จอมนักรบอหังการ - บทที่ 134 อาจารย์ของแก.....ตกลงเป็นใครกันแน่
จอมนักรบอหังการ บทที่ 134 อาจารย์ของแก…..ตกลงเป็นใครกันแน่?
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา บรรยากาศก็เงียบเหมือนป่าช้า
ในโลกปัจจุบัน ใครกล้าพูดกับหานเฟิงอี้แบบนี้?
และในเวลานี้ หานหยุนเฟยที่ถูกเฉียนเป่ยเฉินต่อยกระเด็นออกไปด้วยหมัดเดียว ค่อยตกลงมาจากเสาของบริเวณอาคารผู้โดยสารขาออก
ตุ้ม!
คนทั้งคนเหมือนกับหมาตัวหนึ่ง กระแทกลงกับพื้น
หานเฟิงอี้มองตาม ตกใจจนสูดปาก เพราะเห็นว่า หลังจากที่หานหยุนเฟยตกลงพื้น กลับยากที่จะลุกขึ้นยืน
สภาพแบบนั้น เห็นได้ชัดว่ากระดูกซี่โครงถูกต่อยจนหักแล้ว
แต่ถ้าแค่นี้ ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้หานเฟิงอี้ตกตะลึง
ยอดฝีมืออย่างหานหยุนเฟย เว้นแต่ว่าจุดถานจงจะถูกทำลาย ไม่อย่างนั้น…..
ต่อให้ซี่โครงถูกต่อยจนหัก ยังคงมีแรงสามารถต่อสู้ได้
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า…..
หานหยุนเฟยสูญเสียพลังต่อสู้อย่างสมบูรณ์
หานเฟิงอี้มองไปทางเฉียนเป่ยเฉินอีกครั้ง ภายในใจเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นเหมือนพลิกน้ำพลิกทะเล
เจ้าหมอนี่ เป็นใครกันแน่?
มองดูแล้วผอมกะหร่องก่อง สภาพเหมือนคนป่วย ทันทีที่ลงมือ ทำไมถึงน่ากลัวแบบนี้?
และยังมีอีก!
เขาเรียกเฉิงโม่หนงว่าอะไรนะ?
อาจารย์อา?
นั่นก็หมายความว่า ผู้ชายที่เหมือนป่วยคนนี้ เขายังมีอาจารย์อีกคนหนึ่ง และต้องน่ากลัวกว่าแน่นอน
เพียงแต่…..
เฉิงโม่หนงเป็นเพื่อนกับคนน่ากลัวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
ถ้าหากเฉิงโม่หนงมีศิษย์น้องที่มีพลังทะลุฟ้าคนหนึ่งจริงๆ อย่างนั้นความแข็งแกร่งของเธอเอง ก็น่าจะน่ากลัวอย่างมากเหมือนกันถึงจะถูก
ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว ทำไมหลังจากที่เธอถูกหานจื่อหยวนตบไปหนึ่งที กลับไม่ทำอะไรเลยล่ะ?
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สายตาที่เฉิงโม่หนงมองไปทางผู้ชายที่ดูเหมือนป่วยคนนี้ เต็มไปด้วยความสงสัย เห็นได้ชัดอย่างมาก เธอไม่รู้จักผู้ชายที่ดูเหมือนมีอาการป่วยคนนี้
เมื่อคิดถึงจุดนี้ หานเฟิงอี้บังคับจิตใจให้สงบ มองไปทางเฉียนเป่ยเฉินอย่างเย็นชา ประกาศตระกูลของตัวเอง : “ตี้ตูตระกูลหาน หานเฟิงอี้! ไม่ทราบว่าน้องชายคนนี้ อาจารย์ของคุณเป็นใคร? ปรากฏตัวที่เจียงไห่ เพื่อต้องการเข้าร่วมการแข่งขันวันที่ห้าของเดือนถัดไป การแข่งขันการประลองฝีมือที่จัดขึ้นในคฤหาสศ์กู่ฉวนเจียงหนานใช่หรือไม่?”
