จอมนักรบอหังการ - บทที่ 140 ต่างบอกเขาร้ายกาจมาก ผมเย่อู๋เทียน ก็อยากลองดู
จอมนักรบอหังการ บทที่ 140 ต่างบอกเขาร้ายกาจมาก ผมเย่อู๋เทียน ก็อยากลองดู!
คำพูดของเย่อู๋เทียน ถามจนเฉิงโม่หนงหยุดอยู่กับที่
ชั่วขณะหนึ่ง เฉิงโม่หนงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าควรจะตอบยังไง เพราะตามข่าวลือจากแวดวงหนึ่งของตี้ตู หานเฟิงอี้กับถังเลี่ยนของตระกูลถัง เป็นความสัมพันธ์แบบที่โลกไม่ยอมรับ
ต้องรู้ว่า หานเฟิงอี้อายุสี่สิบห้าปีในปีนี้แล้ว ช่วงอายุห่างกับถังเลี่ยนของตระกูลถังถึงยี่สิบปีเต็มๆ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ หานเฟิงอี้ยังเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว!
เย่อู๋เทียนเห็นว่าเฉิงโม่หนงไม่ตอบ ภายในใจอดไม่ได้ที่จะสงสัยขึ้นมา จากนั้นถามต่อ : “ทำไม คุณทำงานในตี้ตูมาหลายปีแล้ว เรื่องแค่นี้ก็ยังไม่รู้เลยเหรอ?”
เฉิงโม่หนงลังเลสักพักหนึ่ง และพูด : “เรื่องของข่าวซุบซิบ เชื่อถือไม่ได้”
เย่อู๋เทียนถาม : “เรื่องของข่าวซุบซิบอะไร?”
เฉิงโม่หนงเม้มริมฝีปาก และพูด : “มีข่าวลือว่า หานเฟิงอี้กับถังเลี่ยน มีความสัมพันธ์แบบนั้น”
เย่อู๋เทียนขมวดคิ้วและพูด : “พูดให้ชัดเจนหน่อย ตกลงความสัมพันธ์แบบไหน?”
ใบหน้าของเฉิงโม่หนงแดงทันที มองไปที่กลุ่มผู้บริหารระดับสูงของเทียนจวิน กรุ๊ปที่ตามมาข้างหลัง ลดระดับเสียงและพูด : “แม้ว่านายจะมีลูกกับเสิ่นรั่วชิงไปแล้ว เป็นการแต่งงานโดยพฤตินัย หรือว่านายอยู่ข้างนอกไม่ได้รับเลี้ยงเมียน้อยเหรอ? แสร้งทำเป็นบริสุทธิ์อะไร?”
เย่อู๋เทียนค่อยเข้าใจความสัมพันธ์ของหานเฟิงอี้และถังเลี่ยน เพียงแต่ยังคงขมวดคิ้วแล้วอธิบายหนึ่งประโยค : “ผมมีเพียงเสิ่นรั่วชิงผู้หญิงคนเดียวเท่านั้น คุณอย่าเดาไปเรื่อย! ผมเป็นคนยังไงคุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?”
เฉิงโม่หนงหัวเราะอย่างเย็นชา : “ฉันเข้าใจที่สุดแล้ว ในแวดวงตี้ตูล้วนแล้วมีข่าวลือ บอกว่านายทำให้ลูกสาวของหัวหน้าสูงสุดของตี้ตูสับสนและมีอาการเพ้อ เจ็ดปีที่นายจากไป เพราะคำพูดหนึ่งประโยคของนายตอนนั้น คนเขายังอยู่ทางเหนืไม่ย้ายไปไหน ถ้าหากพวกนายสองคนไม่เคยมีความสัมพันธ์แบบนั้นเกิดขึ้น ควักลูกตาของฉันออกมาให้นายเหยียบเลย!”
