หลังจากนี้จะไม่ทำตัวเรียบร้อยกับเธออีก ลูกก็มีแล้ว จะมาเรียบร้อยอะไรกัน ?
หลังจากผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง เสิ่นรั่วชิงและอ้ายเสี่ยวเตี๋ยก็เพิ่งจะกลับมา
กระเป๋าทั้งใบเล็กใบใหญ่ต่างบรรจุสิ่งของไว้เต็ม
เย่อู๋เทียนเพียงแค่เหลือบมองคร่าว ๆ ก็เห็นแล้วว่าด้านในคือของที่ผู้ชายชอบเป็นพิเศษ
เสิ่นรั่วชิงคิดได้แล้วงั้นหรือ ?
ขณะที่เย่อู๋เทียนกำลังคิดแบบนี้อยู่นั้น อ้ายเสี่ยวเตี๋ยก็หันไปกระซิบข้างหูของเสิ่นรั่วชิงว่า “ฉันกล้าสัญญากับเธอเลยว่า เธอจะต้องฟังฉัน หลังจากนี้เย่อู๋เทียนจะไม่มีทางไปมองผู้หญิงอื่นคนไหนอีกแล้ว ! แน่นอนว่าหลังจากนี้ยังคงต้องลองทดสอบดู ว่าสุดท้ายแล้วเขาจะเหมือนกับผู้ชายคนอื่น ๆ หรือเปล่า !”
เสิ่นรั่วชิงกระซิบถามว่า “ทดสอบยังไงหรือ ?”
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยบอก “หลังจากทานข้าวเสร็จก็ไปโรงแรมไง ฉันรู้จักอยู่ที่หนึ่ง ด้านในมีแต่หญิงงาม แถมยังเป็นพวกป่าเถื่อนแบบนั้นด้วย ผู้ชายอย่างเย่อู๋เทียน เพียงแต่เหยียบย่างเข้าไปในโรงแรม ในวินาทีแรกจะต้องถูกรายล้อมด้วยผู้หญิงเหล่านั้นแน่นอน พอถึงตอนนั้น ดูสิว่าเขาจะมีปฏิกิริยายังไง !”
เสิ่นรั่วชิงสบถออกมาเบา ๆ จากนั้นพูดว่า “ไม่เข้าท่าสักนิด ! ทำแบบนี้ มันก็เหมือนฉันผลักผู้ชายของตัวเองออกไปน่ะสิ ? เข้าใจคำว่าเก็บชายหนุ่มไว้ในห้องทองคำหรือเปล่า ! ฉันรู้แล้ว เธอแค่อยากจะทำร้ายฉันนี่เอง !”
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยถอนหายใจออกมา จากนั้นพูดขึ้นว่า “เพื่อนเสิ่น ตอนนี้เธอยังไม่รู้จักความร้ายกาจของตัวเธอน่ะสิ ! ที่ฉันทำแบบนี้ ก็เพื่อเธอนั่นแหละ ! แน่นอน ว่าเธอก็มีข้อเสียเหมือนกัน เธอน่ะอ่อนต่อโลกเกินไป เธอจะต้องเรียนรู้ว่าผู้หญิงเหล่านั้นล่อลวงผู้ชายอย่างไร พอได้เรียนรู้แล้ว ความร้ายกาจของเธอจะต้องเยี่ยมกว่าผู้หญิงคนไหน ๆ แน่นอน ! เธอรู้รึเปล่า ผู้ชายไม่ได้ชอบผู้หญิงที่แค่ออกจากห้องก็เข้าแต่ห้องครัวไม่ใช่หรือ ? เธอชอบคำนี้นี่ งั้นเพลิดเพลินกับมันหน่อยสิ !”
เสิ่นรั่วชิงพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำว่า “ฉันอยากเป็นผู้หญิงดี ๆ !”
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยกรอกตาขาว พลางพูดออกมาว่า “ฉันรู้ว่าเธอเป็นคนดี แต่เธอต้องร้ายพอกับผู้ชายของเธอสิ เรื่องร้าย ๆ แบบนั้นน่ะ ขี้อ้อนแบบร้าย ๆ น่ะ ร้ายแบบนั้น เธอทำได้หรือเปล่า ? ทำไม่ได้ ! ไม่อย่างนั้นเธอไม่ต้องมาตกอยู่ในสภาพอย่างวันนี้หรอก !”