เฉียนเป่ยเฉินพูดอย่างโกรธเคือง : “การประลองบ้าบออะไรไร้สาระ ไม่เคยได้ยินมาก่อน และยังมีตี้ตูตระกูลหาน ฉันก็ไม่เคยได้ยินเหมือนกัน!”
หานเฟิงอี้เต็มไปด้วยความโกรธ
เฉียนเป่ยเฉินชี้ไปที่จมูกของหานเฟิงอี้และพูด : “ผมไม่สนใจว่าคุณเป็นใคร ต่อจากนี้ ดูแลหมาของคุณให้ดี!”
สีหน้าของหานเฟิงอี้ ดูแย่อย่างมาก
เฉียนเป่ยเฉินไม่อยากสนใจหานเฟิงอี้อีกต่อไป หันหน้ามองไปทางเฉิงโม่หนง ยิ้มเล็กน้อยและพูด : “ไปกันเถอะ อาจารย์อา ผมพาคุณกลับบ้าน”
จนถึงตอนนี้ ในหัวของเฉิงโม่หนงยังคงเต็มไปด้วยคำถาม
คิดว่าข้างในนี้ต้องมีอะไรเข้าใจผิดเหมือนกัน เพราะว่าตัวเองไม่รู้จักผู้ชายร่างผอมคนนี้เลยด้วยซ้ำ
แต่เรื่องถึงขั้นนี้แล้ว สามารถทำได้แค่ตามเขาออกจากสถานที่ผิดถูกแห่งนี้ก่อน!
จากนั้น ท่ามกลางสายตาของคนมากมาย เฉียนเป่ยเฉินพาเฉิงโม่หนงและซูชิงหลวนออกจากสถานที่ที่วุ่นวายแห่งนี้
มองดูหลังที่จากไปของทั้งสามคน หานเฟิงอี้ก็โกรธจนเกือบจะกระอักเลือดออกมา
กลับเห็นเหล่านักธุรกิจคนใหญ่คนโตที่อยู่ในที่นั้น
ต่างพากันไม่กล้าหายใจแรงด้วยว้ำ
ใครก็คิดไม่ถึง หานเฟิงอี้ของตี้ตูตระกูลหาน เพิ่งมาถึงเจียงไห่ ก็มาพบเจอกับเรื่องแบบนี้!
อันที่จริงคนที่อารมณ์สับสนที่สุดคือ ซุนอีหมิงและเกาเยว่หรูที่อยู่ในที่เกิดเหตุ
คนอื่นไม่รู้ตัวตนเฉพาะเจาะจงของเฉียนเป่ยเฉิน เกาเยว่หรูและซุนอีหมิงกลับรู้จัก…..
นอกจากนี้ ตอนที่ทั้งสองคนไปที่บนยอดเขาวิลล่าบนเขาทะเลหมอก ก็เคยเห็นเฉียนเป่ยเฉิน
ตอนนี้จิตใจของทั้งสองคนล้วนแล้วเหมือนกระจกเหงา อาจารย์คนนั้นที่เฉียนเป่ยเฉินพูดถึง ก็คือเย่อู๋เทียนไม่ใช่เหรอ?
แต่ต่อให้เป็นแบบนี้ ตอนนี้ทั้งสองคนก็ไม่กล้าส่งเสียง
โดยเฉพาะเกาเยว่หรู ถึงตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใจ เย่อู๋เทียน ต่างหากที่เป็นเจ้านายที่อยู่เบื้องหลังของเทียนจวิน กรุ๊ป
และก็เป็นเพราะตระหนักได้ถึงจุดนี้ เกาเยว่หรูตกอยู่สภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของเกาซื่อ อสังหาริมทรัพย์ กรุ๊ป เป็นหารซื่อ กรุ๊ป แห่งตี้ตู
ตอนนี้ ลูกศิษย์ของเย่อู๋เทียน อยู่ต่อหน้าคนมากขนาดนี้ จัดการคนของหานเฟิงอี้!
สิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร?
ในความหมายนี้ ไม่สามารถให้หานเฟิงอี้รู้ว่าตัวเองมีความเกี่ยวข้องกับเย่อู๋เทียน ไม่อย่างนั้นล่ะก็ ผลที่ตามมาอาจเป็นหายนะ!
