จอมนักรบอหังการ - บทที่ 135 สารเลว เย่อู๋เทียน
จอมนักรบอหังการ บทที่ 135 สารเลว เย่อู๋เทียน!
การแสดงออกของเฉียนเป่ยเฉินดูแปลกประหลาดขึ้นมา
อาจารย์อาของตัวเองที่พูดถึงท่านนี้ จนตอนนี้ยังไม่รู้ว่าอาจารย์ของตัวเองเป็นใคร?
เฉียนเป่ยเฉินหัวเราะออกมาเสียงดัง : “ยังจะสามารถเป็นใครได้ อาจารย์ของผมก็คือเย่อู๋เทียนไง ลูกพี่ลูกน้องของคุณ”
เฉิงโม่หนงเบิกตากว้าง พูดออกมาโดยไม่ทันคิด : “เย่อู๋เทียน เป็นอาจารย์ของนาย?”
ซูชิงหลวนที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับ ก็ทำหน้าตกตะลึงเช่นกัน
ไม่นึกไม่ฝันว่า เจ้าหมอนี่ที่ต่อยหานหยุนเฟยบินออกไปด้วยหมัดเดียว จะเป็นลูกศิษย์ของเย่อู๋เทียน!
นี่มันเป็นไปได้ยังไง!
เย่อู๋เทียน สามารถสอนลูกศิษย์ที่น่ากลัวขนาดนี้ออกมาได้อย่างไร?
ทันใดนั้นอง โทรศัพท์ของเฉียนเป่ยเฉินดังขึ้น เย่อู๋เทียนเป็นคนโทรเข้ามา
โทรศัพท์ของเฉียนเป่ยเฉินเชื่อมต่อกับบลูทูธของรถยนต์ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการขับรถ ใช้วิธีการรับโทรศัพท์แบบนี้โดยตรง
ไม่นาน เสียงของเย่อู๋เทียนก็ดังขึ้นในรถ : “เฉินเอ๋อร์ ถึงสนามบินหรือยัง?”
เฉียนเป่ยเฉินหัวเราะฮ่าฮ่าตอบกลับ : “ถึงแล้ว อาจารย์ ผมรับอาจารย์อาขึ้นรถแล้ว เตรียมจะกลับไปแล้ว”
เย่อู่เทียนพูด : “อืม อย่างนั้นพวกนายกลับไปก่อนเลย ฉันต้องไปสมัครงานกับอาจารย์แม่ของนาย อาจจะกลับมาตอนเที่ยง”
เฉียนเป่ยเฉินพูด : “ได้เลย อาจารย์ ใช่แล้ว คุณต้องการคุยกับอาจารย์อาไหม?”
สิ้นสุดเสียงคำพูดนี้ เสียงที่แทบอดใจรอไม่ไหวของเฉิงโม่หนงดังขึ้นจากเบาะหลัง : “เย่อู๋เทียน?”
เย่อู่เทียนหัวเราะ : “สาวดำตัวน้อย”
ใบหน้าของเฉิงโม่หนงแดงทันที กัดฟันพูด : “ฉันเป็นพี่สาวของนายนะ!”
เย่อู๋เทียนหัวเราะฮ่าฮ่า : “พี่สาว ผมไม่ได้ไปรับคุณที่สนามบิน คุณไม่ถือสาใช่ไหม? ถือสาก็ทำอะไรไม่ได้ ยังไงภรรยาของผมสำคัญกว่า คุณกลับบ้านก่อนแล้วกัน หลังจากภรรยาของผมสมัครงานเสร็จ พวกเราจะกลับไปทันที”
เฉิงโม่หนงเตรียมจะพูดแล้วหยุด
เย่อู๋เทียนพูด : “เอาแบบนี้ก่อนแล้วกัน พี่สาว ผมขับรถอยู่”
ในเวลานี้ ซูชิงหลวนที่นั่งอยู่ข้างคนขับอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงแล้ว : “อะบะอะบะอะบะ…..”
เย่อู๋เทียนหัวเราะและพูด : “ชิงหลวนก็มาด้วยเหรอ?”
