จอมนักรบอหังการ - บทที่ 157 ถึงอย่างไรท่านก็ใกล้จะตายอยู่แล้ว แค่เหล้าแก้วเดียวไม่เห็นจะเป็นไรเลย ”
- Home
- จอมนักรบอหังการ
- บทที่ 157 ถึงอย่างไรท่านก็ใกล้จะตายอยู่แล้ว แค่เหล้าแก้วเดียวไม่เห็นจะเป็นไรเลย ”
จอมนักรบอหังการ บทที่ 157 ถึงอย่างไรท่านก็ใกล้จะตายอยู่แล้ว แค่เหล้าแก้วเดียวไม่เห็นจะเป็นไรเลย! ”
ในแวดวงพวกลูกเศรษฐีทั้งในและต่างประเทศ หลี่จิงหงนั้นมีชื่อเสียงที่โด่งดังอย่างมาก
ไม่เพียงแต่เพราะเธอเป็นลูกสาวของตระกูลหลี่แห่งเมืองหนานกั่ง เธอยังจะมีสมญานามว่าราชินีแห่งไนต์คลับด้วย
โดยมีเทคนิคการผสมเหล้า ที่ถือได้ว่าล้ำเสิศยิ่งนัก
นอกจากนี้แล้ว เธอยังเป็นเคยเป็นดีเจ และเคยร้องเพลงออกอัลบั้มด้วย
ภายใต้ออร่าเหล่านี้ ช่างทำให้พวกลูกเศรษฐีอย่างเกาเยว่หมิ่นหลงใหลกันจนโงหัวไม่ขึ้น
พูดได้ว่า ต่อให้ไม่มีวงศ์ตระกูลชั้นสูงอย่างตระกูลหลี่แห่งเมืองหนานกั่งเป็นเบื้องหลัง ลำพังแค่อิทธิพลความสามารถของหลี่จิงหงอย่างเดียว ก็เพียงพอที่จะให้เธอทะนงตนได้แล้ว
เพราะว่าหลี่จิงหงมีแฟรนไชส์ผับบาร์ของตนเอง อีกทั้งยังเปิดกิจการไปทั่วโลก ลำพังแค่รายได้จากผับบาร์ในทุกวัน ก็ถือเป็นตัวเลขที่น่าทึ่งแล้ว!
ตอนนี้ บุคคลที่ยอดเยี่ยมทั้งเป็นที่รักใคร่ของทุกคนและร่ำรวยเงินทองอย่างหลี่จิงหง คิดไม่ถึงว่าจะเรียกผิงเสี่ยวหลิงว่าอาจารย์ ต่อหน้าพวกผู้มีอิทธิพลและนักธุรกิจเหล่านี้!
นั่นแสดงว่าสถานะของชายวัยกลางคนในชุดราชวงศ์ถังที่ชื่อว่าผิงเสี่ยวหลิงนี้ มันช่างน่าตื่นตกใจยิ่งนัก!
เมื่อนึกถึงจุดนี้ขึ้น เกาเยว่หมิ่นก็ถึงกับหวาดผวาอย่างที่สุด
เพราะว่าผู้ชายที่อยู่ด้านข้างเสิ่นรั่วชิงนั้น รู้จักกับอาจารย์ของหลี่จิงหงด้วย……
นี่ก็เพียงพอที่จะทำให้เกาเยว่หมิ่นหวาดกลัวอย่างมากแล้ว
เวลานี้ หลี่จิงหงได้เดินมาถึงเบื้องหน้าของผิงเสี่ยวหลิง และเรียกอย่างเคารพอีกครั้งว่า: “อาจารย์”
ผิงเสี่ยวหลิงพยักหน้าเล็กน้อยให้กับหลี่จิงหง ถือว่าเป็นการตอบรับที่เธอเรียกว่าอาจารย์ จากนั้นก็หันมองไปที่ฉาวซิง และกล่าวทักทาย: “เถ้าแก่ฉาว เป็นอย่างไรบ้าง? ”
ฉาวซิงหัวเราะฮ่าฮ่าและพูดว่า: “ถึงแม้ว่าจะป่วย แต่วันนี้เห็นว่าพี่ผิงมาด้วยตนเอง ฉันฉาวซิงก็ดีใจและปลื้มใจเป็นยิ่งนัก”
ผิงเสี่ยวหลิงยิ้มอย่างลึกลับ และพูดขึ้นว่า: “วันนี้ ท่านมีโชคแล้ว”
ฉาวซิงสีหน้าท่าทางงุนงง
ผิงเสี่ยวหลิงมองไปที่เย่อู๋เทียน ยิ้มและพูดขึ้นว่า: “ท่านเจ้าหอของเรามาอวยพรวันเกิดให้กับท่านด้วยตนเองเลย ไม่ใช่โชคดีของท่านหรอกเหรอ? ”
ใบหน้าของฉาวซิงยิ่งจะสับสนงุนงงหนักขึ้นไปอีก
ท่านเจ้าหอ?
