จอมนักรบอหังการ - บทที่ 169 สัญญาณขับไล่?
จอมนักรบอหังการ บทที่ 169 สัญญาณขับไล่?
คนที่รู้จักเย่อู๋เทียนต่างรู้กันดีว่า
ขอเพียงแค่ใบหน้าของเขาเผยให้เห็นรอยยิ้มแบบนั้น งั้นก็หมายความว่า เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว!
เขามองออกไปนอกประตูของงานประมูล
เหล่าผู้กล้าที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ต่างก็ตื่นเต้นกับสิ่งที่ชายชราผมหงอกพูดเมื่อกี้
คิดถึงว่า ชายชราผมหงอก จะหน้าใหญ่ใจโตขนาดนี้!
ตราบใดที่พวกเขามีส่วนร่วมในการปิดล้อมและจัดการคนผู้นั้น แต่ละคนจะได้รับยาชำระล้างสามเม็ด?
ผู้ที่ฆ่าสำเร็จ จะได้รับยาชำระล้างหนึ่งร้อยเม็ด?
ทุกคนต่างพากันสูดหายใจเข้า
ในเวลานี้เอง จู่ๆชายชราผมหงอกก็หยิบเม็ดยาชำระล้างออกมาจากหน้าอก แล้วยื่นส่งให้กับถังเลี่ยน อย่างยิ้มๆ
“หลังจากที่ กินยาชำระล้างเม็ดนี้ไปแล้ว จะเพิ่มพลังขึ้นเป็นสามเท่า!”
ถังเลี่ยนตกตะลึง
ชายชราผมหงอกหยิบยาเม็ดสีแดงออกมาจากอก แล้วพูดเสริมอีกว่า
“อีกอย่าง หลังจากที่ใช้ ยาโลหิตมังกรเม็ดนี้แล้ว จะสามารถเสริมเลือดลมให้นายได้”
ถังเลี่ยนเบิกตากว้าง
คนอื่นที่เห็นฉากนี้ ต่างพากันตกใจ
ยาโลหิตมังกรที่ชายชราผมหงอส่งให้ถังเลี่ยน มันล้ำค่ามากเหลือเกิน!
ชายชราผมหงอกมองเห็นท่าทีตกใจของถังเลี่ยน หัวเราะหึๆแล้วพูดขึ้นมาอีกว่า
“ฉันหัวเฉียนคุน เก่งในเรื่องดูคนออก นายเป็นลูกหลานของบรรพาจารย์อาวุโสตระกูลถังที่ผู้เหล่าผู้อาวุโสหลังภูเขาเอ๋อเหมยของฉันชอบใจเป็นอย่างมาก ฉันสละของล้ำค่าในตัวให้นาย นายจะต้องจำความดีของฉันไว้ด้วยนะ!”
ถังเลี่ยนรับยาโลหิตมังกรมาอย่างตื้นตัน แล้วทำความเคารพ
“กระผมขอขอบพระคุณผู้อาวุโสครับ!”
ชายชราผมหงอกยิ้มละไม แล้วตบบ่าของถังเลี่ยน
“นายเกรงใจเกินไปแล้ว ความจริงนายน่าจะเรียนรู้จากชายถือแก่นเหรียญม่วงคนนั้นสักหน่อย กร่างๆหน่อย นั่นเป็นคุณสมบัติที่บุรุษควรมี!”
ถังเลี่ยนหรี่ตาลง หันกลับไปมองยังประตูงานประมูล
“คนเราเกิดเป็นคนอย่าทำอะไรที่มันเกินไป จะต้องถ่อมเนื้อถ่อมตัวหน่อย”
ชายชราผมหงอกที่ชื่อหัวเฉียนคุนหัวเราะ แล้วพยักหน้าเห็นชอบ
“ดีมากเกิดเป็นคนจะต้องถ่อมตัว จุดนี้ ฉันชอบมาก รีบเข้าไปเถอะ งายประมูลวันนี้ จะเริ่มแล้ว”
ถังเลี่ยนไม่เกรงใจอีก เขาสาวเท้าก้าวเข้าไปในงานประมูล
แต่ในขณะที่เดินเพียงไม่กี่ก้าว จู่ๆถังเลี่ยนก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เขาหันกลับไปสั่งถังจิ่วเชียน ละมองดูหานเฟิ่งอี๋ที่ตกใจกับการข่มขู่ของเย่อู๋เทียน
“ช่วยแม่ฉันให้ฟื้นที”
ถังจิ่วเชียนตอบอย่างนับถือ
“ครับ”
และขณะที่ถังเหลียนเดินเข้าไปในสถานที่หลักของงานประมูล จู่ๆ หัวเฉียนคุนก็กวาดตามองชายชุดดำแข็งแกร่งกว่ายี่สิบคน และสั่งอย่างแผ่วเบา
“วันนี้ ไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยอะไร จะต้องแย่งแก่นเหรียญม่วงในมือของไอ้หมอนั่นมาให้ได้ อีกเดี๋ยว ให้เตรียมพร้อมลงมือนะ!”