ใบหน้าที่สง่างามของซูชิงหลวนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น : “อะบะอะบะอะบะ……”
เย่อู๋เทียนหัวเราะและพูด : “พอได้แล้ว เธอพูดอะไร ฉันก็ฟังไม่เข้าใจ เธอและพี่สาวของฉันกลับไปบ้านก่อน ถึงเวลานั้นพวกเราเจอหน้ากันแล้วค่อยคุยกัน”
ซูชิงหลวนดูเหมือนว่าอยากจะคุยกับเย่อู๋เทียนอย่างมาก แต่เพราะเป็นว่าเป็นใบ้ จึงไม่สามารถสื่อสารทางโทรศัพท์กับเย่อู๋เทียนได้จริงๆ อะบะอะบะหนึ่งรอบ ก็ทำได้แค่ยอมแพ้
รอจนกระทั่งเฉียนเป่ยเฉินวางโทรศัพท์จากเย่อู๋เทียน ไม่ว่าจะเป็นซูชิงหลวน หรือเป็นเฉิงโม่หนง ผ่านไปตั้งนานก็ยังไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้
เฉิงโม่หนงเต็มไปด้วยความสับสน อดไม่ได้ที่จะถามเฉียนเป่ยเฉินหนึ่งประโยค : “เมื่อกี้นายพูดถึงหานจิ่วฉอง…..ดังนั้น หานจิ่วฉอง เคยไปหาอาจารย์ของนายแล้วเหรอ?”
เฉียนเป่ยเฉินหัวเราะและพูด : “เคยไปหาแล้ว ตอนนั้นยังอวดความแข็งแกร่งเหมือนกับอะไร แต่คำพูดประโยคนั้นพูดว่าอะไรนะ? คนที่ทำให้คนอื่นขุ่นเคืองก่อนต้องตาย ปรากฏว่ารับกระบวนท่าเดียวของอาจารย์ผมไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ก็ถูกโจมตีจนบินออกไป เหมือนกับไอ้คนที่อยู่ในอาคารผู้โดยสารขาออก ล้วนแล้วแต่เป็นขยะ!”
แววตาของเฉิงโม่หนงสับสนมากกว่าเดิม
ชั่วขณะหนึ่ง เชื่อบ้างสงสัยบ้าง
เงียบสักพักหนึ่ง จู่ๆเฉิงโม่หนงถาม : “อาจารย์ของนายและอาจารย์แม่ของนายไปสมัครงานที่ไหนเหรอ?”
เฉียนเป่ยเฉินตอบอย่างไม่คิด : “เทียนจวิน กรุ๊ป”
เฉิงโม่หนงไม่รู้ว่านึกอะไรออก พูดทันที : “เปลี่ยนเส้นทาง ไปสาขาเจียงไห่ของเทียนจวิน กรุ๊ป”
เฉียนเป่ยเฉินตะลึงเล็กน้อย ยิ้มและพูด : “ไม่มีปัญหา”
และในเวลาเดียวกัน เย่อู๋เทียนกำลังเดินทางไปสาขาเจียงไห่ของเทียนจวิน กรุ๊ป
เสิ่นรั่วชิงนั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับ
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยนั่งอยู่เบาะหลัง
พูดตามตรง ตอนนี้ทั้งสองค่อนข้างประหม่า
แม้ว่าทั้งสองคนต่างรู้ดี ตอนนี้เสิ่นจูนอี๋กลายเป็นรองประธานของเทียนจวิน กรุ๊ปแล้ว
ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว ทั้งสองสามารถเข้าไปทำงานที่เทียนจวิน กรุ๊ปได้ ตามหลักแล้วมันเป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้ว
แต่ก่อนหน้านี้ตอนที่เสิ่นรั่วชิงออกจากบ้าน มีการคุยกับเสิ่นจูนอี๋แล้ว เธออยากจะอาศัยความสามารถของตัวเองเข้าไปทำงานในเทียนจวิน กรุ๊ปไม่อยากอาศัยความสัมพันธ์จากเสิ่นจูนอี๋
