จอมนักรบอหังการ - บทที่ 158 ฉันให้เกียรตินาย ฉันจึงจะฆ่านายก่อน
จอมนักรบอหังการ บทที่ 158 ฉันให้เกียรตินาย ฉันจึงจะฆ่านายก่อน!
เมื่อพูดคำนี้ออกมา ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงจัดเลี้ยง ต่างก็หันหน้ามองไปยังด้านนอกห้องโถงทั้งหมด
เป็นใครกัน ที่ในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของฉาวซิง ยังกล้าที่จะพูดจารนหาที่ตายอย่างนี้?
แต่หลังจากที่มองเห็นคนที่พูดขึ้นแล้วนั้น……
นอกจากเย่อู๋เทียนแล้ว พวกผู้มีอิทธิพลและนักธุรกิจใหญ่ที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ ต่างก็พากันสูดหายใจลึก
ต่อให้ฉาวซิงเอง ก็ยังมีสีหน้าท่าทางที่ย่ำแย่
ขนาดหลี่จิงหง รวมถึงผิงเสี่ยวหลิง ก็ยังมีสภาพท่าทางที่ตื่นตระหนกกันไปหมด
ผู้ที่มานั้น มีชื่อว่าถังเสี่ยวไป๋
สวมใส่ชุดลำลองสีขาว มีผมสั้นสีขาว และในมือ ถือกระบี่ยาวสีขาวเล่มหนึ่ง
รูปร่างหน้าตาธรรมดา ร่างกายสูงประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบห้าเซนติเมตร
แต่คนอย่างนี้ หลังจากที่ปรากฏตัวขึ้นในห้องโถงจัดงานเลี้ยง กลับทำให้ทั่วทั้งห้องโถงงานเลี้ยงเงียบสงบลงไปอย่างมากเลยทีเดียว!
ที่ประตูห้องโถงงานเลี้ยง มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตระกูลฉาวอยู่ไม่น้อย
พวกเขาไม่แน่ใจว่าถังเสี่ยวไป๋เป็นคนอย่างไร รู้แต่ว่า เขาจะต้องมาก่อเรื่องสร้างความวุ่นวายแน่นอน
ชายวัยกลางคนในชุดสูทคนหนึ่ง ได้ขัดขวางไม่ให้ถึงเสี่ยวไป๋เดินต่อ พร้อมกับพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า: “หมาแมวอะไรมาจากที่ไหนกัน รีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้น……”
ยังไม่ทันรอให้ชายวัยกลางคนนั้นพูดจบ ก็เกิดประกายแสงสีขาวขึ้น
ชายวัยกลางคนพลันรู้สึกว่าเย็นยะเยือกที่ช่วงลำคอ จากนั้น ที่ลำคอก็เกิดความปวดแสบปวดร้อนขึ้น!
เลือด ได้ไหลออกมาจากลำคอของชายวัยกลางคนนั้นแล้ว
แม้ว่าจะไม่มาก แต่เพียงพอที่จะทำให้เกิดความหวาดกลัว!
ชายวัยกลางคนยังไม่ตาย!
สถานที่แห่งนี้ยังไม่ได้เกิดเหตุการณ์กระบี่แทงคออะไรขึ้น
นั่นเพราะว่า……
ชายวัยกลางคนนี้เป็นเพียงแค่หัวหน้ายามรักษาความปลอดภัยของคฤหาสน์ตระกูลฉาว ยังไม่คู่ควรที่จะตายลงภายใต้คมกระบี่ของถังเสี่ยวไป๋
แต่ยังไม่ทันรอให้ชายวัยกลางคนนั้นตั้งสติกลับมาได้ ถังเสี่ยวไป๋ก็เก็บกระบี่เรียบร้อยแล้ว
รวดเร็วอย่างมากจนทุกคนถึงกับตกตะลึง!