เมื่อประโยคนี้ถูกสั่งออกไป ไม่เพียงแต่ชายชุดดำยี่สิบกว่าคนที่อยู่รอบๆ ถึงจะเป็นผู้กล้านับร้อยที่อยู่บริเวณโดยรอบ ล้วนต่างเหมือนกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรู
ชายหนุ่มที่ทำให้หลังภูเขาเอ๋อเหมยยอมแลกมาทุกอย่าง ความสามารถน่ากลัวจริงๆ แค่คิดก็รู้แล้ว
เฉินเมิ่งเฉียนที่สวมหน้าอนามัยท่ามกลางผู้คน ก็อดที่จะพูดพึมพำไม่ได้เช่นกัน
“วันนี้ ดูท่าจะเกิดศึกนองเลือดแล้วสินะ!”
อิ่นโม่โฉวยังถามจูเก๋ออิ่นหลงที่ถูกถังจิ่วเชียนทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บว่า
“ศิษย์พี่ พวกเรา……ไม่เข้าไปหรอ?”
จูเก๋ออิ่นหลงเงียบพักใหญ่ แล้วพูดขึ้นมาว่า “ต้องเข้าไปอยู่แล้ว”
หลังจากผ่านไปสิบนาที เมื่อผู้คนต่างพากันเข้าไป ประตูงานประมูล ก็ปิดลงดังปั้ง!
ภายในงานประมูล ที่นั่งสำหรับแขกจะแบ่งออกเป็นสาม หก และเก้าอันดับ
พื้นที่ภายในงานถึงแม้จะมากกว่าโถงต้อนรับด้านนอกหลายเท่า แต่ก็ยังไม่ถึงกับว่างเปล่า
สมบัติหายากนับไม่ถ้วน ถูกนำมาจัดแสดงวางอยู่ที่นี่
ภายในงานทั้งสองด้าน มีรูปปั้นเทพเจ้าในชุดเกราะทองคำสิบสององค์ยืนอยู่
จุดจัดแสดงที่อยู่ตรงท้ายสุดเหมือนพีระมิดขนาดย่อมวางอยู่ที่นั่น
สรุปแล้ว ที่นี่ไม่เหมือนสถานที่ประมูล แต่เหมือนวัดมากกว่า
ผู้เข้าร่วมหลายร้อยคนปรากฏตัวขึ้นกลางห้องโถง เหมือนกลุ่มมนุษย์ที่มาแสวงบุญ!!
เย่อู๋เทียนกับหยางเฟยเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่กลางห้องโถงที่ถูกจัดไว้ ได้เป็นจุดสนใจของทั้งงานแล้ว
เพราะเย่อู๋เทียนพึ่งจะแสดงแสนยานุภาพของตัวเองต่อหน้าผู้คน ซึ่งมันทำให้น่าตกตะลึงมาก
ทุกคนกำลังพากันคาดเดา ชายหนุ่มที่หน้าตาธรรมดาๆคนหนึ่ง ต่อไปจะแสดงอะไรออกมาให้ดูอีก
สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือ……
เหล่าผู้มีอิทธิพลของหลังภูเขาเอ๋อเหมย ตกลงจะใช้วิธีไหน ในการจัดการชายหนุ่มผู้นี้!
แก่นเหรียญม่วงที่อยู่ในมือเขา จะตกเป็นของใคร?
ทันใดนั้น ภายในงานก็มีเสียงอื้ออึงทันที
“จนป่านนี้ ยังไม่รู้เลยว่าไอ้หมอนี่เป็นยอดฝีมือจากไหน ตกลงเขาไปได้เหรียญมาจากที่ไหน?”
“แก่นเหรียญม่วงได้หายสาบสูญไปนับร้อยปีแล้ว เหรียญที่อยู่ในมือเขา คบไม่ใช่ของปลอมหรอกใช่ไหม?”
“หัวเฉียนคุนบอกแล้วหนิว่าเป็นของจริง จะปลอมได้ยังไง?”