ลูกศิษย์ของหมอเทวดาผิงปู๋จิ้วคนนี้ ทำไมถึงได้เรียกเย่อู๋เทียนว่าท่านเจ้าหอล่ะ?
แต่ก็ไม่ทันที่จะได้คิดอะไรมาก ฉาวซิงก็เดินเข้ามายังด้านหน้าของเย่อู๋เทียน ยกมือแสดงความเคารพ และพูดอย่างเคารพว่า: “ฉาวซิง คารวะชิงตี้! ”
เมื่อพูดคำนี้ออกไป นอกจากเสิ่นรั่วชิงที่อยู่ด้านข้างเย่อู๋เทียน และเฉิงโม่หนงที่ทราบถึงสถานะของเขาแล้ว คนอื่น ๆ ต่างก็ตกตะลึงกันไปทั้งหมด
ชิงตี้?
พวกคนที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ ต่างก็เป็นผู้มีอิทธิพลชั้นสูงในวงการธุรกิจแห่งประเทศหลง เมื่อได้ยินฉาวซิงเรียกขานเย่อู๋เทียน ก็พลันนึกขึ้นได้ถึงสมญานามชื่อหนึ่ง!
เจ้ายมบาลชิงตี้!
ที่จริงแล้ว ชายหนุ่มที่เผยว่านหลี่และคนอื่น ๆ เรียกกันว่าคุณเย่นั้น ก็คือเจ้ายมบาลชิงตี้ที่ข้าศึกศัตรูต่างชาติต่างพากันหวาดกลัว!
ขณะนี้ สถานที่แห่งนี้เงียบกริบกันไปทั้งหมด!
ต่อให้เป็นหลี่จิงหงเอง ก็อดที่จะแสดงสีหน้าท่าทางที่ตะลึงงันไม่ได้
วันนี้ ผู้ชายที่ลูกสาวของฉาวซิง หยางเฟยเอ๋อร์ จะจัดการให้อยู่หมัดนั้น ก็คือเจ้ายมบาลชิงตี้แห่งประเทศหลง?
โอ้วพระเจ้า!
ตกลงว่ามันคือสถานการณ์อะไรกันแน่?
หากรู้ว่าผู้ชายคนนี้ก็คือเจ้ายมบาลชิงตี้ ต่อให้ตัวเองมีความกล้าหาญมากแค่ไหน……
ก็คงไม่กล้าที่จะนำเหล้าผสม “เซียนหลับใหล” ให้เขาดื่มแน่นอน!
นี่มันไม่อยากที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้วหรือ รนหาที่ตายแล้วใช่ไหม?
มาดูที่ทางเกาเยว่หมิ่นในตอนนี้บ้าง ถึงกับมีความคิดที่จะร้องไห้จนตายลงไปเลย ผู้ชายที่อยู่ด้านข้างของเสิ่นรั่วชิงนี้ ก็คือเจ้ายมบาลชิงตี้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งกรมทหารอย่างนั้นเหรอ?