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เสิ่นรั่วชิงก็แค่อยากเห็นว่า ตัวเองขาดการติดต่อจากสังคมเจ็ดปี พึ่งพาการศึกษาและประสบการณ์การทำงานก่อนหน้าของตัวเอง จะสามารถหางานที่เหมาะสมทำได้อย่างราบรื่นหรือไม่
เปลี่ยนอีกคำพูดหนึ่ง นี่ถือได้ว่าเป็นความพากเพียรครั้งสุดท้ายของเสิ่นรั่วชิง
เธอรู้ว่าระยะห่างของตัวเองกับเย่อู๋เทียนไกลขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งรู้ว่าต่อให้ตัวเองออกไปทำงาน รายได้ที่ได้รับจะสัมพันธ์กับรายจ่ายในครัวเรือนในปัจจุบัน มันไม่สำคัญเลยด้วยซ้ำ
แต่เสิ่นรั่วชิงยังคงต้องการอาศัยตัวเองเล็กน้อย ต้องการพึ่งพารายได้ของตนเอง ซื้อของให้สามีและลูกของตัวเองบ้างเล็กน้อย ความรู้สึกแบบนั้นมันไม่เหมือนกับใช้เงินของสามีตัวเอง
แน่นอนอ้ายเสี่ยวเตี๋ยก็เข้าใจความคิดนี้ของเสิ่นรั่วชิงเช่นกัน แม้ว่ามองดูจากภายนอกแล้วเธอจะดูโง่ แต่ในใจลึกๆก็ค่อนข้างชื่นชมเสิ่นรั่วชิงเช่นกัน
พูดง่ายๆเลย ก็คือในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง มีรายได้เป็นของตัวเอง ไม่ต้องสนใจเท่าไหร่ ล้วนแล้วเป็นการสะสมความมั่นใจให้กับตัวเองอย่างหนึ่ง ผู้หญิงที่มีความมั่นใจเท่านั้นที่สามารถมีความมั่นใจในตนเองได้ ผู้หญิงที่มีความมั่นใจ ยิ่งเพิ่มเสน่ห์
ไม่อย่างนั้นล่ะก็ จะให้อยู่แต่บ้านทำตัวเป็นแค่คุณนายร่ำรวยคนหนึ่งอย่างนั้นเหรอ?
แบบนั้นมีแต่จะทำให้ช่องว่างของตัวเองห่างกับผู้ชายของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงตอนท้าย แม้แต่ผู้ชายของตัวเองก็ไม่มีหัวข้อที่คุยกันได้ ยังจะสามารถรักษาความสดใหม่ของการแต่งงานได้อย่างไร?
ตามคำพูดของอ้ายเสี่ยวเตี๋ยที่มีต่อเสิ่นรั่วชิง ตอนกลางคืนอยู่ต่อหน้าผู้ชายของตัวเอง ร่านส่วนร่าน โรมแมนติกส่วนโรมแมนติก ยังคงต้องรับรู้สถานการณ์จริง คุณไม่สามารถพึ่งพาความงามเพื่อมัดใจชายได้ แต่คุณต้องเสริมสร้างตัวตนภายในของคุณด้วย!
สำหรับสิ่งนี้ เสิ่นรั่วชิงเห็นด้วยอย่างมาก!
สาขาเจียงไห่ของเทียนจวิน กรุ๊ปใกล้จะถึงแล้ว เสิ่นรั่วชิงที่นั่งอยู่ข้างคนขับหายใจเข้าลึกๆ และพูด : “ตั้งแต่การสัมภาษณ์ครั้งที่แล้ว ผ่านมาเจ็ดปีกว่าแล้ว ไม่รู้ทำไม ภายในใจตื่นเต้นอย่างมาก ราวกับว่าสอบที่มหาลัย”
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยเม้มริมฝีปากและพูด : “ตื่นเต้นอะไรกัน สามารถเข้าได้ก็เข้า ไม่สามารถเข้าได้ก็ออก มากสุดก็แค่เปลี่ยนบริษัทเอง ฉันได้ยินมาว่าเผยซื่อ กรุ๊ปก็ค่อนข้างดีเหมือนกัน ถ้าไม่ได้จริงๆ พวกเราก็ไปหาสิ่งที่ดีที่สุดรองลงมา ไปลองดูที่เผยซื่อ กรุ๊ป!”