“ดูสถานการณ์เถอะ……”
ตอนนี้ ถังเลี่ยนได้เดินไปใกล้กับจุดแสดงแล้ว
และหลังจากที่ถังเลี่ยนนั่งลง ก็มีคนวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาอีกว่า
“เมื่อกี้ถังเลี่ยนได้รับบาดเจ็บขนาดนั้น ตอนนี้ทำไมเหมือนไม่เป็นอะไรเลยล่ะ?”
“เขาเป็นอัจฉริยะที่หลังภูเขาเอ๋อเหมยให้ความสำคัญที่สุด จะได้รับบาดเจ็บง่ายๆได้ยังไง?”
“อีกอย่าง นิสัยของหลังภูเขาเอ๋อเหมยพวกคุณน่าจะรู้กันนะ ว่าเชี่ยวชาญในด้านซ่อนความสามารถมากแค่ไหน!ถังเลี่ยนผู้นี้จะเป็นลูกศิษย์ของหลังภูเขาเอ๋อเหมย แน่นอนว่าจะต้องซ่อนความสามารถไว้อยู่แล้ว!”
“ก็จริง คนอย่างเราๆน่ะ หลายปีมานี้ต่างกำลังลอกเลียนวิชาของหลังภูเขาเอ๋อเหมย เพราะคนที่ไม่จริงจังมีเยอะแยะถมไป ผู้ที่หัวเราะเป็นคนสุดท้ายสิเป็นผู้ชนะ ใครมันจะกล้าเอาวิชาของครอบครัวตัวเองออกมาโชว์ล่ะ?”
คนที่อยู่ในงานต่างพากันวิจารณ์ไม่หยุด พูดกันทุกเรื่อง
แต่ในขณะที่ผู้หญิงสวมชุดกี่เพ้าสีดำรูปร่างดี ปรากฏตัวที่จุดจัดแสดง การสนทนามากมายก็หายไปทันที
เห็นหญิงสาวยืนอยู่ด้านหลังโต๊ะหยกสี่เหลี่ยม ที่อยู่บนจุดจัดแสดง
มองผู้คนที่อยู่ด้านล่าง ด้วยใบหน้ายิ้มเบาๆ!
ให้ความรู้สึกเหมือน นางฟ้าตกสวรรค์ก็ไม่ปาน สวยสง่ามีราศี!
ภายในระยะเวลาอันสั้น สายตาของทุกคน ก็ไปรวมอยู่ที่ใบหน้าของหญิงสาวผู้นี้
แน่นอนว่าเย่อู๋เทียนก็หันไปมองเช่นกัน แต่เมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวชัดๆ เขาก็อดตกตะลึงไม่ได้
หญิงสาวคนนี้ หน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับคนคนหนึ่ง
โล่หวาง!
แต่สิ่งที่เย่อู๋เทียนมั่นใจก็คือ หญิงสาวผู้นี้ ไม่ใช่โล่หวางแน่ๆ
เพียงแต่หน้าตาคล้ายคลึงกับโล่หวางเท่านั้น
ในเวลานี้เอง หญิงสาวที่ยืนอยู่บนจุดจัดแสดงก็ค่อยๆเปิดปากพูด
“เมื่อสักครู่ผู้อาวุโสหัวแห่งหลังภูเขาเอ๋อเหมยกล่าวว่า มียอดฝีมือท่านหนึ่งได้นำแก่นเหรียญม่วงมาด้วย ไม่ทราบว่า คือท่านไหนคะ?”
เย่อู๋เทียนไม่หด้พูดอะไร
แต่ หยางเฟยเอ๋อร์ก็ได้ลุกขึ้น แล้วพูดว่า “หยางเฟยเอ๋อร์ ตระกูลฉาวแห่งเจียงหนาน”
ในตอนที่พึ่งเดินเข้ามา เย่อู๋เทียนได้มอบแก่นเหรียญม่วงให้หนางเฟยเอ๋อร์ เนื่องจากหยางเฟยเอ๋อร์มีนิสัยเปิดเผย ให้เธอเป็นคนนำแก่นเหรียญม่วงออกมาประมูลของที่นี่ น่าจะเหมาะสมกว่า
หลังจากที่หยางเฟยเอ๋อร์ประกาศชื่อแซ่ตระกูลของตัวเองออกไปแล้ว หญิงสาวที่ยืนอยู่บนจุดจัดแสดงก็ยิ้มเบาๆ แล้วพูดสิ่งที่ทุกคนนึกไม่ถึง
เธอพูดขึ้นมาอย่างเรียบเฉยว่า
“เชิญออกไปด้วยค่ะ!”