เย่อู๋เทียนอ้าปาก เตรียมจะอธิบายให้ชัดเจน แต่เมื่อนึกย้อนกลับไป ดูเหมือนว่าการซุ่บซิบนินทาของผู้หญิงจะเป็นมาตั้งแต่เกิด เพียงแค่เป็นเรื่องที่ผู้หญิงยอมรับ ไม่ว่าจะอธิบายยังไง สามารถทำได้แค่เป็นการปกปิดเท่านั้น
สูดหายใจเข้าลึกๆหนึ่งที เย่อู๋เทียนพูดอย่างไม่แยแส : “สารเลวกลุ่มนั้นในตี้ตู กล้าพูดเรื่องของผมกับโล่หวางไปเรื่อยได้ยังไง มีเวลาต้องไปตี้ตูหนึ่งรอบแล้ว”
เฉิงโม่หนงพูดอย่างไม่พอใจ : “ตัวเองทำเรื่องไปแล้ว เอาเปรียบคนอื่นไปแล้ว ยังต้องการปิดปากคนทั้งโลก? เย่อู๋เทียน ตอนนี้นายบัดซบมากขึ้นเรื่อยๆแล้วนะ! ฉันขอบอกนาย ฉันก็แค่เห็นนายเป็นเหมือนคนในครอบครัว ฉันเลยพูดกับนายแบบนี้! เปลี่ยนเป็นคนอื่น ฉันจะไปสนใจว่าเขาเป็นใครทำไม!”
เย่อู๋เทียนเตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง เฉิงโม่หนงกลับพูดขัดจังหวะอย่างเย็นชา : “ช่างเถอะ ตอนนี้นายก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว นายมีชีวิตของนายเอง ฉันก็จัดการไม่ได้ แต่หวังว่าหลังจากที่นายแต่งงานกับฉันแล้ว อย่าทำเรื่องให้มันมากเกินไป! แต่ฉันยังคงต้องพูดอีกหนึ่งประโยค ตอนนี้สถานะและตำแหน่งของนายไม่ธรรมดาอย่างมาก ในอนาคตนายต้องใส่ใจกับคำพูดและการกระทำของนาย! อย่าเอาแต่สร้างข่าวอื้อฉาวและลามก ขายหน้า!”
เย่อู๋เทียนขมวดคิ้ว พูดด้วยความสงสัย : “อะไรกับอะไรเหรอ?”
เฉิงโม่หนงถอนหายใจและพูด : “ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความแข็งแกร่งของตัวนายเองแข็งแกร่งอย่างมาก แต่ถ้าหากมีแค่หานเฟิงอี้คนเดียว หรือพาแค่หานหยุนเฟยมายังสถานที่ มันก็แล้วไป แบบนั้นล่ะก็ ยังมีโอกาสพลิกสถานกรณ์ได้ แต่ตอนนี้……ไม่มีโอกาสแล้ว ถังจิ่วเชียนก็มาถึงแล้ว นายจำเป็นต้องทำตัวดีๆหน่อย ฟังฉันคำเตือนจากฉันสักครั้ง ฉันไม่มีทางทำร้ายนายแน่นอน”
“?”
ในหัวของเย่อู๋เทียนเต็มไปด้วยคำถาม ไม่เข้าใจสิ่งที่เฉิงโม่หนงพูดหมายความว่าอะไร
แต่เมื่อเตรียมจะเปิดปากสอบถาม เฉิงโม่หนงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จัดระเบียบรูปลักษณ์สักหน่อย หันหลังกลับและเดินไปที่ประตูของอาคารเทียนจวิน ท่าทางแบบนั้น เห็นได้ชัดว่าต้องการต้อนรับหานเฟิงอี้อย่างเป็นทางการด้วยมารยาทสูงสุด
และในเวลานี้ เดิมทีหานหยุนเซียวที่อยู่ข้างกายหานเฟิงอี้ ก็วิ่งมาทางนี้เช่นกัน ประโยคแรกที่พูดเมื่อวิ่งมาอยู่ต่อหน้าเย่อู๋เทียน : “อดทน! จำเป็นต้องอดทน! อีกสักพักไม่ว่าหานเฟิงอี้จะพูดอะไร คุณก็ต้องทำตามที่เธอต้องการ! ไม่อย่างนั้นต่อให้ผมเป็นทายาทของตระกูลหาน ก็ไม่สามารถช่วยคุณพูดอะไรได้!”
เย่อู๋เทียนพูดด้วยรอยยิ้ม : “หานเฟิงอี้คนเดียว ทำให้พวกนายตกใจจนกลายเป็นสภาพแบบนี้?”