ฉาวซิงสังเกตเห็นว่าสีหน้าของเย่อู๋เทียนไม่ค่อยดีนัก จึงรู้สึกได้ว่า ต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว และหันมองไปยังเกาเยว่หมิ่นที่น้ำตาบนใบหน้ายังไม่แห้ง พร้อมกับสอบถามขึ้นว่า: “ชิงตี้ นี่มัน……”
เย่อู๋เทียนพูดอย่างเฉยชาว่า: “เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”
เกาเยว่หลูหยิกไปที่เนื้อตรงเอวของเกาเยว่หมิ่นอีกครั้ง และพูดสั่งสอนด้วยสีหน้าที่โมโหว่า: “ยังไม่รีบกล่าวขอโทษพี่เขยอีก? ”
เกาเยว่หมิ่นหัวสมองโล่งไปหมด
ผ่านไปสักพัก เกาเย่วหมิ่นจึงก้มหัวลงและพูดกับเย่อู๋เทียนด้วยเสียงสะอึกสะอื้นว่า: “ขอโทษ พี่เขย ฉันไม่รู้ว่าคุณคือ……”
ยังไม่ทันรอให้เกาเยว่หมิ่นพูดจบ เสิ่นรั่วชิงที่ไม่พูดไม่จาอะไรมาตลอดก็พลันมองไปที่เกาเยว่หลู และพูดว่า: “นำตัวหล่อนออกไป เกียรติของตระกูลเกา ถูกพวกเธอทำลายลงจนไม่เหลือแล้ว! ”
เกาเยว่หลูได้ยินคำพูดนี้ ราวกับว่าถูกลดโทษลง
แต่เกาเยว่หมิ่นกลับเกิดความโกรธแค้น
หล่อนเสิ่นรั่วชิงก็เป็นแค่ไอ้เด็กเถื่อน ที่พบกับความโชคดีเอาอย่างมาก ถึงได้สานสัมพันธ์กับผู้ชายอย่างเจ้ายมบาลชิงตี้ ไม่อย่างนั้นใครจะไปรู้จักเสิ่นรั่วชิงคนนี้ล่ะ?
คางคกขึ้นวอ!
ในขณะที่เกาเยว่หมิ่นกำลังคิดแบบนี้อยู่นั้น โล่เชียนฟานก็พลันเดินออกมาจากกลุ่มคน และพูดกับเสิ่นรั่วชิงอย่างประจบว่า: “คุณอา ท่านอย่าได้โมโหไปเลย หญิงสาวตระกูลเกาคนนี้ฉันรู้จัก ก็แค่ไอ้คนโง่เท่านั้น! ท่านอย่าไปสนใจเลย! ”
เกาเยว่หมิ่นราวกับว่าถูกฟ้าผ่าลงมาใส่ทันที!
โล่เชียนฟานจากตระกูลโล่แห่งตี้ตู เรียกเสิ่นรั่วชิงว่าคุณอา?
สถานการณ์มันเป็นอย่างไรกันแน่?
เสิ่นรั่วชิงกลับขมวดคิ้วขึ้นและพูดกับโล่เชียนฟานอย่างไม่สบอารมณ์ว่า: “ต่อให้คนของตระกูลเกาจะไม่รู้จักกาละเทศะ แต่ก็ไม่ใช่ว่านายจะมาพูดสุ่มสี่สุ่มห้าอะไรที่นี่ได้ เข้าใจไหม? ”
โล่เชียนฟานไม่เพียงแต่จะไม่โกรธเคือง กลับยังหัวเราะเหอะเหอะและพูดว่า: “รับทราบ คุณอา หลานชายรับฟังและปฏิบัติตาม! ”
เกาเยว่หมิ่นจึงถูกเกาเยว่หลูลากตัวออกไปยังที่อื่น
เมื่อเดินมาถึงด้านนอกของคฤหาสน์ตระกูลฉาวแล้ว เกาเยว่หมิ่นจึงถามขึ้นว่า: “เสิ่นรั่วชิง……ตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไรกันแน่? โล่เชียนฟานผู้ที่เป็นถึงบุคคลยิ่งใหญ่ ทำไมถึงได้เรียกหล่อนว่าคุณอาล่ะ? ”
เกาเยว่หลูพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่หมองหม่นว่า: “ตอนนี้เสิ่นรั่วชิงคือน้องสาวบุญธรรมของฝ่าบาทผู้สูงส่ง! แม้แต่หานเฟิงอี้จากตระกูลหานแห่งตี้ตู หล่อนยังกล้าที่จะตบเลย! เธอคิดว่าอย่างไรล่ะ? ”
เกาเยว่หลูสีหน้าขาวซีดทันที ตกใจจนแทบจะทรุดตัวลงไปกองที่พื้น
เกาเยว่หลูมองไปที่เกาเยว่หมิ่นอย่างเย็นชา และกัดฟันพูดว่า: “วันนี้หากไม่ใช่ฉัน ต่อให้เสิ่นรั่วชิงจัดการเธอจนตาย ก็ยังถือว่าเป็นเรื่องเล็ก! เธอรู้ไหมว่า ตอนนี้เกาซื่อ กรุ๊ปของพวกเรานั้นได้ถูกเทียนจวิน กรุ๊ปซื้อไปเรียบร้อยแล้ว! อีกทั้งไม่เกินหนึ่งปี เสิ่นรั่วชิงก็จะเข้ามาแทนตำแหน่งของเฉิงโม่หนงในเทียนจวิน กรุ๊ปทั้งหมด? ”
