จอมนักรบอหังการ - บทที่ 184 ฉันกลัวว่านายอยากได้ แต่ไม่กล้ามาเอาจริงๆ น่ะสิ
จอมนักรบอหังการ บทที่ 184 ฉันกลัวว่านายอยากได้ แต่ไม่กล้ามาเอาจริงๆ น่ะสิ
เฉินโป๋เหล่า อายุเป็นร้อยปีแล้ว!
แต่ดูจากภายนอก กลับดูเหมือนอายุแค่ 40 ต้นๆ
ไม่ต้องพูดถึงว่าพละกำลังของเขาเป็นอย่างไร แค่อายุกับลักษณะภายนอกของเขาที่ขัดแย้งกัน ก็เพียงพอทำให้ทุกคนในที่นี้ มองเขาเป็นเทพเซียนอาวุโสคนหนึ่งบนโลกนี้แล้ว!
ผู้สูงส่งขนาดนี้ กลับปรากฏตัวในงานประมูลชุนชิวที่เจียงหนาน!
ทำให้คนตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี
สิ่งที่ทำให้คนเหลือเชื่อกว่านั้น เมื่อกี้เขาพูดว่าอะไรนะ
เขาไม่ได้เจอกับเย่อู๋เทียนมาหลายปีงั้นเหรอ
งั้นหมายความว่า เขาเคยเจอเย่อู๋เทียนนานแล้วงั้นเหรอ
ตอนนี้คนส่วนใหญ่ในที่นี้ พากันย้ายสายตาไปมองเย่อู๋เทียน
เย่อู๋เทียนดูอายุยังไม่ถึง 30 ปีเลย!
อีกทั้งตั้งแต่เฉินโป๋เหล่าปรากฏตัวหนึ่งครั้ง เมื่อ 20 ปีที่แล้ว เขาไม่ได้ลงจากเขาเกือบ 20 ปีแล้ว!
แล้วสองคนนี้เจอกันได้ยังไง
รู้จักกันได้ยังไง
อย่าบอกนะว่าตอนที่สองคนนี้เจอกัน เย่อู๋เทียนอายุเพียง 10 ปีงั้นเหรอ
นั่นหมายความว่า ตอนเย่อู๋เทียนอายุประมาณ 10 ปี เขาเคยไปที่หลังภูเขาเอ๋อเหมยเหรอ
จู่ๆ การคาดเดาและความสงสัยต่างๆ นานา วนเวียนอยู่ในใจของทุกคนในที่นี้!
ขณะเดียวกัน สายตาของเย่อู๋เทียนก็มองมายังเฉินโป๋เหล่าเช่นกัน
เย่อู๋เทียนกับเฉินโป๋เหล่า เคยเจอกันจริงๆ
แต่ไม่ได้เหมือนกับการคาดเดาของทุกคน ที่คิดว่าเป็นตอนที่เย่อู๋เทียนอายุประมาณ 10 ปี
พูดให้ถูกคือตอนที่เย่อู๋เทียนอายุ 16 ปี
นั่นก็คือเมื่อ 12 ปีก่อน
ตอนนั้นเป็นตอนที่เย่อู๋เทียนปิดเทอมฤดูร้อนพอดี
ตามกฎที่เย่อู๋เทียนตั้งไว้ให้ตัวเองก่อนอายุ 18 ปี
ทุกปิดเทอมฤดูร้อน เขาจะท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศ เพื่อท้าประลองยอดฝีมือด้านต่างๆ ในใต้หล้า!
การต่อสู้สำคัญเมื่อ 12 ปีก่อน เป็นการต่อสู้ในป่าไผ่ที่เขาเอ๋อเหมยพอดี
คู่ต่อสู้ เป็นผู้หญิงที่อายุมากกว่าเขาไม่กี่ปี
ผู้หญิงคนนั้นชื่อว่าถังชิงเกอ
แน่นอนว่าจนถึงตอนนี้ เย่อู๋เทียนก็ยังไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นคือถังชิงเกอ
รู้เพียงว่าอาจารย์ของผู้หญิงคนนั้น คือผู้อาวุโสในชุดเสื้อคอจีนสีดำที่ยืนอยู่ข้างหน้า เฉินโป๋เหล่า!