ตอนนี้ หานเฟิงอี้เดินไปอยู่ข้างกายหานหยุนเฟยแล้ว ถามอย่างหยิ่งยโส : “เป็นอะไรไหม?”
หานหยุนเฟยลุกขึ้นด้วยสีหน้าบิดเบี้ยว แต่เพิ่งลุกขึ้นมา รู้สึกปั่นป่วนอยู่ในอก กระอักเลือดออกมาที่พื้น พูดด้วยใบหน้าซีดเซียว : “ไม่ตายง่ายๆ!”
หานเฟิงอี้ถามด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมว่า : “คนเมื่อกี้ ใช้กระบวนท่าอะไรเหรอ?”
หานหยุนเฟยส่ายหน้า และพูด : “ไม่รู้เหมือนกัน รู้สึกว่า เป็นเพียงพลังดุร้าย! จริงด้วย เมื่อกี้ผมได้รับโทรศัพท์ ไม่ใช่หานหยุนเฉ่าโทรเข้ามา เป็นโรงพยาบาลโทรเข้ามา คนของโรงพยาบาลบอกว่า กระดูกทั้งร่างกายของหานหยุนเฉ่าหักหมด กำลังจะตาย!”
หานเฟิงอี้ถามด้วยความตะลึง : “คุณพูดอะไรนะ?”
หานหยุนเฟยเช็ดเลือดที่มุมปาก และพูด : “หานหยุนเฉ่า กระดูกทั้งร่างกายหักหมด พวกเราจำเป็นต้องรีบไปที่โรงพยาบาลกลางเจียงไห่เพื่อถามสถานการณ์ทันที…..เจียงไห่แห่งนี้ เป็นที่ที่มีแต่ยอดฝีมือว่อนตัวอยู่จริงๆ!”
ใบหน้าของหานเฟิงอี้ขุ่นมัวและไม่แน่นอน และพูด : “ฉันจะโทรศัพท์หาหานจิ่วฉองเดี๋ยวนี้เลย ดูเหมือนว่าสองวันก่อนเขาก็มาเจียงไห่แล้ว ถึงตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราวของเขา เมืองเจียงไห่แห่งนี้มียอดฝีมือหรือไม่ เขาต้องรู้อย่างแน่นอน!”
หานหยุนเฟยกุมหน้าอกและกระอักเลือดอีกครั้ง และพูด : “สามารถทำได้แค่นี้แหละ!”
หานเฟิงอี้โทรศัพท์หาหานจิ่วฉองได้แล้ว พูดเข้าประเด็นว่า : “รีบมาที่ท่าอากาศยานทันที เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
ทางนั้นมีเสียงไอของหานจิ่วฉองดังมา : “เกิดเรื่องใหญ่อะไรเหรอ?”
หานเฟิงอี้พูดด้วยความแปลกใจ : “คุณได้รับบาดเจ็บเหรอ?”
หานจิ่วฉองพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม : “ไม่เป็นอะไรมาก! ฉันกำลังเก็บตัวฝึกวิชา!”
หานเฟิงอี้รู้จักความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของหานจิ่วฉองดีอย่างมากคาดไม่ถึงว่าหานจิ่วฉองจะได้รับบาดเจ็บ สูดลมหายใจหนึ่งที ถาม : “คุณได้รับบาดเจ็บได้ยังไง? ใครเป็นคนทำเหรอ?”
หานจิ่วฉองไม่พูด
หนึ่งประโยค
เป็นถึงน้าคนหนึ่ง ถูกหลานชายของตัวเองทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ มันช่างน่าขายหน้าจริงๆ
อีกด้านหนึ่งหานจิ่วฉองสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูด : “ตอนนี้ฉันกำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ มีเรื่องอะไร พวกเธอจัดการด้วยตัวเองแล้วกัน แค่นี้ก่อน!”
