จอมนักรบอหังการ - บทที่ 142 ให้พวกหล่อนจำใส่กะโหลกเอาไว้!
จอมนักรบอหังการ บทที่ 142 ให้พวกหล่อนจำใส่กะโหลกเอาไว้!
เลือดสดที่มาอย่างไม่ทันระวังตัวกระเซ็นโดนหน้าหานเฟิ่งอี๋และหานจื่อหยวน เหมือนโดนสาดเลือดหมาใส่เต็มหัว ทำเอาทั้งสองตกใจขวัญหนีดีฝ่อหมด!
แต่ทั้งสองคนไม่มีเวลามาคิดเรื่่องนี้แล้ว ได้แต่เบิกตากว้างมองภาพเบื่้องหน้าด้วยความตกใจระคนหวาดกลัว พวกเธอเห็น ถังจิ่วเชียนยังคงกระอักเลือดไม่หยุด!
นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย!
ถังจิ่วเชียนเมื่อกี้ยังดีๆอยู่เลย และออร่าที่แผ่ซ่านออกมาทั้งตัวนั่นเห็นได้ชัดว่าเทียบได้กับเมื่อเทียบกับถังเลี่ยนเมื่อสามปีก่อน ทำไมจู่ก็กระอักเลือดไม่หยุดเหมือนอวัยวะภายในฉีกขาดไปตามๆกันล่ะ?
เวลานี้เย่อู๋เทียนได้ปล่อยมือถังจิ่วเชียนแล้ว ปล่อยให้ถังจิ่วเชียนกระอักเลือดต่อไป!
ถังจิ่วเชียนไม่มีแก่ใจครุ่นคิดอะไรแล้ว สมองเขาว่างเปล่า และไม่ใส่ใจอะไรอย่างอื่นแล้วด้วย ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดคือ กระอักเลือดที่ค้างคาในช่วงอกออกมาให้หมด!
ภาพนี้ดูแล้วสยดสยองนัก ตัวถังจิ่วเชียนกลับรู้ดีว่า ตามเลือดที่กระอักออกมาแต่ละคำนั้น ลมหายใจปั่นป่วนทีร่างแต่เดิมนั้นพลันสบายขึ้นไม่น้อย
โดยเฉพาะเส้นชีพจรปอด เปรียบเสมือนเดิมวิ่งอยู่บนทางด่วน แต่บนทางด่วนนั้นกลับมีก้อนหินขวางเต็มไปหมด ตอนนี้ก้อนหินพวกนั้นกลับเหมือนโดนคนเตะกระเด็น ถึงบนถนนจะยังมีหลุมมีบ่ออยู่ อย่างน้อยก็การจราจรเคลื่อนไหวสะดวกไร้สิ่งกีดขวาง!
ทำไมเป็นอย่างนี้?
เมื่อครู่ เย่อู๋เทียนไม่ได้ใช้ปราณเหลือเชื่อนั่นโจมตีตน? แต่เป็นการช่วยตน?
ถังจิ่วเชียนเบิกตากว้าง
ถึงทั้งร่างจะยังเจ็บปวดมากนัก แต่เทียบกับความเจ็บปวดที่อัดอั้นก่อนหน้านี้นั้น ถือว่าดีขึ้นมากแล้ว
พอหันมองเฉิงโม่หนงกับหานหยุนเซียว ทั้งสองคนเบิกตาโพลงอ้าปากค้างไปแล้ว
เฉิงโม่หนงมองดูถังจิ่วเชียนที่โก่งคอกระอักเลือดอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ยากจะสงบอารมณ์พลุ่กพล่านในใจได้ มันยากมากเลยที่จะดึงสายตากลับมาที่เย่อู๋เทียน
และก็ได้เห็น เย่อู๋เทียนยืนอยู่ไม่ได้ห่างจากถังจิ่วเชียนมาก เหมือนไม่มีอะไร
ดวงตาหานหยุนเซียวเบิกโพลงเหมือนระฆัง มองเย่อู๋เทียนตาไม่กระพริบ ทนไม่ไหวร้องตะโกนออกมาว่า “แดนที่สี่! เจ้าไปถึงแดนที่สี่แล้ว!”
หนทางนักสู้แบ่งเป็นแปดพลังสี่แดน ทุกสองพลังเท่ากับหนึ่งแดน แต่คนส่วนมากรู้แค่แดนสองอันแรก ก็คือแดนที่หนึ่งที่เป็นพลังสว่างกับพลังลับ รวมถึงแดนที่สองที่เป็นพลังแปลงกับพลังตัน
ส่วนแดนที่สามที่เป็นพลังปราณกับพลังมืด น้อยนักที่จะมีคนรู้แล้ว
และคนพวกนั้นที่รู้เรื่องแดนที่สาม ไม่ต้องสงสัยเลย พวกเขาล้วนเป็นยอดฝีมือของหนทางนักสู้ทั้งนั้น!