เสิ่นรั่วชิงถามขึ้นว่า “ตอนนี้ฉันเป็นยังไงหรือ ?”
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยพูดโดยให้เหตุผลว่า “เธอน่ะมันธรรมดาเกินไป เหมือนกับเมื่อกี้ เธอเพิ่งจะไปซื้อของ ทำไมถึงไม่ให้เย่อู๋เทียนตามมาด้วยล่ะ ? ยังจะหน้าแดงอยู่อีก เธอไม่เคยเข้าใจเลยว่าผู้ชายเขาคิดอะไรอยู่ ! ถ้าฉันเป็นเหมือนเธอตอนนี้ มีเงินแบบเธอ ตอนที่ไปซื้อของร้ายข้าง ๆ ฉันคงเหมาที่ไปแล้วล่ะ จะเหมาไว้ทำไมกันล่ะ ? ก็เข้าไปห้องลองเสื้อกับผู้ชายไงเล่า น่าตื่นเต้นจะตาย !”
ขณะที่เสิ่นรั่วชิงและอ้ายเสี่ยวเตี๋ยพูดคุยกันอยู่นั้น ทั้งสองก็กำลังเดินขึ้นไปยังโซนของกินด้านบน เย่อู๋เทียนที่ช่วยทั้งสองคนหิ้วกระเป๋าใบน้อยใหญ่ กำลังเดินตามหลังทั้งสองคนไป
ทั้งสองแม้จะพูดคุยกันด้วยเสียงที่เบามาก แต่ในทุก ๆ คำพูดได้ถูกเย่อู๋เทียนได้ยินจนหมดแล้ว
หลังจากผ่านไปสิบนาที ทั้งสามก็มาถึงร้านปลาเผา
เสื่นรั่วชิงและอ้ายเสี่ยวเตี๋ยต่างก็เอาแต่กระซิบกระซาบกัน แถมเรื่องที่พูดคุยกันนั้น ล้วนเกี่ยวกับเย่อู๋เทียนทั้งสิ้น
และในขณะนั้นเอง ข่าวที่โผล่ขึ้นมาในร้านปลาเผา ก็ได้ดึงดูดความสนใจของทั้งสามคนเอาไว้
บุคคลที่ปรากฏตัวขึ้นบนหน้าจอโทรทัศน์คือผู้จัดการของเทียนจวิน กรุ๊ปสาขาเจียงไห่ ซุนอีหมิง และยังมีกลุ่มคนระดับสูงในเจียงไห่ด้วย
เนื้อหาข่าวคร่าว ๆ ก็คือ ซุนอีหมิงได้ทำการเข้าซื้อกิจการของเย่ซื่อกรุ๊ป และเสิ่นซื่อกรุ๊ป ภายใต้ชื่อของเทียนจวิน กรุ๊ป ต่อหน้าบุคคลระดับสูงเหล่านี้ที่มาเป็นพยาน !
ลูกค้าหลายรายที่อยู่ในร้านปลาเผา เพียงไม่นานก็ได้เห็นข่าวที่ปรากฏขึ้น
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยเห็นสัญญาที่ซุนอีหมิงเซ็นต์เข้าซื้อกิจการของเย่ซื่อกรุ๊ป และเสิ่นซื่อกรุ๊ป จากนั้นก็หันไปมองเย่อู๋เทียน แววตาเต็มไปด้วยความเห็นใจ คิดว่าเย่อู๋เทียนแม้จะรู้จักกับฝ่าบาท แต่ก็คงเป็นแค่การเพิ่มฐานะขึ้นเท่านั้น เย่ซื่อกรุ๊ปตอนนี้ถูกเทียนจวิน กรุ๊ปเข้าซื้อกิจการไปแล้ว และมีเป็นไปได้ว่าเขาคงไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับการซื้อขายครั้งนี้
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยตบริมฝีปากสุดเซ็กซี่ของเธอ พลางส่ายหัวและพูดออกมาว่า “เย่อู๋เทียน ตอนนี้นายน่าจะกำลังกลุ้มใจอยู่ใช่หรือเปล่า ?”