เกาเยว่หมิ่นตะลึงจนแทบจะหยุดหายใจ และสอบถามขึ้นอย่างสั่นเทาว่า: “ทำไมเหรอ? ”
เกาเยว่หลูพูดว่า: “เพราะว่าผู้ครอบครองเทียนจวิน กรุ๊ปที่แท้จริงนั้น ก็คือเย่อู๋เทียน ส่วนเสิ่นรั่วชิงก็คือผู้หญิงของเย่อู๋เทียน! เธอรู้อีกไหมว่า เย่อู๋เทียนนอกจากจะเป็นผู้ครอบครองเทียนจวิน กรุ๊ปที่แท้จริง นอกจากจะเป็นเจ้ายมบาลชิงตี้แล้ว เขายังมีสถานะอะไรอีก? เขายังเป็นท่านเจ้าหอของหอจักรพรรดิเซียน เมื่อครู่คนที่ชื่อว่าผิงเสี่ยวหลิงที่หลี่จิงหงเรียกขานว่าอาจารย์นั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าของเย่อู๋เทียน ก็ไม่มีสถานะอะไรเลย เพราะผิงปู๋จิ้วอาจารย์ของผิงเสี่ยวหลิง แม้แต่ชายชราที่เฝ้าประตูให้กับเย่อู๋เทียน ก็ยังเอาชนะไม่ได้เลย! นอกจากนี้ เย่อู๋เทียนยังเป็นเจ้าบ้านของตระกูลหานแห่งตี้ตูด้วย! เธอช่างไม่รู้อะไรเลย ก็กล้าที่จะโอ้อวดหยิ่งทะนงต่อหน้าเขา แต่เธอก็ยังถือว่าโชคดีอยู่บ้าง ที่วันนี้สามารถมีชีวิตกลับออกมาจากตระกูลฉาวได้! ”
คำพูดเหล่านี้ ทุกคำ เกาเยว่หมิ่นได้รับฟังเข้าหูอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งทั้งหมด ถึงกับทำให้เธอตกใจกลัวจนแทบจะปัสสาวะรดกางเกงเลยทีเดียว
เกาเยว่หลูพูดว่า: “รอให้หลังจากเสร็จสิ้นงานฉลองวันเกิดของฉาวซิงแล้ว ฉันจะพาเธอไปขอโทษต่อเย่อู๋เทียน เมื่อถึงตอนนั้นต่อให้เธอต้องหมอบคลาน ก็จะต้องมอบคลานเข้าไปที่เบื้องหน้าของเย่อู๋เทียนให้ได้ เพื่อขอเขาให้อภัยยกโทษให้ ไม่อย่างนั้นพวกเราตระกูลเกา ก็คงจะไม่ได้รับความสนใจดูแลจากเย่อู๋เทียนตลอดไปเป็นแน่! ”
เกาเยว่หมิ่นน้ำตาไหลเปาะแปะเปาะแปะ โดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ
เกาเยว่หลูพูดขึ้นด้วยเสียงหนักแน่นว่า: “คำพูดของฉัน เธอได้ยินแล้วใช่ไหม! ”
เกาเยว่หมิ่นพูดขึ้นขณะที่กำลังร้องไห้ว่า: “ได้ยินแล้ว ต่อให้ฉันต้องหมอบคลาน ก็จะต้องหมอบคลานไปยังเบื้องหน้าของเย่อู๋เทียน เพื่ออ้อนวอนเขาให้อภัยยกโทษให้! ”
เกาเยว่หลูสุดหายใจลึก และพูดว่า: “ช่างเถอะ เธอไม่มีคุณสมบัติพอหรอก เมื่อครู่ฉันก็แค่อัดอั้นตันใจ จึงพูดแบบนั้นออกไป ซึ่งฉันเองก็ยังไม่มีคุณสมบัติพอที่จะพูดอะไรมากกับเย่อู๋เทียนเลย แล้วเธอจะมีได้อย่างไรล่ะ? ”
“……”
เกาเยว่หมิ่นแทบจะเป็นลมล้มตึงลงไป
และในขณะนั้น เย่อู๋เทียนกับเสิ่นรั่วชิง ที่ถูกล้อมรอบด้วยพวกผู้มีอิทธิพลและนักธุรกิจจำนวนมากนั้น ก็ได้เดินเข้าไปด้านในของห้องโถงจัดเลี้ยงงานวันเกิด และทยอยกันนั่งลง
ในช่วงที่เดินกันเข้ามา หลี่จิงหงก็ได้แอบสังเกตเย่อู๋เทียนอยู่ตลอด เพราะแปลกใจมากว่า ผู้ชายที่ยังอายุน้อยคนนี้ ทำไมถึงได้เป็นเจ้ายมบาลชิงตี้ที่ยิ่งใหญ่อยู่เหนือผู้คนจำนวนมากได้?