เพราะว่าคนในสถานที่แห่งนี้นอกจากเย่อู๋เทียนแล้ว ก็ไม่มีใครที่สามารถมองเห็นการชักกระบี่และเก็บกระบี่ของถังเสี่ยวไป๋ได้
ถังเสี่ยวไป๋ยิ้มเยาะและมองไปที่ชายวัยกลางคน พร้อมกับพูดขึ้นว่า: “ตอนนี้นายยังไม่คู่ควรที่จะตายลงภายใต้คมกระบี่ของฉันหรอก ยังไม่ต้องรีบร้อน รออีกสักหน่อย เพราะว่าคนแรกที่ฉันจะฆ่าในวันนี้ ก็คือฉาวซิง รอให้เขาตายลงภายใต้คมกระบี่ของฉันก่อนแล้ว พวกคนในที่แห่งนี้ ฉันก็จะฆ่าทิ้งตามอารมณ์ หากเมื่อไรที่หมดอารมณ์แล้ว ฉันก็จะจากไป”
ชายวัยกลางคนคู่ดวงตาเบิกโพลง
อย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า ไอ้คนที่อยู่ด้านหน้านี้ จะกำเริบเสิบสานยิ่งนัก!
ในขณะนั้นเอง ด้านหลังของชายวัยกลางคนนั้น ก็มีเสียงของฉาวซิงดังขึ้น: “นายไม่ใช่คู่ต่อกรของเขา ปล่อยให้เขาเข้ามา”
ชายวัยกลางคนกุมไปที่ลำคอของตนเอง พร้อมกับลังเลใจเล็กน้อย แล้วจึงขยับตัวออกเพื่อเว้นช่องทางให้ถังเสี่ยวไป๋เดินเข้าไป
ถังเสี่ยวไป๋เองก็ไม่เกรงใจ ค่อย ๆ เดินตรงเข้าไปถึงด้านในสุดของห้องโถงจัดเลี้ยง
ซึ่งก็คือโต๊ะที่เย่อู๋เทียนและฉาวซิงนั่งกันอยู่
สีหน้าของฉาวซิงหม่นหมองลงอย่างที่สุด
เขารู้ว่า……
วันนี้ เขาจะต้องตายลงด้วยคมกระบี่ของถังเสี่ยวไป๋อย่างแน่นอน
ฉาวซิงมองไปที่หยางเฟยเอ๋อร์ลูกสาวของเขา และพูดขึ้นด้วยจิตใจที่ซับซ้อนว้าวุ่น: “เฟยเอ๋อร์ ดูเหมือนว่า จวบจนวันนี้แล้ว เธอก็ยังไม่ยอมรับว่าฉันเป็นพ่อของเธออีก! ไม่อย่างนั้นแล้ว เมื่อครู่ทำไมเธอถึงยังสนับสนุนเย่อู๋เทียน กล่อมให้ฉันดื่มเหล้าเซียนหลับใหลนี้ด้วยล่ะ? เธอต้องการที่จะให้พ่อของเธอนี้ ตายลงต่อหน้าเธออย่างนั้นใช่ไหม! ”
หยางเฟยเอ๋อร์มองไปยังฉาวซิงด้วยความตกใจ และพูดว่า: “ท่านกำลังพูดอะไรอยู่! ทำไมฉันถึงต้องการให้ท่านตายลงด้วยล่ะ? ต่อให้ในอดีตท่านจะทำผิดต่อแม่ของฉัน แต่ท่านก็ยังเป็นพ่อของฉันอยู่! ”
ฉาวซิงยิ้มอย่างทรมาน: “อย่าเสแสร้งอีกเลย! จิตใจที่เธอคิดจะให้ฉันตายลงไปนั้น ฉันเข้าใจได้อย่างดี! ”
ขณะที่หยางเฟยเอ๋อร์กำลังจะพูดอะไรต่อ ฉาวซิงก็พูดขัดขึ้นว่า: “เธออย่าได้พูดอะไรอีก เธอฟังที่ฉันพูดก่อน!“ จากนั้นก็มองไปที่เย่อู๋เทียน แล้วก็พูดเสริมขึ้นว่า: ”ถึงอย่างไรวันนี้ฉันก็คงจะต้องตายลงเป็นแน่แล้ว ก่อนที่จะตาย คุณเย่สามารถปล่อยให้ฉันพูดอะไรหน่อยได้ไหม? ”