เสิ่นรั่วชิงพูดอย่างเขินอาย : “แบบนั้นจะไปได้ยังไง เผยจื่อตงของตระกูลเผยถูกสามีของฉันสั่งสอนทุกวันเหมือนคางคกตัวหนึ่ง ก่อนที่พวกเราจะออกจากบ้าน คนที่ตัดหญ้าอยู่ที่บ้านของพวกเรา เขาก็คือเผยจื่อตง ถ้าหากฉันไปสมัครงานที่เผยซื่อ กรุ๊ป มันก็จะส่งผลไม่ดีต่อสามีของฉัน”
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยตะลึง : “หมายความว่ายังไง? คนที่ตัดหญ้าให้บ้านของพวกเธอ คือเผยจื่อตง? คุณชายใหญ่ของตระกูลเผย เผยจื่อตง?”
เสิ่นรั่วชิงพูด : “ถือว่าเป็นลูกศิษย์ของสามีของฉันคนหนึ่ง”
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยเงียบไปเลย
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน อ้ายเสี่ยวเตี๋ยค่อยพูดออกมาหนึ่งประโยค : “คนเราควรพอใจกับหน้าที่ของตนและไม่เปรียบเทียบสุ่มสี่สุ่มห้าจริงๆ”
และในเวลานี้ เย่อู๋เทียนจอดรถของเขาที่ลานจอดรถหน้าอาคารเทียนจวิน หันหน้าไปมองเสิ่นรั่วชิง ถาม : “ให้ผมรออยู่ที่รถ หรือว่าจะให้ไปกับพวกคุณด้วยกัน?”
เสิ่นรั่วชิงเตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง จู่ๆอ้ายเสี่ยวเตี๋ยก็พูดพล่อยๆ : “แน่นอนต้องไปด้วยกันอยู่แล้ว อีกสักพักคุณก็จะได้เห็นโครงสร้างภายในของอาคารเทียนจวินของคนอื่นเขา ดูคำพูดและพฤติกรรมของนักธุรกิจชั้นนำเหล่านั้น ปรับปรุงรสนิยมส่วนตัวของคุณสักหน่อย ฉันขอบอกคุณเลยนะเหล่าเย่ วันๆคุณอย่าทำเหมือนกับว่าตัวเองเก่งแล้ว ตอนนี้คุณร้ายกาจอย่างมาก แต่สุดท้ายแล้ว ก็แค่เพราะว่าคุณเคยอยู่ที่กรมทหารเหรอ ตอนนี้คุณอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ คุณต้องปรับปรุงความสำเร็จส่วนบุคคลของคุณ การเพิ่มคุณค่าภายในเป็นกุญแจสำคัญ เหมือนทานอาหารเช้าที่บ้านคุณในตอนเช้า คุณกินแพนเค้กที่แม่ยายอบให้ ยังกินอย่างมูมมามไปห้าอัน ฉันไม่อยากพูดคุณเลยจริงๆ เป็นเหมือนคนที่ร่ำรวยขึ้นมาอย่างฉับพลัน ไม่มีความสง่างามแม้แต่นิดเดียว!”
พูดถึงตรงนี้ อ้ายเสี่ยวเตี๋ยหยุดชะงัก ราวกับว่าพูดชี้แนะต่อไป : “ผู้ชาย! ผู้ชายแบบไหนมีเสน่ห์ที่สุด? สง่างาม สุภาพ เรียบร้อย สุภาพบุรุษ! รู้ไหมอะไรคือสุภาพบุรุษ?”
เย่อู๋เทียนหัวเราะและพูด : “อะไรเรียกว่าสุภาพบุรุษ?”
