จอมนักรบอหังการ - บทที่ 125 ความตอแหลนี้ ฉันให้คะแนนเต็มสิบ
จอมนักรบอหังการ บทที่ 125 ความตอแหลนี้ ฉันให้คะแนนเต็มสิบ !
เย่อู๋เทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย หานเฟิงอี้จะมาเจียงไห่งั้นหรือ ? และยังต้องการมารับเขากลับตี้ตูด้วย ? เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน ?
ไม่รอให้เย่อู๋เทียนตอบกลับหานจื่อหยวนที่อยู่ปลายสายก็ได้วางสายลงไปก่อนแล้ว
ในตอนนี้ อ้ายเสี่ยวเตี๋ยยังคงกำลังพูดคุยกับเสิ่นรั่วชิงเรื่องของหานจื่อหยวนและหานเฟิงอี้อยู่ สรุปได้ว่า ในสายตาของอ้ายเสี่ยวเตี๋ย ไม่ว่าหานจื่อหยวนหรือหานเฟิงอี้ ล้วนแล้วแต่เป็นต้นแบบของผู้หญิงในวงการธุรกิจทั้งนั้น !
ข่าวบนหน้าจอโทรทัศน์ยังคงถ่ายทอดต่อไป ใจความคร่าว ๆ ก็คือว่า เทียนจวิน กรุ๊ปได้บรรลุความร่วมมือกับหานซื่อ กรุ๊ปในตี้ตูแล้ว อีกทั้งซุนอีหมิงยังเป็นตัวแทนของเทียนจวิน กรุ๊ป นำนำนาจการก่อสร้างโครงการสถานบันเจิ้นกั๋วในเจียงไห่ไปมอบให้กับหานซื่อ กรุ๊ปแทน !
เย่อู๋เทียนเห็นความสำคัญของจุดนี้ สีหน้าเกิดความไม่พึงพอใจเล็กน้อย ซุนอีหมิงคิดจะทำอะไรกันแน่ ? ที่เจียงไห่ไม่มีบริษัทก่อสร้างเลยหรือไง ? ทำไมต้องมอบอำนาจการก่อสร้างสถาบันเจิ้นกั๋วให้กับหานซื่อ กรุ๊ป ?
ทันใดนั้นอ้ายเสี่ยวเตี๋ยก็พูดขึ้นว่า “เห็นแล้วใช่ไหม นี่เป็นการการกระทำสุดเจ๋งของสองบริษัทยักษ์ใหญ่ เทียนจวิน กรุ๊ปนำอนุมัติโครงการก่อสร้างสถาบันเจิ้นกั๋วไปมอบให้กับหานซื่อ กรุ๊ป นี่ก็เหมือนกับการนำเงินในมือซ้ายไปใส่มือขวา ครอบครัวเดียวกัน มีเงินก็ต้องให้คนของตัวเอง !”
เย่อู๋เทียนหรี่ตาลง ถามออกไปว่า “ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ ? เท่าที่ฉันรู้ เทียนจวิน กรุ๊ปและหานซื่อ กรุ๊ปไม่ได้เป็นพวกเดียวกัน”
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยหัวเราะอย่างใจเย็นออกมาว่า “งั้นนายก็ไม่เข้าใจ ไม่ว่าจะเทียนจวิน กรุ๊ปหรือหานซื่อ กรุ๊ป แต่ก่อนฉันเคยหาข้อมูลมาก่อน แถมยังเคยส่งประวัติส่วนตัวไปแล้วด้วย แต่ว่าพวกเขามีตาแต่ไม่มีแวว มองความเป็นอัจฉริยะของฉันไม่ออก ! ที่ตอนนี้พวกเขาทำแบบนี้ แน่นอนต้องแอบทำอะไรลับ ๆ อยู่แน่ ! แม้ว่าเทียนจวิน กรุ๊ปจะมีอำนาจมากมายในตี้ตู แต่ว่าที่เจียงไห่แห่งนี้ พวกเขาก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากคนต่างถิ่น ! คิดที่จะจัดการเจียงไห่ ต่อให้ซื้อธุรกิจของเย่ซื่อกรุ๊ป และเสิ่นซื่อกรุ๊ปแล้ว ก็ยังจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือทางยุธศาสตร์กับหานซื่อ กรุ๊ปด้วย ! ”
เย่อู่เทียนหัวเราะออกมาโดยที่ควบคุมอารมณ์เอาไว้ “คำพูดของเธอ พูดก็เหมือนไม่พูด ที่ฉันอยากจะรู้คือ เทียนจวิน กรุ๊ปและหานซื่อ กรุ๊ปทำไมถึงมาร่วมมือกันได้ !”