พูดจบ หานจิ่วฉองตัดสายโทรศัพท์
หานเฟิงอี้มองโทรศัพท์ของตัวเองด้วยความตะลึง ตั้งสติแทบไม่ทัน
หานหยุนเฟยขมวดคิ้วและพูด : “เกิดอะไรขึ้น?”
หานเฟิงอี้พูดด้วยใบหน้าซีดเซียว : “หานจิ่วฉอง คาดไม่ถึงว่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสเหมือนกัน!”
หานหยุนเฟยได้ยินคำพูดนี้ ยังไม่ทันได้หายใจออกมา ก็กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง พูดด้วยใบหน้าซีดและตกใจ : “ใคร? ตกลงใครเป็นคนทำ?”
หานเฟิงอี้หรี่ตาลงและเงียบสักพักหนึ่ง ส่ายหน้าและพูด : “ดูเหมือนว่า มีคนใหญ่คนโตที่ไม่ยุ่งเกี่ยวกับโลกภายนอกง่ายๆปรากฏตัวขึ้นที่เจียงไห่แล้วจริงๆ นอกจากนี้เป็นไปได้อย่างมากที่จะมุ่งเป้ามาที่ตระกูลหานของพวกเรา ดังนั้น พวกเราไม่สามารถเข้าไปทำความเข้าใจได้อีกต่อไป ถ้าสามารถหลีกเลี่ยงได้ก็หลีกเลี่ยง เอาแบบนี้……ไปดูหานหยุนเฉ่าที่โรงพยาบาลก่อนดีกว่า!”
หานหยุนเฟยกัดฟันพูด : “เรื่องของเทียนจวิน กรุ๊ปทำยังไงดี? ยังมีไอ้สวะเย่อู๋เทียนคนนั้นอีก!”
ดวงตาของหานเฟิงอี้แข็งทื่อ และพูด : “สิ่งเหล่านี้ต่างเป็นเรื่องเล็ก”
หานหยุนเฟยขมวดคิ้วและพูด : “จะเป็นเรื่องเล็กได้ยังไง การประมูลฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงจะเปิดขึ้นเร็วๆ นี้ ถ้าหากไม่สามารถกลืนกินเทียนจวิน กรุ๊ปได้ ลำพัง แค่ทรัพย์สินเงินทองของพวกเราในตอนนี้ เป็นเรื่องยากที่จะประมูลชนะสิ่งของที่พวกเราต้องการเหล่านั้นได้!”
หานเฟิงอี้พูด : “เรื่องของเทียนจวิน กรุ๊ปฉันจะจัดการด้วยตัวเอง! เฝ้าสังเกตหนึ่งวันก่อน ถ้าหากเฉิงโม่หนงเด็กบ้าคนนั้น เข้าใกล้กับคนใหญ่คนโตอะไร พวกเราคงจำเป็นต้องมองดูสีหน้าของเธอจริงๆแล้ว! แต่ว่า…..หวังว่ามันจะเป็นความเข้าใจผิด! เพราะว่าจากการสังเกตของฉัน เฉิงโม่หนงไม่รู้จักไอ้เด็กที่ผอมแห้งคนเมื่อกี้!”
หานหยุนเฟยคิดอย่างมืดมน ทันใดนั้นมองไปทางเกาเยว่หรูที่อยู่ในฝูงชน ออกคำสั่งอย่างเย็นชา : “เธอ รีบขับรถตามคนเมื่อกี้ไป ดูว่าตกลงเขาพาเฉิงโม่หนงไปที่ไหน!”
เกาเยว่หรูสีหน้าเคร่งขรึม พูดด้วยความเคารพ : “รับทราบ คุณชายหาน!”
แม้ว่าการแสดงออกของเกาเยว่หรูจะเต็มไปด้วยความเคารพ อันที่จริงภายในใจเริ่มด่าแล้ว
ไอ้พวกโง่ ลูกศิษย์คนเดียวของเย่อู๋เทียนก็เล่นงานพวกแกให้เป็นแบบนี้ ตอนนี้พวกแกยังมีหน้ามาเดากันมั่วๆกันอีก!