จากนั้นเย่อู๋เทียนก็ถามมาว่า “ฉันกลุ้มใจอะไรงั้นหรือ ?”
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยหันไปทางโทรทัศน์แบะปากและพูดว่า “ธุรกิจตระกูลนายถูกเทียนจวิน กรุ๊ปซื้อไปแล้ว ราวกับว่านายไม่ได้เกี่ยวข้องกับเงินส่วนนั้นเลย ไม่อย่างนั้นนายคงไม่นั่งอยู่ที่นี่ แต่ไปแถลงข่าวอยู่ในที่เกิดเหตุแล้ว”
เย่อู๋เทียนหัวเราะร่า “นี่มันเรื่องเล็ก ทำไมถึงต้องไปออกข่าวด้วยล่ะ ?”
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยตะลึงงัน สบถออกมาว่า “เข้าใจแล้ว อย่างตำแหน่งของนายตอนนี้ เงินก็เป็นแค่เศษกระดาษใช่หรือเปล่าล่ะ ?”
คำพูดนี้ แฝงไว้ด้วยการจิดกัด เป็นการเยาะเย่อู๋เทียนว่าเย่ซื่อกรุ๊ปโดนซื้อกิจการไปโดยที่เขาไม่ได้มีส่วนได้เสียด้วยเลย
เย่อู๋เทียนกลับเพียงแค่ยิ้มเบา ๆ และพูดว่า “ในสายตาของฉันแล้ว เงินไม่ได้สำคัญเท่าไหร่”
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยพูดด้วยความเอื่อมระอาว่า “โกหก ยังจะโกหกอีก เงินไม่มีประโยชน์อะไร แต่นายให้ภรรยาของนายไปสมัครงานกับเทียนจวิน กรุ๊ป !”
เย่อู๋เทียนพูดอย่างยิ้มแย้มออกมาว่า “รั่วชิงไปสมัครงานที่เทียนจวิน กรุ๊ป นั่นเป็นเพราะต้องการเติมเต็มชีวิต ไม่ใช่เพื่อหาเงิน”
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยเงียบไป หยิบแก้วเหล้าขึ้นมาชนกับเย่อู๋เทียน และพูดขึ้นว่า “ได้ เรื่องตอแหลนี้ ฉันให้นายเต็มสิบ !”
เย่อู๋เทียนหัวเราะพลางยกแก้วขึ้นดื่ม
ในขณะนั้น บนหน้าจอโทรทัศน์ได้ปรากฏร่างของผู้หญิงคนหนึ่ง พออ้ายเสี่ยวเตี๋ยเพ่งเล็งดู ดวงตาของเธอก็เบิกโพลง
“นั่นมัน ! หานจื่อหยวน ตระกูลหานแห่งตี้ตูก็อยู่ด้วย ! เทียนจวิน กรุ๊ปคิดจะทำอะไรกันแน่ ? อยากจะสร้างความแข็งแกร่งด้วยการร่วมมือกับตระกูลหานแห่งตี้ตูงั้นหรือ ?”
พูดมาถึงตรงนี้ อ้ายเสี่ยวเตี๋ยก็มองเสิ่นรั่วชิงอีกครั้งด้วยใบหน้าเห็นใจ
“ตอนนี้ดูท่า เธอไปสมัครงานกับเทียนจวิน กรุ๊ป แทบจะไม่มีแววอยู่เลย หานจื่อหยวนคนนี้ มีชื่อเสียงเทียบเท่ากับหัวหน้าเฉิงโม่หนงแห่งเทียนจวิน กรุ๊ป ซึ่งถูกขนานนามว่าสองสาวงามแห่งตี้ตู ! ตอนนี้ทั้งสองตระกูลได้จับมือกันสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจ เกณฑ์การรับสมัครจะต้องสูงเท่าฟ้าแน่ เธอไม่มีหวังแล้วล่ะ !”