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยกรอกตาไปมา พูดขึ้นว่า “นายจะรีบร้อนอะไรเล่า ฉันยังพูดไม่จบนะ ! หานซื่อ กรุ๊ปแตกต่างจากเทียนจวิน กรุ๊ป พวกเขาอยู่ที่เจียงไห่นี่ และได้วางโครงสร้างเอาไว้เนิ่นนานแล้ว ยกตัวอย่างเช่นกลุ่มการค้าหลายเชื้อพันธุ์ที่อยู่ในเจียงหนาน ในโครงสร้างผู้ถือหุ้นของพวกเขา ก็มีหานซื่อ กรุ๊ปอยู่แล้ว ! ยังมีบางบริษัทในเจียงไห่ที่มีธุรกิจรับเหมาขนาดใหญ่ ทั้งหมดล้วนมีหานซื่อ กรุ๊ปเป็นผู้ถือหุ้นอยู่ด้วยทั้งสิ้น ! จากที่พูดมานี้ เทียนจวิน กรุ๊ปหากคิดจะสร้างอสังหา ยังไงก็หนีไม่พ้นหานซื่อ กรุ๊ป !”
พูดถึงตรงนี้ ทันใดนั้นอ้ายเสี่ยวเตี๋ยก็คิดอะไรบางอย่างออก จากนั้นมองเสิ่นรั่วชิงด้วยใบหน้าที่บูดเบี้ยวว่า “ใช่แล้วล่ะรั่วชิง น้องสาวของเธอเกาเยว่หรู ตอนนี้เป็นประธานหญิงแห่งกลุ่มการค้าหลายเชื้อพันธุ์ แถมกลุ่มการค้านี้ยังมีหานซื่อ กรุ๊ปเป็นผู้อัดฉีดเงินทุนด้วย เธอคิดจะไปชนกับเทียนจวิน กรุ๊ป ทำไมไม่ไปเกาซื่อ กรุ๊ปไม่ก็หานซื่อ กรุ๊ปล่ะ ยังไงก็มีเส้นสายนี่นะ เธอน่าจะคุยกันง่ายหน่อย !”
เสิ่นรั่วชิงยิ้มเล็กน้อย “ฉันไม่อยากใช้เส้นสายมาช่วยน่ะ”
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยแบะปาก “ในสังคมทุกวันนี้น่ะ ไม่มีเส้นสาย จะทำงานดี ๆ ได้ยังไง ? ไร้หนทางมาก ๆ ! โดยเฉพาะคนอย่างเธอ จบปริญญาตรี ไม่ใช่ว่าฉันดูถูกใบปริญญาหรอกนะ ฉัน….ฉันแค่รู้สึกดูถูกพวกเด็กมหาลัยนิดหน่อย ! ถ้าเธอไม่มีใบปริญญาโท เธอคงต้องอายเกินกว่าที่จะยื่นใบสมัครบริษัทใหญ่ ๆ แน่ !
เห็นได้ชัดว่าหน้าของเสิ่นรั่วชิงดูเศร้าลง “ใบปริญญาตรีไร้ค่าขนาดนั้นเลยหรือ ?”
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยตอบ “เรื่องคุณค่าน่ะ ถ้างั้นลองพูดถึงปลาเผาที่พวกเรากินกันวันนี้สิ ถ้าเธอจบปริญญาตรีไปหางานทำล่ะก็ เงินเดือน ก็น่าจะสามารถมากินปลาเผาได้สิบรอบ ที่พูดก่อนหน้านี้คือด้วยเงื่อนไข เธอต้องมีรถ เธอต้องมีบ้าน ไม่มีแรงกดดันจากการใช้จ่ายนะ ! ไม่อย่างนั้นล่ะก็ โทษทีนะ แม้แต่ปลาเผาเธอก็กินไม่ได้ นี่คือความเป็นจริง !”