การต่อสู้ในตอนนั้น แน่นอนว่าเย่อู๋เทียนเป็นฝ่ายชนะ
หลังจากชนะ เนื่องจากเฉินโป๋เหล่ายืนสังเกตอยู่ไม่ไกล
เย่อู๋เทียนจึงต้องท้าประลองเฉินโป๋เหล่าด้วยเช่นกัน
แต่คำตอบที่ได้มีเพียงประโยคเดียว
“นายไม่มีสิทธิ์นั้น”
นี่คือคำพูดที่เฉินโป๋เหล่าพูดกับเย่อู๋เทียนตอนนั้น อีกทั้งหลังจากพูดจบ ก็หันหลังเดินออกไปเลย
คิดไม่ถึงว่าเวลาผ่านไป 12 ปี ทั้งสองจะได้เจอกันอีกครั้ง
อีกทั้งดูจากการแสดงออกของเฉินโป๋เหล่าในตอนนี้……
เหมือนเขายังไม่เห็นเย่อู๋เทียนอยู่ในสายตา
ตอนนี้เฉินโป๋เหล่าเดินอย่างสบายๆ มาทางเย่อู๋เทียน ทุกที่ที่เดินผ่าน ผู้แข็งแกร่งด้านต่างๆ ต่างพากันคารวะทำความเคารพ
แต่เฉินโป๋เหล่ากลับไม่มองข้างๆ เลยแม้แต่น้อย
ราวกับไม่เห็นผู้แข็งแกร่งในที่นี้อยู่ในสายตา
แม้แต่พวกเจี่ยนโล่จู๋ที่หมอบกราบเขาอยู่ เขาก็ไม่เห็นอยู่ในสายตาเช่นกัน
ภายใต้สถานการณ์แบบนี้
พวกผู้แข็งแกร่งหลังภูเขาเอ๋อเหมย ที่นำโดยเจี่ยนโล่จู๋ ตกอยู่ในความกระอักกระอ่วน
จะให้หมอบกราบต่อไปงั้นเหรอ
หรือลุกขึ้นยืน
เฉินโป๋เหล่าไม่ได้พูดอะไร พวกเจี่ยนโล่จู๋ไม่กล้าทำอะไรต่อเลย
เย่อู๋เทียนสังเกตเห็น สายตาที่มองเฉินโป๋เหล่า แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมอย่างอดไม่ได้
เฉินโป๋เหล่าเดินมาทางเย่อู๋เทียน พลางพูดออกมา
“โชคดีที่วันนี้ฉันมีความคิดชั่ววูบ อยากมาดูว่างานประมูลชุนชิวจัดเป็นยังไงบ้าง ไม่งั้นคงไม่รู้ว่าทุกคนในที่นี้ โดนเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่างนายหลอกจนมีสภาพยังไง!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เฉินโป๋เหล่าพูดเสริมอีกประโยค
“กล้าเอาแก่นเหรียญม่วงปลอม มาหลอกวีรบุรุษในใต้หล้า นายกล้ามากจริงๆ!”
เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา ตอนแรกทุกคนยังตั้งสติไม่ได้ แต่เมื่อผ่านไปประมาณ 3-4 วินาที……
ทุกคนพากันตกตะลึง!
เมื่อสิ้นเสียงเฉินโป๋เหล่า จู่ๆ เกราะสีทองของรูปปั้นหินขนาดใหญ่ในงานทั้ง 12 ตัวแตกออก!
พละกำลังน่ากลัวมาก!
เฉินโป๋เหล่าอายุเป็นร้อยปีแล้ว คิดไม่ถึงว่ายังสามารถใช้เสียงคุมปราณได้ อีกทั้งยังทำให้คนหายใจแทบไม่ออกอีกด้วย
ผู้แข็งแกร่งที่สุดของหลังภูเขาเอ๋อเหมย!
น่าหวาดกลัว……
อย่างที่คิดไว้!
ทันใดนั้น ทุกคนในงานจิตใจสับสนจนถึงขีดสุดอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
ดูเหมือนตอนนี้……
ถึงเย่อู๋เทียนเหยียบขาถังว่านฉาวจนพิการทั้งสองข้างแล้วยังไง
ท้ายที่สุดก็แค่ช่วงเวลาที่มีความสุขที่อยู่เพียงชั่วคราวไม่ยั่งยืน!