หานหยุนเซียวเบิกตากว้าง กดเสียงเบาและพูด : “พูดไปกี่รอบแล้ว หานเฟิงอี้ไม่มีอะไรต้องกังวล สิ่งสำคัญคือถังจิ่วเชียนเจ้าหมอนั่น คุณไม่เห็นหรือว่าเขาไม่แม้แต่จะพูดอะไรสักคำเมื่อเขามาถึง สุนัขที่กัดไม่เห่า หลักการนี้คุณก็ไม่รู้เหรอ? คุณอย่าคิดว่าคุณฝึกสอนเฉียนเป่ยเฉินออกมาหนึ่งคน แถมยังสามารถรับมือกับกระบวนท่าของผมได้อย่างง่ายดาย แต่ผมสามารถบอกคุณได้อย่างชัดเจน ถ้าหากถังจิ่วเชียนต้องการเล่นงานคุณ คุณไม่มีโอกาสได้โต้กลับเลยด้วยซ้ำ!”
เย่อู๋เทียนมองหานหยุนเซียวอย่างไม่แยแส จากนั้นมองไปทางเฉิงโม่หนงที่อยู่ตรงประตู พูดด้วยความโกรธเล็กน้อย : “ของไร้ค่ากลุ่มหนึ่ง!”
หานหยุนเซียวพยักหน้าและพูด : “ไร้ค่า พวกเราล้วนแล้วเป็นพวกไร้ค่า! แต่ว่า คุณต้องเข้าใจ ก้มหัวต่อหน้าผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง ไม่ใช่เรื่องขายหน้าอะไร! พวกเราไม่ได้เป็นสุนัขรับใช้ของตระกูลถัง พวกเราเพียงแค่ต้องการหลีกเลี่ยงพลังที่แข็งแกร่ง! หนึ่งประโยค สู้ไม่ได้จะให้ทำยังไงล่ะ? ก็เหมือนกับหานหยุนเฉ่าที่อยู่ต่อหน้าคุณ คุณทุบตีเขาจนพิการ เขาละทิ้งความแข็งกร้าวกับคุณ สำหรับเขาแล้วนี่เป็นเรื่องขายหน้าเหรอ? มันไม่ใช่เลยด้วยซ้ำ ดังนั้น นี่ล้วนแล้วเป็นเหตุผลหนึ่ง คุณก้มหน้าต่อหน้าถังจิ่วเชียน ก็ไม่ขายหน้าเช่นกัน!”
เย่อู๋เทียนคิดสักพัก ถาม : “หมายความว่า ถ้าหากขึ้นไปพูดคุยบนอาคาร จำเป็นต้องต่อสู้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วสินะ?”
หานหยุนเซียวพูดเกลี้ยกล่อมอย่างเต็มที่ : “อีกสักพักคุณแค่ทำตามความติองการของหานเฟิงอี้ แบบนั้นไม่ต้องต่อสู้อย่างแน่นอน ก็แค่เทียนจวิน กรุ๊ปหนึ่งแห่งเองไม่ใช่เหรอ ให้ใครครอบครองก็แค่การครองไม่ใช่เหรอ? ถอยหนึ่งก้าว คุณขาดเงินเหรอ? คุณไม่ขาดเงินเลย ต่อให้คุณขาดเงิน คุณพูดกับผมหนึ่งคำ ผมก็มีสิทธิ์พูดที่ตระกูลหานเหมือนกัน คุณต้องการเงินเท่าไหร่ ผมก็สามารถทำให้คุณพอใจได้ แถมไม่ต้องคืนด้วย! ต่างก็เป็นญาติกัน! เงิน ไม่สำคัญ ชีวิตสำคัญกว่า!”
เย่อู๋เทียนไม่พูดอะไรอีกต่อไป มองดูเสิ่นรั่วชิงที่อยู่ข้างกายไม่รู้ว่าทำไมสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พูด : “คุณรอผมที่นี่สักพักหนึ่งก่อนนะ ผมไปแป๊บเดียวก็กลับมา”
เมื่อกี้เสิ่นรั่วชิงได้ยินคำพูดของเฉิงโม่หนงที่พูดกับเย่อู๋เทียน
ผู้หญิงล่ะก็
เอะอะก็มีแต่หึง
ไม่ใช่ไม่เชื่อเย่อู๋เทียน แต่เฉิงโม่หนงผู้บริหารสูงสุดของเทียนจวิน กรุ๊ปก็พูดออกมาแล้ว เย่อู๋เทียนกับโล่หวางไม่ชัดเจน เงื่อนไขแบบนี้ จะให้เสิ่นรั่วชิงคิดยังไง?