เย่อู๋เทียนมองไปยังฉาวซิงอย่างกับว่ากำลังมองไปที่คนบ้า แล้วก็หันมองไปยังถังเสี่ยวไป๋ที่เพิ่งเดินเข้ามา และพูดว่า: “ท่านอย่าทำเป็นเล่นไป ท่านบอกมาก่อนว่า เขาเป็นใคร? ”
ฉาวซิงพูดว่า: “มันไม่สำคัญแล้ว เพราะต่อให้นายจะเป็นถึงเจ้ายมบาลชิงตี้แห่งประเทศหลง นายก็คงจะไม่ใช่คู่ต่อกรของเขา อีกทั้ง นายเองก็ยังต้องการที่จะให้ฉันตายลงด้วย! นั่นเป็นเพราะ ฉันฉาวซิงกระทำความผิดเอาไว้มาก แม้ว่าฉันจะนำตัวนักโทษอาชญากรทั้งสิบเจ็ดคนไปส่งให้กับหน่วยสืบราชการลับเจียงไห่ และยังจะส่งตัวลูกน้องทั้งห้าคนที่ฉันบ่มเพาะมาด้วยตนเองไปยังคุกแปดแฉก ก็ยังคงยากที่จะชดเชยกับความผิดที่ฉันกระทำมาทั้งชีวิตได้ ยิ่งไปกว่านั้น……ไม่ว่าวันนี้จะตายลงด้วยน้ำมือของนาย หรือว่าจะตายลงด้วยน้ำมือของถังเสี่ยวไป๋ ก็ถือว่าเป็นเกียรติของฉันทั้งหมด! ”
“……”
เย่อู๋เทียนถึงกับพูดอะไรไม่ออก
ฉาวซิงมองไปที่หยางเฟยเอ๋อร์ ด้วยสีหน้าท่าทางที่ซับซ้อน และพูดว่า: “เฟยเอ๋อร์ ฉันรู้ดีว่าเธอเกลียดฉัน แต่ ใต้หล้านี้มีแต่ลูกที่ทำไม่ถูก ไม่มีพ่อแม่ที่ทำไม่ถูก หากเธอต้องการให้ฉันตาย ฉันก็จะทำตามที่เธอต้องการ! แต่ เธอรีบไปเถอะ ไปเดี๋ยวนี้เลย นี่ถือว่าเป็นหน้าที่ที่ผู้เป็นพ่อได้กระทำให้กับเธอเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว”
หยางเฟยเอ๋อร์เองก็มองไปที่ฉาวซิงด้วยสายตาที่ซับซ้อนเช่นกัน
และไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เธอถึงไม่รู้สึกว่าคำพูดของฉาวซิงที่พูดกับเธอนี้เป็นคำพูดที่เรียกร้องความสนใจ แต่กลับรู้สึกว่า พ่อของตัวเองนั้น ทำตัวอย่างกับเด็กน้อย
จากนั้น ฉาวซิงก็มองไปที่หลี่จิงหง และถามว่า: “จิงหง วันนี้เธอจะสามารถมีชีวิตรอดกลับออกไปได้ไหม? ถ้าหากว่าได้ ก็จะยกหุ้นส่วนของฉาวซื่อ กรุ๊ปให้เธอทั้งหมด ฉันก็แค่ต้องการให้พวกเธอตระกูลหลี่ ปกป้องดูแลความปลอดภัยของลูกสาวฉันไปตลอดชีวิต จะได้ไหม? ”