พูดเสร็จ อ้ายเสี่ยวเตี๋ยก็เอาปลาเข้าปากอย่างมีความสุข จากนั้นพูดเสริมต่อว่า “ขอบคุณเหล่าท่านผู้นำประเทศหลงเถอะ ช่วงก่อนหน้านี้ที่เจียงไห่ของเรามีการจัดงานประชุมสุดยอดอำนาจ มีท่านผู้นำคนหนึ่งเก็บภาษีจากบางประเทศด้วยวิธีที่ถูกกฎหมายซึ่งนำโดยประเทศเชวี่ย ! จากนั้น วิสาหกิจแต่ละภาคส่วนก็เกิดการเติบโตขึ้น ภาษีของประเทศหลงเราตอนนี้ต่ำที่สุดในโลก ! เฮ้อ ฉันก็เป็นประชาชนคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าผู้อาจหาญผู้นั้นเป็นใคร ถ้าฉันรู้ แล้วมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับเขา พูดจาไร้ยางอายกับเขา ฉันจะยอมไปเป็นเมียน้อยของเขาเลยล่ะ ! อ้อ เย่อู๋เทียน นายมีเส้นสายเยอะนี่ รู้รึเปล่าว่าท่านผู้นำคนนั้นเป็นใคร ?”
เย่อู๋เทียนพูดขึ้น “ฉัน”
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยตกตะลึงเล็กน้อย จากนั้นยกนิ้วโป้งให้ พลางพูดขึ้นว่า “ความตอแหลฉันให้คะแนนเต็มสิบเลย ! แต่น่าเสียดาย ต่อหน้าฉันนายก็เป็นได้แค่คนตอแหลคนหนึ่ง ไอ่ขี้โม้ อยู่ข้างนอกอย่าทำตัวอย่างนี้ล่ะ คนอื่นเขาจะขำเอา !”
พูดเสร็จ เธอก็ใช้มืออ้ายเสี่ยวเตี๋ยผลักเสิ่นรั่วชิงที่อยู่ข้าง ๆ พูดพลางหัวเราะฮา ๆ ว่า “ใช่มั้ยล่ะเพื่อนเสิ่น ? สามีเธอทำไมถึงขี้โม้เก่งขนาดนี้เนี่ย พูดซะเหมือนเป็นเรื่องจริงเลย หลังจากนี้เธอต้องระวังหน่อยนะ ผู้หญิงถึงแม้จะไม่ชอบผู้ชายขี้โม้ แต่ท่าทีของพวกเธอทั้งสอง โม้ซะให้ความรู้สึกเหมือนจริงเลย นี่น่ะเขาเรียกว่าพรสวรรค์ !”
เสิ่นรั่วชิงยิ้มแห้ง ๆ แต่เมื่อมองแววตาของเย่อู๋เทียน ภายในกลับเต็มไปด้วยความสับสน เพราะว่าเธอมีเหตุผลเพียงพอที่จะเชื่อว่า ชายที่สามารถส่งผลประทบต่อภาษีของประเทศหลงได้ ก็คือเย่อู๋เทียน !
หลังจากนั้น เย่อู๋เทียนก็โทรหาเสิ่นจูนอี๋ โดยที่ไม่ได้มีเรื่องอะไรสำคัญ เพียงแค่สั่งเธอมาที่ร้านปลาเผาสักหน่อย จากนั้นนำพวกของที่เสิ่นรั่วชิงเพิ่งซื้ออย่างถุงน่องชุดนอนอะไรก็ตามกลับไป
เพราะว่าความหมายของอ้ายเสี่ยวเตี๋ยและเสิ่นรั่วชิงก็คือ หลังจากทานข้าวเสร็จ ก็จะไปที่บาร์กัน เย่อู๋เทียนไม่อยากหิ้วกระเป๋าพะรุงพะรังพวกนี้ หลังจากนั้นยี่สิบนาที เสิ่นจูนอี๋ก็มาถึงร้านปลาเผา
ในสายตาของทุกคนกำลังจับจ้องไปที่เสิ่นจูนอี๋ที่สวมชุดสูทเป็นทางการ เดินตรงมายังเย่อู๋เทียน ช่วยไม่ได้ ที่ต้องสวมชุดสูทแบบนี้ก็เพราะเมื่อครู่กำลังยุ่งอยู่ที่เสิ่นซื่อกรุ๊ป จนจะเปลี่ยนก็ไม่ทันแล้ว
เขาเดินมาถึงตรงหน้าเย่อู๋เทียน เสิ่นจูนอี๋ที่กำลังเหนื่อยหอบตะโกนเรียกเย่อู๋เทียนด้วยความเคารพ “พี่เขย !” จากนั้นหันไปตะโกนกับเสิ่นรั่วชิงว่า “พี่สาว !”