เสิ่นรั่วชิงมองเย่อู๋เทียนด้วยสีหน้าประหลาดใจ จะว่าไปบ้านคุณตาคุณยายของเย่อู๋เทียนก็ตระกูลหานแห่งตี้ตูนี่
จากนั้น เสิ่นรั่วชิงก็หันมามองอ้ายเสี่ยวเตี๋ยอีกครั้ง และถามไปว่า “ตระกูลหานแห่งตี้ตูยิ่งใหญ่มากเลยหรือ ?”
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยโม้ต่อว่า
“ยิ่งกว่ายิ่งใหญ่อีก เทียนจวิน กรุ๊ปยิ่งใหญ่พอรึเปล่าล่ะ ? ว่ากันว่าเฉิงโม่หนงเป็นคนสร้างขึ้นมา โดยใช้เวลาเพียงแค่เจ็ดปีเท่านั้น แต่ว่าเธอรู้รึเปล่าว่าทำไมเฉิงโม่หนงถึงเก่งขนาดนั้นน่ะ ? นั่นก็เพราะตระกูลหานแห่งตี้ตู หานเฟิงอี้ ! แถมหานเฟิงอี้คนนี้ยังไม่ได้สอนอัจฉริยะทางธุรกิจอย่างเฉิงโม่หนงเท่านั้น แม้แต่หานจื่อหยวนเองก็ได้รับการสอนจากเธอเช่นกัน !“
“เธอรู้รึเปล่าว่าหานจื่อหยวนนี่แสดงถึงอะไร ? ตอนที่ฉันไปเรียนแลกเปลี่ยนอยู่ต่างประเทศ หานจื่อหยวนมาสอนที่โรงเรียนของพวกฉัน แม้แต่ผู้อำนวยการคนเก่าของมหาวิทยาลัยไอวี เมื่ออยู่ต่อหน้าเธอยังไม่ต่างอะไรกับแม่บ้านเลย ! นักลงทุนที่อยู่เบื้องหลังมหาวิทยาลัยไอวี ก็คือหานจื่อหยวน !”
เสิ่นรั่วชิงได้ฟังก็เกิดอาการสับสน
แต่ว่ากลับเข้าใจอย่างหนึ่งได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเฉิงโม่หนงแห่งเทียนจวิน กรุ๊ป หรือหานจื่อหยวนแห่งหานซื่อ กรุ๊ป ล้วนแต่เป็นอัจฉริยะระดับต้น ๆ แห่งวงการธุรกิจ โดยสองอัจฉริยะนี้ ล้วนมาจากการอบรมสั่งสอนของผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่าหานเฟิงอี้
แต่เมื่อมองเย่อู๋เทียน ทันทีที่ได้ยินชื่อของหานจื่อหยวนและหานเฟิงอี้นั้น ภายในแววตาก็เกิดประกายเย็นชาขึ้นทันที นั่นก็เพราะว่าหญิงสาวทั้งสองคนนี้ เขาคุ้นเคยเป็นอย่างมาก
หานจื่อหยวนเป็นพี่สาวของเขา ส่วนหานเฟิงอี้เป็นน้าของเขา
ทั้งสองคนนี้ ไม่ว่าจะใคร ล้วนมีความแค้นที่น่าขมขื่นกับเย่อู๋เทียน !
ในตอนนั้น หานหว่านเอ๋อร์ได้นำเย่อู๋เทียนไปทำความรู้จักกับญาติ ๆ ที่ตี้ตู และถูกคนทั้งสองทำให้ต้องอับอายขายขี้หน้าต่อหน้าคนทั้งหมด !
แต่ในขณะที่เย่อู๋เทียนกำลังคิดถึงเรื่องราวเหล่านั้นอยู่นั้น จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เมื่อเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามา ไม่คาดคิดว่าจะเป็นหานจื่อหยวนที่โทรมา
เพียงแค่เพิ่งจะรับสาย อีกฝ่ายก็พูดกับเย่อู๋เทียนด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็นว่า
“พรุ่งนี้เช้าไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบิน คุณน้าหานเฟิงอี้จะมารับนายกลับตี้ตูด้วยตัวเอง !”
น้ำเสียงยังคงมีแต่ความเย่อหยิ่ง !
ราวกับว่าในสายตาของหานจื่อหยวน เย่อู๋เทียนเป็นแค่ขี้ข้าคนหนึ่ง