หลี่จิงหงสีหน้าท่าทางที่จริงจังและเหลือบมองไปยังถังเสี่ยวไป๋ที่เดินเข้ามาใกล้ พร้อมพูดกับฉาวซิงว่า: “มีอาจารย์ของฉันอยู่ ฉันคงจะสามารถกลับออกไปได้อย่างปลอดภัย ลุงฉาว ท่านวางใจเถอะ ในเมื่อท่านพูดแบบนี้แล้ว ตระกูลของเราก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นตระกูลที่ไร้สัจจะไร้คุณธรรม หุ้นส่วนของฉาวซื่อ กรุ๊ป ฉันไม่ต้องการ โดยแค่ฉันหลี่จิงหงมีชีวิตอยู่หนึ่งวัน ลูกสาวของท่าน ฉันจะเป็นคนปกป้องเอง! ”
ฉาวซิงได้ยินคำพูดนี้ น้ำตาก็แทบที่จะไหล แล้วพลันตบตีลงไปบนโต๊ะอย่างแรง พร้อมกับมองไปที่หยางเฟยเอ๋อร์ด้วยความโมโหและตะโกนพูดขึ้นว่า: “เห็นแล้วไหมล่ะ? เห็นแล้วหรือยัง? นี่ก็คือเกียรติและความผูกพันธ์ที่พ่อของเธอได้สานสัมพันธ์และบ่มเพาะมานานหลายปี! เธอไอ้ลูกเนรคุณ ยังคิดที่จะให้ฉันตายลงไปอีก! หากตามอารมณ์ของฉันตอนเป็นหนุ่มแล้ว ฉันคงจะทุบตีจนเธอเรียกขานฉันว่าพ่อไปแล้วแน่นอน! ”
ฉาวซิงพูดคำนี้เสียงดังมาก ราวกับว่าพญามังกรโมโหเกรี้ยวกราดขึ้นทันทีทันใด จนถึงกับทำให้หยางเฟยเอ๋อร์ตกใจอย่างที่สุด
และในขณะเดียวกัน ระยะห่างของถังเสี่ยวไป๋จากที่ตรงนี้ ก็เหลือแค่ประมาณสิบเมตรแล้ว
เมื่อมองดูไปที่ด้านหลังของถังเสี่ยวไป๋ แต่ละคน ต่างก็ตื่นตระหนกตกใจจนวิ่งเผ่นหนีออกไปยังห้องโถงจัดเลี้ยงด้านนอกกันหมดแล้ว!
ไม่มีข้อยกเว้น โดยทั้งหมดได้วิ่งหนีเอาชีวิตรอดกันอย่างตื่นตะหนก
เพราะพวกเขาเหล่านี้ โดยส่วนใหญ่ก็พอมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับอิทธิพลทางยุทธภพอยู่บ้าง
พวกเขารับรู้อย่างดีถึงความน่าสะพรึงกลัวของถังเสี่ยวไป๋ผู้นี้ โดยมีสมญานามว่านักฆ่ามือหนึ่งของประเทศหลง ต่อให้ในระดับสากล ก็ยังเป็นที่น่าหวาดกลัวด้วยเช่นกัน
แม้ว่าถังเสี่ยวไป๋จะเกิดในประเทศหลง แต่เพราะว่าฆ่าคนเป็นจำนวนมาก จึงถูกขับไล่ออกจากประเทศไปตั้งนานแล้ว ในตอนนี้ถังเสี่ยวไป๋ เป็นคนที่ไร้สัญชาติ!
ในรายชื่อของอาชญากรแต่ละประเทศทั่วโลกที่กำลังตามล่า ต่างก็มีชื่อของเขาอยู่ด้วยโดยอันดับที่สามนั้นถือว่าเป็นอันดับรายชื่อที่รั้งท้ายที่สุด เคยได้ยินว่าในอดีตวิหารจอมเทพได้เคยส่งคนมาจับตัวเขาเพื่อไปส่งที่เรือนสั่งสอนในดินแดนส่วนลึกของเทือกเขาหิมาลัย แต่ก็ต้องพบกับความล้มเหลว!