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยที่กำลังกินปลาอยู่ ได้เห็นเสิ่นจูนอี๋ก็ถึงกับตกตะลึง
เธอเพิ่งจะกลับมาจากการไปเรียนแลกเปลี่ยน ยังไม่รู้ว่าเสิ่นจูนอี๋คือ BOSS ของเสิ่นซื่อกรุ๊ป แต่ว่าเธอรู้จักป้ายที่อยู่บนเสื้อของเขา นั่นคือประธานแห่งเสิ่นซื่อกรุ๊ป
ว่ากันตามปกติ เสิ่นจูนอี๋ไม่จำเป็นต้องติดป้ายเอาไว้บนเสื้อเลยด้วยซ้ำ แต่นี่คือกฎของเสิ่นซื่อกรุ๊ป
ในช่วงเวลางาน ตั้งแต่เข้างานจนกระทั่งออกงาน ไม่ว่าเจ้าหน้าที่ระดับไหน ล้วนต้องติดป้ายของเสิ่นซื่อกรุ๊ปไว้บนเสื้อ เพื่อเป็นการสร้างความภาคภูมิใจร่วมกัน !
เย่อู๋เทียนเหลือบมองเสิ่นจูนอี๋ ชี้ไปยังกระเป๋าใบน้อยใหญ่ที่อยู่ที่เท้า จากนั้นพูดออกมาว่า “เอากลับไปหน่อย”
เสิ่นจูนอี๋รีบปฏิบัติ ตอบรับอย่างเคารพ “ขอรับ พี่เขย”
เสิ่นรั่วชิงจำได้ว่าเสิ่นจูนอี๋ช่วงนี้ปฏิบัติตัวได้อย่างดีเยี่ยม จึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไปว่า “ทานข้าวหรือยัง ? ถ้ายังไม่ได้ทาน ก็มาทานด้วยกันสิ”
เสิ่นจูนอี๋รีบพูดออกมาว่า “ไม่เป็นไรครับ พี่สาว ผม ผมยังต้องกลับบ้านไปดูลูกน่ะ การบ้านของจูนหลินและซวงซวงค่อนข้างเยอะ ผมจะกลับไปช่วยดูหน่อย ไม่อย่างนั้นต้องขี้เกียจแน่ !”
เสิ่นรั่วชิงทำท่าอ้าปาก พูดอย่างอึกอัก
เสิ่นจูนอี๋พูดขึ้น “งั้น ผมขอตัวกลับก่อน…..ใช่แล้วล่ะพี่สาว เห็นน้าเกาบอกว่า พรุ่งนี้จะไปสมัครงานที่เทียนจวิน กรุ๊ป จะให้ผมกล่าวทักทายหน่อยหรือเปล่า ? ตอนนี้เทียนจวิน กรุ๊ปเข้าซื้อเสิ่นซื่อกรุ๊ปของพวกเราแล้ว ผมกลายเป็นรองประธานของเทียนจวิน กรุ๊ป ให้ผมหาตำแหน่งให้ไหม ? เดี๋ยวผมจะจัดการให้เอง”
เมื่อพูดอย่างนี้ออกมา เสิ่นรั่วชิงกำลังจะพูดอะไรออกมา จู่ ๆ อ้ายเสี่ยวเตี๋ยที่อยู่ข้าง ๆ ก็เอามือบีบคอตัวเอง ใบหน้าแดงก่ำ พูดขึ้นว่า “โอย ก้างติดคอ ! เร็วๆๆๆๆ รีบเรียกรถพยาบาลที น่าจะชิ้นใหญ่ ฉันหายใจไม่ออก !”