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยคร่ำครวญและร้องออกมา :”พี่ชายคุณลงรถสิ ลงรถไปเปิดประตูรถให้ภรรยาของคุณสิ และยังมีฉัน วันนี้ฉันแต่งตัวสวยขนาดนี้ ผู้หญิงสภาพแบบนี้ คุณควรจะเป็นฝ่ายไปเปิดประตูรถให้ไม่ใช่เหรอ?”
“……”
เย่อู๋เทียนหมดคำพูด
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยกลอกตาขาวขึ้น และพูด : “เกินเยียวยา!”
ระหว่างที่พูด อ้ายเสี่ยวเตี๋ยลงรถด้วยตัวเอง
เสิ่นรั่วชิงที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับเหลือบมองเย่อู๋เทียนหนึ่งที พูดอย่างเขินอาย : “คุณอย่าไปใส่ใจ อ้ายเสี่ยวเตี๋ยก็เป็นแบบนี้แหละ”
เย่อู๋เทียนยิ้มเล็กน้อย : “รอก่อน”
เสิ่นรั่วชิงตะลึงเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
วินาทีต่อมา เย่อู๋เทียนเปิดประตูรถลงมา ระหว่างที่ติดกระดุมชุดสูทไปด้วย พร้อมกับอ้อมตัวรถไปด้วย เขาเดินตรงไปที่ด้านข้างประตูของเบาะนั่ง เปิดประตูรถให้เสิ่นรั่วชิงอย่างสง่างาม
พร้อมกับ เย่อู๋เทียนทำท่าทางของการเชิญลงจากรถ ยิ้มเล็กน้อยและพูด : “สุภาพสตรีสาวสวยท่านนี้ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ให้บริการคุณ”
เสิ่นรั่วชิงตะลึงอยู่กับที่
อ้ายเสี่ยวเตี๋ยที่อยู่อีกด้านของตัวรถก็ตะลึงเช่นกัน
เพราะว่าเย่อู๋เทียนในเวลานี้ เป็นเหมือนสุภาพบุรุษในชุดสูทคนหนึ่ง มีเสน่ห์อย่างมาก
เสิ่นรั่วชิงยื่นมือออกมาแตะไปบนนิ้วมือของเย่อู๋เทียน ลงรถอย่างช้าๆ พูดอย่างอ่อนโยน : “ขอบคุณ”
คำพูดประโยคต่อไปของเย่อู๋เทียน กลับทำให้เสิ่นรั่วชิงสะดุ้งเล็กน้อย : “พายุฝนเมื่อคืนนี้รุนแรงเกินไปแล้ว เช้าวันนี้ผมเห็นคุณลงบันไดถึงกับต้องจับกำแพง ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“……”
ใบหน้าของเสิ่นรั่วชิงแดงทันที
ถลึงตาใส่เย่อู๋เทียนหนึ่งที จากนั้นรีบเดินขึ้นไปบนอาคารเทียนจวิน
ก่อนที่อ้ายเสี่ยวเตี๋ยจะเดินตามไป ก็ถลึงตาใส่เย่อู๋เทียนหนึ่งที และด่าอย่างเจ็บแสบไปคำหนึ่ง : “สารเลว!”
เย่อู๋เทียนยิ้มและมองดูทั้งสองไปที่อาคารเทียนจวิน ทันใดนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมทันที เหลือบมองไปทางรถเบนซ์สีดำทางด้านขวาหนึ่งที พูดอย่างเย็นชา : “ออกมา!”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ชายหนุ่มรูปงามที่โก่งตัวหลบอยู่ข้างรถเบนซ์สีดำด้านข้าง จู่ๆก็ลุกขึ้นยืน ตะโกนเรียกเย่อู๋เทียนด้วยความลำบากใจ : “พี่เทียน”
หานหยุนเซียว!
ตี้ตูตระกูลหาน ท่ามกลางนักสู้มากมาย อันดับอยู่ที่สอง อันที่จริงเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่ง
เป็นเบี้ยที่เย่อู๋เทียนปลูกไว้ในตระกูลหานในช่วงอายุยังน้อย