นั่นแสดงว่าพลังความสามารถของถังเสี่ยวไป๋นั้น น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก!
ในที่สุด ถังเสี่ยวไป๋ก็มาถึงด้านหน้าของโต๊ะที่เย่อู๋เทียนนั่งอยู่ ในสายตาของเขามีฉาวซิงเพียงคนเดียว ยิ้มและพูดขึ้นว่า: “เหล้าแก้วที่อยู่ด้านหน้าของนายนี้ ทำไมนายยังไม่ดื่มอีกล่ะ? ”
ฉาวซิงจ้องเขม็งไปที่ถังเสี่ยวไป๋ และย้อนถามว่า: “ใครสั่งให้นายมา? ”
ถังเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดขึ้นว่า: “เรื่องนี้ นายควรที่จะรู้ดีกว่าฉัน นายส่งเขาเข้าไปอยู่ในคุก เขาจึงต้องยอมจ่ายเงินก้อนใหญ่เพื่อเอาชีวิตของนาย! เดิมที นายไม่คู่ควรที่จะตายลงใต้คมกระบี่ของฉัน แต่ งานที่ฉันจะรับทำต่อไปนั้น อยู่ที่เมืองเจียงหนานพอดีเลย ดังนั้น ฉันจึงถือโอกาสมาที่ตระกูลของนายเพื่อทำงานเสริม ที่จริงแล้วคนที่ฉันจะฆ่านั้น มะรืนนี้ถึงจะปรากฏตัวขึ้น ซึ่งการที่ให้กระบี่ในมือของฉันนี้ลิ้มรสเลือดก่อน ที่ตระกูลฉาว ก็ไม่ถึงกับน่าเกลียดเกินไปนัก”
ฉาวซิงถามขึ้นว่า: “คนที่นายจะลงมือฆ่าจริง ๆ นั้น คือใคร?”
ถังเสี่ยวไป๋พูดว่า: “ถังจิ่วเชียน น้องชายของฉัน แต่ว่า ฉันรังเกียจเขามาก เพราะเขาเต็มใจยอมที่จะเป็นคู่ฝึกสอนให้กับถังเลี่ยน สองสามวันก็ให้คนมาซ้อมต่อยที เขาเองก็ยังดีใจด้วย มันช่างทุเรศยิ่งนัก! ”
พูดถึงตรงนี้ ถังเสี่ยวไป๋ก็ยักไหล่ และพูดว่า: “ฉันจะพูดเรื่องเหล่านี้กับนายทำไมกัน นายก็ฟังไม่เข้าใจอยู่ดี ซึ่งนายเองก็ไม่รู้จักว่าถังเลี่ยนเป็นใคร”
ฉาวซิงพูดว่า: “ฉันรู้ว่าเขาคือใคร”
ถังเสี่ยวไป๋ยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย ยิ้มและพูดว่า: “เรื่องนี้กลับทำให้ฉันแปลกใจอยู่บ้าง แต่ว่า มันเหมือนจะไม่สำคัญ เพราะถังเลี่ยนอีกไม่ช้าก็จะต้องตายลงภายใต้คมกระบี่ของฉันเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้เขา มักจะให้น้องชายของฉันมาเป็นกระสอบทรายไว้ชกต่อย ซึ่งมันมากเกินไปแล้ว! ”
ฉาวซิงรวบรวมความกล้าหาญทั้งหมด และถามขึ้นว่า: “วันนี้ ฆ่าฉันเพียงคนเดียวจะได้ไหม? ”