แม้ว่าหลี่จิงหงจะรู้ว่าเย่อู๋เทียนคือเจ้ายมบาลชิงตี้แล้ว แต่ก็ยังไม่รู้ว่า เย่อู๋เทียนยังจะเป็นท่านเจ้าหอของหอจักรพรรดิเซียน เพราะถึงเธอจะเป็นลูกศิษย์ของผิงเสี่ยวหลิง แต่ผิงเสี่ยวหลิงก็ไม่เคยจะพูดถึงเรื่องอื่นที่นอกเหนือไปจากเรื่องการผสมเหล้าเลย
โดยก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่บนชั้นสองของคฤหาสน์ เรื่องการวางเดิมพันกับหยางเฟยเอ๋อร์นั้น ก็ยังทำให้หลี่จิงหงเองรู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่โดยตลอด เพราะว่า หุ้นส่วนสามสิบสองเปอร์เซ็นต์ของฉาวซื่อ กรุ๊ปนั้น มันช่วงยั่วยวนเสียเหลือเกิน
แม้ว่าเย่อู๋เทียนจะเป็นเจ้ายมบาลชิงตี้ แต่ก็เป็นเพียงแค่นักบู๊ ซึ่งโรคร้ายที่แม้แต่อาจารย์ของตัวเองผิงเสี่ยวหลิง กระทั่งอาจารย์ปู่ผิงปู๋จิ้วก็ยังรักษาไม่หาย เย่อู๋เทียนจะสามารถรักษาให้หายได้อย่างไร?
ต้องรู้ก่อนนะว่า โรคของฉาวซิงนั้น คือโรคร้ายแรงที่รักษาไม่หาย!
เทวดาหรือเซียนก็ยากที่จะรักษาได้!
จากนี้ไป ก็จะต้องวางแผนให้กับเย่อู๋เทียน เพื่อให้เขาไปรักษาโรคให้กับฉาวซิง……
เมื่อเป็นอย่างนั้น หุ้นส่วนสามสิบสองเปอร์เซ็นต์ของฉาวซื่อ กรุ๊ป ก็จะต้องตกมาเป็นของตัวเองอย่างแน่นอนแล้ว
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว หลี่จิงหงที่รักในการเดิมพัน ก็ตัดสินใจที่จะลองเสี่ยงสักครั้ง ตัดสินใจว่าจะกระทำตามแผนการเดิมทุกอย่าง แล้วก็นำเหล้าเซียนหลับใหลที่ผสมเสร็จแล้วนั้น เคลื่อนย้ายมายังด้านหน้าของฉาวซิง
หลี่จิงหงยิ้มและพูดขึ้นว่า: “ลุงฉาว เหล้าแก้วนี้ คือเหล้าที่ท่านจะเชิญให้คุณเย่ดื่ม ไม่ทราบว่า……คุณเย่จะให้เกียรติกับท่านบ้างหรือไม่? ”
เมื่อพูดออกไป ฉาวซิงก็เกิดความประหม่าขึ้นในทันที
เรื่องที่จะต้องเผชิญหน้า ในที่สุดก็มาแล้ว
หลี่จิงหงคิดแผนแบบนี้ว่า มอมเหล้าคุณเย่ให้มึนเมาก่อน เมื่อถึงตอนนั้นหยางเฟยเอ๋อร์ก็จะได้ลงมือจัดการกับเย่อู๋เทียนให้อยู่หมัด จากนั้นเมื่อเรื่องราวมันเลยจุดที่จะแก้ไขได้แล้ว หยางเฟยเอ๋อร์ก็จะต้องไปขอร้องให้เย่อู๋เทียน ช่วยรักษาโรคร้ายให้กับพ่อของหล่อน
ซึ่งคงไม่มีทางที่จะรักษาให้หายเป็นปกติได้อย่างแน่นอน
แต่นั่นก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับหลี่จิงหงแล้ว
หลี่จิงหงรู้แต่เพียงว่า หากดำเนินการตามแผนดังกล่าวแล้ว เรื่องราวทั้งหมดก็จะไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเธอสักเท่าไร
เหล้า คือสิ่งที่ฉาวซิงกับหยางเฟยเอ๋อร์ต้องการ
เธอก็แค่เป็นฝ่ายที่จัดการเหล้าให้ แม้ว่าระหว่างนี้จะเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้น เมื่อเรื่องจบเย่อู๋เทียนก็คงจะไม่โกรธแค้นเธอมากเท่าไร
ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลย!
