จอมนักรบอหังการ - บทที่ 147 วิชาชี่พิเศษ?ก็แค่นี้เอง!
จอมนักรบอหังการ บทที่ 147 วิชาชี่พิเศษ?ก็แค่นี้เอง!
พอคำพูดนี้ออกมา ต่อให้เป็นหานฟางอวี้ก็หวั่นไหวเหมือนกัน
เขาอายุเกือบเก้าสิบแล้ว ไม่เคยเจอเด็กรุ่นใหม่ที่น่าทึ่งอะไรมาก่อน?
แต่เด็กรุ่นใหม่ที่โอหังอย่างเย่อู๋เทียนนี่ เขาพึ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก
แต่กลับเห็นถังจิ่วเชียนกับหานจื่อหยวนในตอนนี้ ถึงทั้งสองคนจะติดขัดที่ฝีมือการต่อสู้อันเลิศเลอกล้าแกร่งของเย่อู๋เทียน สีหน้าเรียบเฉยไม่พูดอะไร แต่ลึกๆก็ได้ดูถูกเย่อู๋เทียนไปแล้ว
เคยเจอพวกบ้า ไม่เคยเจอพวกบ้าขนาดนี้!
ในเมื่อรู้แล้วว่าถังเลี่ยนเอาชนะผู้แข็งแกร่งที่น่ากลัวที่สุดของตระกูลหานแห่งตี้ตู ยังกล้าพูดจาโอหังแบบนี้อีก!
ไม่รู้จริงๆว่า ใครให้ความกล้ากับเขาเย่อู๋เทียนมากขนาดนี้!
หานฟางอวี้มองเย่อู๋เทียน พลางยิ้มเศร้าบอก “คุณคิดว่า การที่ถังเลี่ยนแพ้คุณท่าน เป็นเพราะคุณท่านอายุมากแล้ว เลยทำให้ถังเลี่ยนโชคดีเอาชนะหรอ?”
เย่อู๋เทียนบอก “บ้าคลั่งกับเย่อหยิ่งเป็นคนละเรื่องกัน”
หานฟางอวี้ขมวดคิ้วน้อยๆ อดมองสำรวจเย่อู๋เทียนอีกรอบไม่ได้ พลางถามขึ้น “แดนที่สี่?”
เย่อู๋เทียนเพียงยิ้มแต่ไม่ตอบ
หานฟางอวี้พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ต่อให้คุณไปถึงระดับแดนที่สี่จริงๆ คุณก็อย่าประมาทศัตรู ถังเลี่ยนเด็กคนนี้ ขนาดตอนนั้นคุณท่านยังมองพลาดไป ผมบอกคุณตรงนี้ได้เลย ถังเลี่ยนเป็นอัจฉริยะด้านการต่อสู้คนหนึ่งที่โดนคนประเมินต่ำไปมากที่สุด! ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลหานเรากับตระกูลถังบาดหมางกันมานาน… คุณท่านยังอยากจะตั้งใจอบรมสั่งสอนถังเลี่ยน!”
เย่อู๋เทียนบอก “ถังเลี่ยน….เขายังไม่คู่ควรที่จะเป็นศัตรูของผม”
หานฟางอวี้พูดไม่ออกอีกครั้ง เขายิ้มเศร้าส่ายหน้าบอก “เอาเถอะ ไม่ว่าจะเป็นคุณท่านหรือผม อันที่จริงไม่กลัวว่าคุณจะแพ้ให้กับถังเลี่ยนเลย ยังไงซะพอถึงระดับของคุณ ต่อให้แพ้ก็มีความสามารถคุ้มครองตนเองได้แน่!”
พูดมาถึงตรงนี้ หานฟางอวี้เสริมให้อีกคำว่า “แต่ผมยังต้องพูดมากอีกหน่อย ก่อนอายุสามสิบ โอหังได้ ผ่านไปอีกสองปี จะมาโอหังกร่างแบบนี้ไม่ได้แล้ว ในโลกนี้มีเรื่องมากมายนักที่ไม่รู้ วิชานั้นล้ำลึกสุดจะคาดคะเนได้ อย่าได้ทระนงตนเกินไปนัก….”
ไม่รอหานฟางอวี้พูดจบ เย่อู๋เทียนตัดบทว่า “เมื่อยี่สิบปีก่อนผมก็เคยบอกแล้วว่า ผมไม่ชอบฟังคนพล่ามเหตุผลบ้าๆ!”
หานฟางอวี้ขมวดคิ้วมุ่น ในใจเริ่มไม่พอใจเย่อู๋เทียน
ที่จริงเขาก็ไม่ร็ว่า ตอนนั้นอาจารย์หลวงถึงมั่นใจขนาดนั้นว่า พอเย่อู๋เทียนเติบโตขึ้น จะต้องกลายเป็นยอดคนเหนือคนในใต้หล้า ดุจมังกรเหินขึ้นฟ้าแน่!