ถังเสี่ยวไป๋ส่ายศีรษะ และพูดว่า: “ไม่ได้”
ขณะที่พูด เขาก็พลันมองไปที่เย่อู๋เทียน ขมวดคิ้วขึ้นและพูดว่า: “ทำไมนายยังจะกินอาหารอยู่อีก? ไม่เห็นว่าฉันอยู่ตรงนี้หรืออย่างไร? เมื่อครู่ฉันได้ยินคนด้านนอกพูดกันว่า นายคือเจ้ายมบาลชิงตี้อะไรนั่น? เก่งกาจสามารถมากนักหรืออย่างไร? ”
เย่อู๋เทียนยิ้มและมองไปที่ถังเสี่ยวไป๋ พร้อมกับพูดขึ้นว่า: “ฉันคิดไม่ถึงว่า ถังจิ่วเชียนยังจะมีญาติอย่างนายอยู่บนโลกนี้ด้วย”
เมื่อพูดจบ ผิงเสี่ยวหลิงที่อยู่ด้านข้างเขาก็พูดแทรกขึ้นมาว่า: “ท่านเจ้าหอ ท่านกลับไปก่อนเถอะ ฉันน่าจะสามารถรับมือกับถังเสี่ยวไป๋ได้บ้าง! ”
เย่อู๋เทียนไม่ได้เคลื่อนไหว
หลี่จิงหงกลับลุกขึ้นยืนด้วยความประหม่า ขณะเดียวกันก็ลากข้อมือของหยางเฟยเอ๋อร์ และพูดว่า: “รีบไปกันเถอะ ในเมื่อฉันตกปากรับคำกับพ่อของเธอแล้ว ฉันก็จะปกป้องความปลอดภัยของเธอแน่นอน”
หยางเฟยเอ๋อกลับเหลือบตาขาวใส่ และสะบัดมือของหลี่จิงหงออก และพูดว่า: “พวกเด็กอ่อนหัดทั้งนั้น มีพี่เทียนของฉันอยู่ทั้งคน พวกเธอจะกลัวอะไรไปล่ะ! ” จากนั้นก็หันมองไปที่ฉาวซิง และพูดว่า: “ท่านด้วย ท่านรู้ไหมว่าเมื่อครู่นี้ทำให้ฉันตกใจขนาดไหน ที่ฉันให้ท่านดื่มเหล้าเซียนหลับใหลแก้วนั้น ก็เป็นเพราะฉันเชื่อมั่นในตัวของพี่เทียน เขาได้พูดกับฉันไว้แล้วว่า เขาสามารถช่วยท่านได้ หรือว่าท่านยังคงสงสัยความสามารถในตัวของพี่เทียนอยู่อีก? ”
สีหน้าท่าทางของฉาวซิงย่ำแย่ลงอย่างที่สุดแล้ว พร้อมกับมองไปที่หยางเฟยเอ๋อร์ด้วยความโกรธแค้น และกัดฟันพูดว่า: “เธอนี่ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียจริงเลย! ”
หยางเฟยเอ๋อร์พูดว่า: “ฉันไม่อยากรู้ว่าท้องฟ้ามีความสูงเท่าไร และฉันก็ไม่อยากรู้ว่าพื้นดินมีความหนาเท่าไร แต่ฉันแค่อยากจะรู้ว่าพี่เทียนของฉันเก่งกาจมากแค่ไหน! ฉันเคยตายมาครั้งหนึ่งแล้ว ต่อให้พี่เทียนของฉันสู้ถังเสี่ยวไป๋ไม่ได้ แล้วยังไงล่ะ ฉันไม่กลัว! สามารถที่จะตายลงไปพร้อมกับพี่เทียน ฉันมีความสุขที่สุด! ”
ฉาวซิงโมโหอย่างหนัก
บ้าไปแล้ว!
นี่มันบ้าไปแล้วจริง ๆ!