เพียงแต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน พวกแกยิ่งไม่รู้ความแข็งแกร่งของเย่อู๋เทียน พอไปอยู่ต่อหน้าเย่อู๋เทียน ก็ยิ่งมีคำพูด…..
รักษาเย่อู๋เทียนไว้ไม่ได้ เพราะว่าตัวเองรายงานข้อมูลให้เขา ต้องการมองตัวเองแตกต่างออกไปหรือไม่?
กลายเป็นผู้หญิงของเย่อู๋เทียน เกาเยว่หรูได้ระบุไว้แล้วว่าเป็นความฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต!
และในเวลาเดียวกัน เฉียนเป่ยเฉินที่ออกจากบริเวณอาคารผู้โดยสารขาออก เชิญเฉิงโม่หนงอย่างนอบน้อมและซูชิงหลวนเข้าไปในรถแล้ว
และเพิ่งขึ้นรถ เฉียนเป่ยเฉินหยิบถุงใบหนึ่งออกจากช่องเก็บของด้านหน้าที่นั่งข้างคนขับ ยื่นให้ซูชิงหลวน และพูด : “น้องชาย นี่คือยาที่อาจารย์ให้ผม นอกจากเสริมสร้างสมรรถภาพทางกายแล้ว ยังช่วยรักษาอาการบาดเจ็บภายใน ผมเห็นว่าอาการบาดเจ็บภายในของคุณสาหัสมาก กินสองเม็ด เห็นผลทันที!”
ใบหน้าของซูชิงหลวนกระตุก มีเพียงพระเจ้ารู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไรในตอนนี้
เธอเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง!
ถูกคนเรียกเป็น…..
น้องชาย?
แต่เพราะว่าซูชิงหลวนเป็นคนใบ้ ก็ไม่สามารถอธิบายเรื่องนี้ได้ มองถุงที่อยู่ในมือของเฉียนเป่ยเฉินด้วยความสงสัย ค่อนข้างระแวดระวังเล็กน้อย เพราะถึงตอนนี้ เธอยังไม่รู้ตัวตนเฉพาะเจาะจงของเฉียนเป่ยเฉิน
เหมือนเฉียนเป่ยเฉินจะมองออกทันทีว่าซูชิงหลวนกำลังคิดอะไรอยู่ เปิดถุงออกแล้วหยิบยาออกมาหนึ่งเม็ด ป้อนเข้าไปในปาก เหมือนกินยาฮอว์ธอร์น ระหว่างที่กินไปด้วยพร้อมกับอธิบายไปด้วย : “สบายใจได้ น้องชาย ของสิ่งนี้หวานมาก ไม่ขมแม้แต่นิดเดียว แหะแหะ อาจารย์ของผมเอ็นดูผม ตอนที่ผสมยาให้ผมเติมน้ำผึ้งให้ กินเถอะ จริงๆนะ ไม่หลอกคุณ ผลการรักษาค่อนข้างสุดยอด ก่อนหน้านี้ผมถูกคนที่ชื่อว่าหานจิ่วฉองโจมตีจนได้รับบาดเจ็บ หลังจากกินของสิ่งนี้ เรียกได้ว่าผ่อนคลายอย่างมาก!”
ไม่ว่าจะเป็นซูชิงหลวนที่นั่งอยู่ข้างคนขับ หรือเฉิงโม่หนงที่นั่งอยู่ด้านหลัง หลังจากได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก
เฉิงโม่หนงพูดออกมา : “หานจิ่วฉอง? หานจิ่วฉอง แค่ทำให้นายได้รับบาดเจ็บเหรอ?”
เฉียนเป่ยเฉินหันหน้าไปมองเฉิงโม่หนง พูดด้วยความสงสัย : “ทำไม คุณรู้จักหานจิ่วฉอง? อ้อ มันก็ใช่ คนกลุ่มนั้นในเมื่อกี้ ดูเหมือนว่าแซ่หานเหมือนกัน น่าจะมาหาอาจารย์ของผมเหมือนกันมั้ง?”
เฉิงโม่หนงถามด้วยเสียงสั่นเล็กน้อย : “อาจารย์ของนาย…..ตกลงเป็นใครแน่?”