ในตอนนี้เอง เย่อู๋เทียนพาหานฟางอวี้ไปอีกด้าน จากนั้นจัดการบดขยี้ตราจักรพรรดิเล็กๆในมือนั่นจนเป็นผุยผง
การกระทำที่กะทันหันนี่เกือบทำหานฟางอวี้อกแตกตาย เขามองตราจักรพรรดิที่เป็นผุยผงในมือเย่อู๋เทียนตาเขม็ง พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทาว่า “นี่เป็นตราประจำตัวเจ้าบ้านของตระกูลหาน คุณกล้า…”
แต่หานฟางอวี้ยังพูดไม่ทันจบ อัญมณีขนาดเท่าถั่วเม็ดหนึ่งก็พุ่งเข้าดวงตาของเขา
อัญมณีนี่เดิมซ่อนอยู่ในตราจักรพรรดิ ตอนนั้นตัวตราแตกแล้ว อัญมณีก็ตกอยู่ในมือเย่อู๋เทียน
เพียงเห็นอัญมณีนี้ ส่องประกายแสงสีทองอ่อนๆออกมาทั้งตัว แค่มองก็รู้ว่าไม่ธรรมดา!
ประหนึ่งยาที่ไม่รู้ชื่อเม็ดหนึ่ง!
หานฟางอวี้ขมวดคิ้วร้องอุทานด้วยความตกใจว่า “นี่คือ…”
เย่อู๋เทียนยื่นอัญมณีเม็ดนี้ให้หานฟางอวี้ พลางอธิบายเสียงเรียบ
“ห้าปีก่อน ตอนผมเข้าฌานที่ส่วนลึกของเทือกเขาหิมาลัย ค้นพบเข้าโดยบังเอิญ ถึงจะไม่รู้ชื่อ แต่เท่าที่วิเคราะห์ดูจากประสบการณ์ของผม ยาเม็ดนี้มีคุณไร้โทษต่อร่างกายมนุษย์ คุณเอากลับไปให้คุณท่านกินเถอะ แต่จำไว้นะ ต้องเปิดหน้าอก ใส่ยานี้ลงไปในเลือดเนื้อ ใช้เลือดลมรายล้อม ถึงจะเห็นผล!”
พูดมาถึงตรงนี้ เย่อู๋เทียนสำทับเพิ่มอีกคำ
“ไม่ว่าอาจารย์หลวงหานโดนถังเลี่ยนทำร้ายจนเป็นยังไง พอใช้ยาเม็ดนี้ น่าจะยืดอายุต่อได้อีกยี่สิบปีได้!”
ได้ยินคำนี้ หานฟางอวี้ตะลึงจนไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว
จนบัดนี้ อาจารย์หลวงหานก็อายุปาเข้าไปหนึ่งร้อยห้าสิบปีแล้ว ยังจะยืดอายุไปอีกยี่สิบปี?
อย่างนี้ไม่กลายเป็นเทพเซียนไปจริงๆรึ?
พอคิดถึงตรงนี้ หานฟางอวี้เหมือนคิดอะไรได้ขึ้นมา สายตาพลันทอประกายพุ่งตรงไปที่เย่อู๋เทียน พลางถามขึ้นว่า “รอยสลักลับบนตราจักรพรรดิ คุณฝึกฝนแล้ว?”
เย่อู๋เทียนชะงักเล็กน้อย ถามอย่างสงสัยว่า “รอยสลักลับ….คือภาษาสันสกฤตโบราณพวกนั้นที่สลักอยู่บนเปลือกนอกของตราจักรพรรดิ?”
หานฟางอวี้พูดอย่างเคร่งเครียดว่า “ใช่ นั่นเป็นวิชาลับที่ไม่สืบทอดของตระกูลหานเรา และก็เป็นลมปราณเฉพาะทางของตระกูลหานเราด้วย ตอนผมยังหนุ่ม คุณท่านเคยสอนผมเกี่ยวกับเจ็ดเสียงภาษาสันสกฤตบนนั้น ทุกวันเฝ้าฝึกฝนราวกับท่องบทสวดไป ผมถึงมีวิทยายุทธ์ในทุกวันนี้ ในเวลาเดียวกัน คุณท่านก็มีฝีมืออย่างทุกวันนี้ก็เพราะฝึกฝนวิชานี้เช่นกัน!”
เย่อู๋เทียนสงสัยเล็กน้อย เหมือนท่องบทสวดภาษาสันสกฤต พอท่องไปหลายเสียง จากนั้นถึงถามขึ้นว่า “เสียงที่คุณพูด คือสิ่งที่ผมพึ่งท่องเมื่อครู่?”
หานฟางอวี้เหมือนโดนสายฟ้าฟาด!
สายตาที่มองเย่อู๋เทียนกลายเป็นสับสนสุดขีด
ในใจยิ่งตกใจขั้นสุด
ไม่คิดเลยจริงๆว่า เย่อู๋เทียนจะนำเสียงภาษาสันสกฤตเหล่านั้นบนด้านนอกตราจักรพรรดิ และท่องมันออกมาราวกับกำลังนับสมบัติ!
ที่สำคัญที่สุดคือ เสียงที่เขาพึ่งพึมพำออกมา มีหรือจะเป็นเจ็ดหรือสิบเสียงง่ายๆอย่างนั้น?