ในขณะนั้นเอง ถังเสี่ยวไป๋พลันมองไปที่เย่อู๋เทียน และถามขึ้นว่า: “นายคือ……เย่อู๋เทียน? ”
เย่อู๋เทียนตกใจเล็กน้อย และย้อนถามกลับว่า: “นายรู้จักฉันเหรอ? ”
ถังเสี่ยวไป๋พูดว่า: “หานเฟิงอี้จากตระกูลหานแห่งตี้ตู เมื่อวานได้ติดต่อมาหาฉัน บอกให้ฉันฆ่าคนผู้หนึ่ง คนผู้นี้ชื่อว่าเย่อู๋เทียน แต่ฉันไม่ได้รับงานนี้ เพราะว่าฉันไม่ชอบหานเฟิงอี้ หล่อนมักจะเห็นว่าน้องชายของฉันไม่ใช่คน แน่นอนล่ะว่า มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกัน ซึ่งหลังจากที่ฉันฆ่าถังจิ่วเชียนแล้ว ฉันก็จะลงมือฆ่าหล่อนกับถังเลี่ยนไปพร้อมกันเลย”
พูดถึงตรงนี้ ถังเสี่ยวไป๋ก็ยิ้มและมองไปที่เย่อู๋เทียน แล้วพูดขึ้นว่า: “หากว่านายคือคนที่หานเฟิงอี้พูดถึงจริง ๆ ล่ะก็ ฉันเองก็นับถือชื่นชมนายเหมือนกัน ได้ยินว่าเมื่อวานนายได้จัดการสั่งสอนหานเฟิงอี้ไปไม่น้อย แค่นี้ก็ถือว่าน่าสนใจแล้ว คิดไม่ถึงว่าบนโลกนี้ นอกจากฉันถังเสี่ยวไป๋แล้ว ยังจะมีคนที่กล้าขัดแย้งกับหานเฟิงอี้และถังเลี่ยนลูกชายของหล่อนอีก ไม่เลวทีเดียว”
เย่อู๋เทียนมองไปยังถังเสี่ยวไป๋ด้วยความสนใจ แล้วชี้ไปยังที่นั่งว่างด้านหน้าของเขา และพูดว่า: “อย่างนั้นก็นั่งลงมาดื่มเหล้าด้วยกันหน่อยสิ พูดคุยกัน อย่าได้ฆ่าฟันใครอะไรอีกเลย มันไม่ดี”
ถังเสี่ยวไป๋ยิ้มและพูดว่า: “ไม่รีบร้อน ฆ่าคนเสร็จก่อนแล้วค่อยมาพูดคุยและดื่มเหล้ากัน หมดหนทาง เพราคนอย่างฉันนี้ ชื่นชอบที่จะฆ่าฟัน ไม่อย่างนั้นมีชีวิตอยู่ไปก็ไร้ความหมาย”
เย่อู๋เทียนพูดว่า: “อย่างนั้นก็ไปฆ่าคนในต่างประเทศ หรือไม่ก็ไปไล่ฆ่าพวกคนชั่วในประเทศก็พอแล้ว แม้ว่าฉาวซิงจะถือว่าเป็นคนชั่วก็ตาม แต่เขาก็มีความดีความชอบที่เหนือกว่าความชั่วของเขา ฉันเคยไว้ชีวิตเขาแล้ว อีกทั้ง ลูกสาวของเขาก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉัน ฉันจึงต้องให้เกียรติกับเขาสักหน่อย”
ถังเสี่ยวไป๋ครุ่นคิด และพูดว่า: “ฉันยังไม่ได้เห็นว่านายเป็นเพื่อนสักหน่อย นายก็ไม่เห็นฉันเป็นคนนอกแล้ว แบบนี้ไม่ดีนัก ฉันไม่ชอบ แต่ในฐานะที่เห็นว่านายเป็นคนฉลาดมีความสามารถ ฉันจะให้เกียรตินาย โดยฉันจะลงมือฆ่านายก่อน แล้วค่อยฆ่าฉาวซิง”