นักสู้ที่รู้ว่ามีแดนที่สี่นั้น ยิ่งเป็นคนล้ำค่าและหายากยิ่งกว่า
เจียงฉางเซิงที่ก่อนหน้านี้ต่อให้ร่ำบอกว่าตนเองเป็นที่หนึ่งในใต้หล้า ก็ยังไม่รู้เลยว่ามีแดนที่สี่อยู่
หานหยุนเซียวกลับรู้ว่าหนทางนักสู้มีแดนที่สี่ด้วย เห็นได้ชัดว่า หานหยุนเซียวไม่ธรรมดามากแล้วในโลกนักสู้
นี่เป็นเรื่องที่ทำให้เย่อู๋เทียนออกจะแปลกใจอยู่บ้าง เขาหันมองหานหยุนเซียว พูดเสียงเรียบว่า “ผมไปถึงแดนที่สี่แล้วน่ะถูก แต่ที่แสดงออกมาเมื่อครู่เป็นแค่แดนที่สาม ถ้าผมใช้พลังของแดนที่สี่จริงๆ…. ตอนนี้ถังจิ่วเชียนตายไปแล้ว!”
หานหยุนเซียวอ้าปากค้าง สีหน้าไม่อยากจะเชื่อเลย!
ตอนนี้ถังจิ่วเชียนกึ่งคุกเข่าอยู่ที่พื้น แต่ไม่ใช่คุกเข่าคารวะใคร แต่เพราะไม่อาจรองรับปราณที่เย่อู๋เทียนเหลือไว้ในชีพจรเขาได้
ถังจิ่วเชียนใช้มือหนึ่งกุมหน้าอกไปพลาง อีกมือพยุงตัวจากพื้นไปพลาง สีหน้าเขายังคงซีดเผือด แต่ดูดีกว่าเมื่อครู่มากนัก
ถังจิ่วเชียนเงยหน้าขึ้นมามองเย่อู๋เทียน แววตาเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง พูดเสียงแหบพร่าว่า “ไม่ เป็นไปไม่ได้! แกไม่มีทางไปถึงแดนที่สี่! แกแค่ไปถึงขอบระดับสุดของแดนสามเท่านั้นเอง! ความน่ากลัวของแดนที่สี่น่ะฉันเคยเห็นมาแล้ว!”
เย่อู๋เทียนหรี่ตาลงพลางถามว่า “ใครเป็นแดนที่สี่?”
สายตาถังจิ่วเชียนดูสับสน พลางว่า “ถังเลี่ยน!”
เย่อู๋เทียนยิ้มบอก “น่าสนใจ”
ถังจิ่วเชียนกัดฟันแน่นพลางถาม “แก…แกทำได้ยังไงกัน? ฉันเคยไปห้องสมุดของกรมทหารแห่งประเทศหลงมาก่อน แต่ที่นั่นไม่มีหนังสือล้ำค่าหายากอะไรที่ทำให้คนไปถึงระดับสุดของแดนสามได้!”
เย่อู๋เทียนยิ้มเยาะบอก “แกจะรู้ได้ไงล่ะว่า ฉันได้เรียนรู้มันที่กรมทหาร?”
ถังจิ่วเชียนเงยหน้ามองเย่อู๋เทียน พูดอย่างตะลึงว่า “แก… แกเรียนมาจากใครกันแน่? คนอย่างฉันถังจิ่วเชียน เริ่มฝึกยุทธ์ตั้งแต่สามขวบ เพราะตระกูลถังให้ความสำคัญ เลยได้เก็บรวบรวมหนังสือล้ำค่าหายากจากใต้หล้าไว้ แต่ไม่เคยเห็นวิชาที่แกใช้มาก่อนเลย!”
เย่อู๋เทียนไม่ได้ตอบคำถามถังจิ่วเชียน
น้ำแข็งสามนิ้วไม่ได้เกิดจากความหนาวเย็นวันเดียว!
หรือเย่อู๋เทียนจะต้องบอกว่า เขาเองก็เคยอ่านหนังสือล้ำค่าหายากมากมายตั้งแต่เล็กจนโต แต่ก็ไม่เคยได้เจอวิทยายุทธ์ที่เหมาะกับเขางั้นหรอ?
หรือเย่อู๋เทียนจะต้องบอกว่า ฝีมือของเขาในตอนนี้ล้วนได้มาจากการฝึกฝนในสนามรบจริง?
หรือเย่อู๋เทียนจะต้องบอกว่า การเข้าฌานอยู่ที่ส่วนลึกของเทือกเขาหิมาลัย เจ็ดปีได้เอาวิทยายุทธ์ในใต้หล้าทั้งหมดนั่นรวมเป็นวิชาหนึ่งแล้วงั้นหรอ?
หรือเย่อู๋เทียนจะต้องบอกว่า เขาในตอนนี้สามารถเปิดสำนักหนึ่งได้แล้วงั้นหรอ?
เย่อู๋เทียนมองถังจิ่วเชียนอย่างผู้อยู่เหนือกว่า พูดแค่สามคำว่า “แกแพ้แล้ว!”