ต้องรู้ไว้นะ ตนเองเรียนเจ็ดเสียงนี้ที่อยู่ในลมปราณรอยสลักลับของตระกูลหานนี้ กลายเป็นยอดฝีมืออันดับสองของตระกูลหาน และเชิดหน้าเหนือยอดฝีมืออื่นของตี้ตูไปหมด!
ทุกวันอาจารย์หลวงหานท่องสิบเสียง เก็บสะสมมานับร้อยปี ถึงมีตบะในวันนี้…
ตอนนี้เย่อู๋เทียนกลับท่องเสียงเหล่านั้นออกมาง่ายดายนัก?
เย่อู๋เทียนเห็นหานฟางอวี้ไม่พูดอะไร แค่นเสียงเยาะว่า “อันที่จริงก็ไม่ใช่ของเล่นมีค่าอะไร เหมือนเสียงหื้อ ฮ่า ในวิชาโลหะ ใช้ เสียงเดินลมปราณ ใช้ลมปราณกระจายไปทั่วร่าง ฝีกไปได้ปีครึ่ง นอกจากจะทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง แต่ถ้าจะให้ไปถึงแดนฟ้าและคนรวมกันเป็นหนึ่งเหมือนอย่างพระธาตุทางพุทธศาสนา มันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมาก”
หานฟางอวี้สีหน้ากระตุก พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเทาว่า “คุณรู้หรือไม่ ตอนนั้นทำไมถังเลี่ยนต้องมาคารวะคุณท่านเป็นอาจารย์ให้ได้? แค่อยากเรียนวิชาชี่จักรพรรดินี่ที่เป็นวิชาที่ไม่มีสืบทอดของตระกูลหานเรานี่แหละ! ตอนนี้คุณกลับบอกว่า ไม่มีประโยชน์อะไรมาก?”
เย่อู๋เทียนพูดเสียงเรียบว่า “ถ้ามีประโยชน์ คุณท่านมีหรือจะพ่ายแพ้ในเงื้อมมือถังเลี่ยน?”
หานฟางอวี้สูดลมหายใจเข้าปอดลึก พลางว่า “นั่นเป็นเพราะคุณท่านเพียงฝึกฝนสิบเสียงในวิชาชี่จักรพรรดิเท่านั้น และก็แค่ฝึกได้ถึงขั้นที่สาม แต่ต่อให้เป็นแบบนี้ เขาก็เป็นผู้แข็งแกร่งที่มีไม่มากจากอดีตจนถึงปัจจุบันของตระกูลหานเรา พ่อของคุณท่านได้ฝึกแค่เก้าเสียง และนับจากตราจักรพรรดินี่มาถึงมือคุณท่าน เขาพยายามอย่างยิ่งยวด และฝึกฝนได้อีกเสียงหนึ่ง มันเท่ากับเป็นการขยายอาณาเขต!”
เย่อู๋เทียนเยาะบอก “คุณกับคุณท่านช่างเป็นคนยุคเก่าจริงๆ ขนาดคำเปรียบเปรยอย่างขยายอาณาเขตยังใช้เลย”
หานฟางอวี้มองเย่อู๋เทียนตาไม่กะพริบ ถามว่า “ในเจ็ดปีมานี้ คุณมียอดฝีมือชี้แนะหรือไม่? ไม่อย่างนั้นคุณจะท่องออกมาหลายเสียงอย่างนั้นได้ยังไง? คุณรู้จริงหรือแกล้งทำกันแน่?”
เย่อู๋เทียนบอกขันๆว่า “ตอนนั้นที่ผมอยู่ในส่วนลึกของเทือกเขาหิมาลัย มีวันหนึ่งว่างไม่มีอะไรทำ เลยครุ่นคิดเรื่องวิชาชี่จักรพรรดินี้ ก็ใช้เวลาไปสามชั่วโมง ก็สามารถเรียนรู้ทะลุหมดแล้ว จากนั้นฝึกอยู่หลายเดือน ไม่เลวเลยทีเดียว แต่เทียบกับอีกวิชาหนึ่งที่ผมเอาวิชาชี่จักรพรรดิเป็นพื้นฐานแล้ว ห่างกันไกลนัก!”
พอคำนี้ออกมา หานฟางอวี้เบิกตาแทบถลน แทบหยุดหายใจแล้ว
สายตาที่มองเย่อู๋เทียนประดุจมองเซียน!
เพราะในตอนที่เย่อู๋เทียนพูดเมื่อครู่ หานฟางอวี้ได้ค่อยๆปรับลมปราณตามเสียงหลายท่อนที่เขาท่องออกมา ให้ลมปราณตนปรับเปลี่ยนไปตามเสียงโน้ต มันกลับ…
เกิดปฏิกิริยาประหลาดนัก!
แต่ในตอนนี้เอง เย่อู๋เทียนพลันพูดมาหนึ่งคำ เกือบทำให้หานฟางอวี้ล้มหัวฟาดพื้น ล้มตายตรงนั้นเลย
และเพราะคำพูดนี้ของเย่อู๋เทียน หานฟางอวี้กระอักเลือดออกมาจากอวัยวะภายในเลย