หลังจากนั้น ในขณะที่หลี่จิงหงกำลังคิดวางแผนการของตัวเองยู่นั้น การกระทำอย่างหนึ่งของเย่อู๋เทียน กลับทำให้ทุกคนรอบข้าง พากันตื่นตะลึงไปทั้งหมด
เย่อู๋เทียนมองไปยังเหล้าแก้วนั้นที่หลี่จิงหงนำออกมาให้ฉาวซิง แล้วก็หันมองไปที่ฉาวซิง และพูดขึ้นว่า: “เหล้านี้ ท่านดื่มเถอะ”
ฉาวซิงราวกับถูกฟ้าผ่าลงมากลางครัน!
นี่มันใช่เหล้าที่ตนเองจะดื่มที่ไหนล่ะ?
นี่มันถึงขั้นเอาชีวิตของเขาเลยทีเดียวนะ!
ใครไม่รู้ล่ะว่า เหล้าแก้วนี้ มีชื่อว่าเซียนหลับใหล หากคนอย่างเขาที่เป็นมะเร็งตับดื่มเข้าไปแล้ว ก็คงจะตายลงเป็นแน่!
หยางเฟยเอ๋อร์เองก็อยู่ที่ตรงนี้ แต่เมื่อเห็นการกระทำของเย่อู๋เทียนแล้ว กลับไม่ได้ตื่นตะลึงสักเท่าไร เพราะหากพูดกันจากบางมุมมองแล้ว เธอเองยังจะเชื่อมั่นในตัวของเย่อู๋เทียนมากกว่าเสิ่นรั่วชิงอีก
เธอไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่า เย่อู๋เทียนจะให้พ่อของเธอดื่มเหล้าแก้วนี้ เพราะต้องการให้พ่อของเขาตายลง
ขณะที่เห็นสีหน้าท่าทางที่หม่นหมองของฉาวซิงแล้ว หยางเฟยเอ๋อร์ที่เป็นลูกสาวไม่เพียงแต่จะไม่มีความกังวลแล้ว ยังกลับพูดตอกย้ำอีกว่า: “พี่เทียนของฉันให้ท่านดื่ม ท่านก็ดื่มสิ หนามยอกเอาหยามบ่ง! ถึงอย่างไรท่านก็ใกล้จะตายอยู่แล้ว แค่เหล้าแก้วเดียวไม่เห็นจะเป็นไรเลย! ”
ฉาวซิงคู่ดวงตาเบิกโพลง โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้น
นี่เป็นคำพูดของลูกสาว ที่สมควรจะพูดกับพ่อของตัวเองอย่างนั้นเหรอ?
อีกทั้งในขณะที่ฉาวซิงกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟนั้น ด้านนอกห้องโถง ก็พลันมีเสียงหัวเราะของเด็กหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น: “ลูกสาวของนายพูดได้ถูกต้อง ถึงอย่างไรนายก็จะต้องตายลงอยู่แล้ว แค่เหล้าแก้วเดียวไม่เห็นจะเป็นไรเลย! รีบดื่มเดี๋ยวนี้ หลังจากที่ดื่มแล้ว ฉันก็จะแทงนายให้ตาย ฉันรับรองกับนายว่า นายจะต้องตายลงอย่างสุขสบาย ไม่เจ็บปวดอะไรแม้แต่น้อย! ”