ไม่รอให้เสิ่นรั่วชิงตอบกลับ เย่อู๋เทียนก็เดินออกไปข้างนอกแล้ว
ในเวลานี้ หานเฟิงอี้และหานจื่อหยวนและคนอื่นๆใกล้เดินมาถึงหน้าประตูอาคารแล้ว เมื่อเห็นเย่อู๋เทียนกลับมาอีกครั้ง หานจื่อหยวนหึอย่างเย็นชาหนึ่งที : “ถือว่าเขาฉลาด!”
ใครจะไปคิด เย่อู๋เทียนเพียงแค่เดินผ่านหานเฟิงอี้และหานจื่อหยวน เดินตรงไปอยู่ต่อหน้าถังจิ่วเชียนที่กำลังสูบบุหรี่อยู่ตรงหลังสุด เปิดปากถาม : “คนของตี้ตูตระกูลถัง?”
ถังจิ่วเชียนเหลือบมองเย่อู๋เทียนหนึ่งที ดีดขี้บุหรี่ลงพื้น พูดอย่างไม่แยแส : “ไม่ต้องกลัว ฉันมากับคุณน้าหาน ไม่ใช่มาต่อสู้ นอกจากนี้ นายไม่ต้องกลัวว่าฉันจะโกรธนายเพราะสิ่งที่นายและโล่ซวนหยวนทำกับตระกูลถัง ชีวิตนี้ของฉัน เพียงแค่ฟังคนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ ถังเลี่ยน พูดถอยหลังหนึ่งก้าว พวกเราชาวศิลปะการต่อสู้ ไม่อยากยุ่งกับเรื่องเหล่านี้ของโลกมนุษย์”
เย่อู๋เทียนยิ้มเล็กน้อยและพูด : “พวกเขาต่างบอกว่าถังเลี่ยนร้ายกาจอย่างมาก และต่างก็บอกว่า คุณก็ร้ายกาจอย่างมาก”
ถังจิ่วเชียนสูบบุหรี่และมองไปทางเย่อู๋เทียน พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบ : “ความหมายคือ นายต้องการลงมือกับฉัน ต้องการทดสอบความร้ายกาจของฉันเป็นของจริงหรือของปลอม?”
เย่อู๋เทียนพยักหน้า และพูด : “หมายความตามนั้นเลย สิ่งสำคัญคือกลัวว่าเดี๋ยวถ้าต่อสู้กันบนอาคาร อาจทำให้อาคารที่อยู่ข้างหลังถล่ม ยังไงคนส่วนใหญ่ที่อยู่ที่นี่ก็เป็นคนธรรมดา การทำร้ายผู้บริสุทธิ์ไม่ใช่เรื่องดี”
ถังจิ่วเชียนหัวเราะ และพูด : “นายเห็นค่าของตัวเองเกินไปแล้วจริงๆ แน่นอน ฉันพูดแบบนี้ ไม่มีความผิด เพียงแต่ ฉันมีกฎของฉัน ฉันไม่ต่อสู้กับคนที่อ่อนแอกว่าฉัน”
เย่อู๋เทียนลังเลสักพัก และพูด : “อย่างนั้นพวกเราสองคนมาจับมือกัน ไม่ต่อสู้ ถ้าหากคุณสามารถดิ้นรนออกจากมือของผม เทียนจวิน กรุ๊ปและทรัพย์สินทั้งหมดในนามของผม และยังมีอำนาจ ล้วนสามารถมอบให้หานเฟิงอี้ได้ เป็นยังไง?”
ถังจิ่วเชียนเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่เมื่อเตรียมจะพูดอะไรบางอย่าง ตรงหน้าของเขา และก็คือด้านหลังของเย่อู๋เทียน มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังมา : “คุยโวโอ้อวดอย่างไม่รู้สึกละอายใจ!”