สามคำนี้ไม่เพียงแค่พูดให้ถังจิ่วเชียนฟังเท่านั้น ยังพูดให้หานเฟิ่งอี๋ที่ยืนอยู่ไม่ไกลฟังด้วย
ตอนนี้ ทุกคนในที่นี้ล้วนพุ่งเป้าสายตาที่ใบหน้าเย่อู๋เทียน แต่ผสานกับที่คนรับใช้คนหนึ่งของหานเฟิ่งอี๋รีบส่งกระดาษทิชชูเสียหลายแผ่นมาตรงหน้าหานเฟิ่งอี๋ สายตาของทุกคนก็พุ่งเป้าที่ใบหน้าหานเฟิ่งอี๋อีกครั้ง
ถึงหานเฟิ่งอี๋จะเช็ดคราบเลือดบนใบหน้าออกเกือบหมดแล้ว แต่ก็เละเทะไม่เหลือดี ในตอนนี้กลับทำให้ทุกคนที่นั่นรู้สึกกลัว
สีหน้าของหานเฟิ่งอี๋จะเรียกว่าไม่น่าดูไม่ได้แล้ว
เพราะเธอพึ่งพูดเมื่อครู่ว่า ให้ถังจิ่วเชียนจัดการเย่อู๋เทียน เป็นเรื่องง่ายๆแค่คำพูดหนึ่งของเธอเท่านั้น
เธอยังบอกอีกว่า ในเมื่อเย่อู๋เทียนวู่ว่ามไม่กลัวตายอย่างนี้ เช่นนั้นเธอไม่แค่ต้องการเทียนจวินกรุ๊ปกับหอจักรพรรดิเซียนแล้ว ยังต้องการชีวิตเย่อู๋เทียนด้วย!
ตอนนี้….
เย่อู๋เทียนชนะแล้ว!
ไม่เพียงแต่ชนะแล้ว ยังชนะอย่างง่ายดายอีกด้วย!
พอหันมามองหานจื่อหยวนที่อยู่ข้างกายหานเฟิ่งอี๋ สายตาเธอที่มองเย่อู๋เทียน ไม่สามารถใช้คำว่าตกตะลึงมาอธิบายได้แล้ว แต่เป็นหวาดกลัวแทน ในสายตาเธอเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างลึกซึ้ง!
เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่า เย่อู๋เทียนจะถึงแดนที่สี่!
ถึงกับ…
แดนเดียวกับถังเลี่ยน!
เธอสำเหนียกได้อย่างฉับไวว่า ไม่ว่าจะเป็นตนเอง หรือหานเฟิ่งอี๋ ล้วนจะกลายเป็นเนื้อปลาที่อยู่บนเขียง
รอเย่อู๋เทียนมาเชือด!
จากนั้น เย่อู๋เทียนกลับไม่ได้มองหานจื่อหยวนเต็มตาเลยตั้งแต่ต้นจนจบ ความรู้สึกในการโดนเมินเฉยแบบนี้ทำให้หานจื่อหยวนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!
ในที่สุดเย่อู๋เทียนก็เบนสายตาไปมองที่ใบหน้าหานเฟิ่งอี๋ พลางว่า “เมื่อครู่ผมบอกแล้ว ถ้าผมชนะ หานซื่อกรุ๊ปเป็นของผม ถึงคุณจะไม่ได้รับปาก แต่ตอนนี้รับปากก็ไม่ช้าเกินไปนะ!”
หานเฟิ่งอี๋สีหน้าซีดเผือด
ถึงเธอจะไม่เคยเห็นหานซื่อกรุ๊ปอยู่ในสายตามาก่อน แต่คำพูดนี้ของเย่อู๋เทียนเท่ากับตบหน้าเธอฉาดใหญ่เลย
ตบหน้าคนอย่างเธอหานเฟิ่งอี๋ต่อหน้าคนนับร้อย
หานเฟิ่งอี๋สีหน้าเย็นชา ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
หานจื่อหยวนมองเย่อู๋เทียนอย่างแค้นเคือง “เย่อู๋เทียน อย่ารังแกกันให้มากไปนัก!”
เย่อู๋เทียนเหล่มองหานจื่อหยวน แค่นเสียงเยาะหยัน พลางหันมองเฉิงโม่หนงที่อยู่ไม่ไกล พูดว่า “เฉิงโม่หนง รอยฝ่ามือบนใบหน้าเธอน่ะ ฝีมือหานจื่อหยวนใช่ไหม?”
เฉิงโม่หนงได้สติกลับมา แต่ไม่รู้จะตอบยังไงดี
ตอนนี้บรรยากาศเงียบกริบ
เย่อู๋เทียนพูดอีกว่า “บางที…เป็นฝีมือหานเฟิ่งอี๋หรอ?”
เฉิงโม่หนงตอบเสียงสั่นๆว่า “หานจื่อหยวน”
เย่อู๋เทียนยิ้มละไมบอก “อย่างนั้นก็ดี ไม่ว่าจะเป็นหานเฟิ่งอี๋หรือหานจื่อหยวน เธอเข้าไปตบพวกหล่อนให้หน้าหันไปเลย ให้พวกหล่อนจำใส่กะโหลกเอาไว้! ให้พวกเขาเข้าใจว่า เธอเฉิงโม่หนงเป็นคนของผมเย่อู๋เทียน!”