ส่วนแก่นเหรียญม่วงของจริงที่อยู่กับเขา ท้ายที่สุดก็ต้องตกอยู่ในมือของคนหลังภูเขาเอ๋อเหมยอยู่ดี!
ประโยคสุดท้ายของเฉินโป๋เหล่า ยืนยันสิ่งนี้ได้พอดี
“เอาแก่นเหรียญม่วงของจริงออกมา ฉันสามารถรับนายไว้เป็นศิษย์ในนาม!”
เมื่อพูดประโยคนี้ออกมา
ตู้ม!
เกิดความฮือฮาทั้งงาน!
ทุกคนคิดไม่ถึงว่าเฉินโป๋เหล่า จะรับเย่อู๋เทียนเป็นศิษย์!
เย่อู๋เทียนเจอโชคครั้งใหญ่แล้วจริงๆ!
ตอนนี้ในความคิดของทุกคน เรื่องวันนี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว!
ในเมื่อเฉินโป๋เหล่าอยากได้แก่นเหรียญม่วง……
ไม่มีใครขวางได้!
ถึงตอนนี้เย่อู๋เทียนอยากเล่นตบตาอะไรอีกก็เถอะ!
อย่างเช่น เอาแก่นเหรียญม่วงออกมาต่อหน้าเฉินโป๋เหล่า ใช้ราคาของการทำลายล้างข่มขู่เฉินโป๋เหล่า……
ก็คงไม่มีความสามารถและความกล้านั้นแล้ว
เพราะตอนนี้เฉินโป๋เหล่า อยู่ห่างจากเย่อู๋เทียนแค่สิบก้าวเท่านั้น!
ฆ่าคนในระยะสิบก้าว ไม่นับประสาอะไร
แต่ฆ่าผู้แข็งแกร่งแดนสามชั้นยอด ในระยะสิบก้าว!
คนในที่นี้จำนวนไม่น้อยเคยเห็นมาเมื่อ 20 ปีก่อนแล้ว
ในตอนนั้นเฉินโป๋เหล่าอายุ 80 ปี ฆ่าคนด้วยกระบี่เดียว กวาดล้างอำนาจด้านต่างๆ ของโลกบู๊!
ไร้เทียมทาน ไม่มีใครต้านทานได้!
แม้อำนาจด้านต่างๆ ของโลกบู๊เคยร่วมมือกันสู้กับเฉินโป๋เหล่าคนเดียว……
ท้ายที่สุดก็ยังไร้เทียมทาน!
การต่อสู้ครั้งนั้น เฉินโป๋เหล่าได้สถาปนาเป็นเทวดาทันที!
เอาชนะผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานในใต้หล้าทั้งหมด!
และเป็นเพราะการต่อสู้ครั้งนั้น อำนาจด้านต่างๆ ของโลกบู๊ โดนเฉินโป๋เหล่ากวาดล้างพละกำลังและรากฐานส่วนใหญ่ไปจนหมด!
หลังการต่อสู้ครั้งนั้น อำนาจด้านต่างๆ ของโลกบู๊ ล้วนให้ความเคารพหลังภูเขาเอ๋อเหมย!
แต่คนที่กำราบพวกเขาได้ คือหลังภูเขาเอ๋อเหมยเหรอ
แค่……
เฉินโป๋เหล่าคนเดียวเท่านั้น!
แม้ผ่านไป 20 ปีแล้ว นักบู๊บางส่วนที่เคยมีส่วนร่วมการต่อสู้ใหญ่ครั้งนั้น เห็นเฉินโป๋เหล่าในตอนนี้ ยังอดตื่นเต้นในใจไม่ได้
คนที่หนักกว่านั้นคือมีอารมณ์โรคจิตออกมาทางแววตา
เป็นความเลื่อมใสศรัทธาในผู้แข็งแกร่งอันดับต้นๆ มากจนผิดปกติ!
ถึงแม้……
พวกเขาเคยโดนผู้แข็งแกร่งอันดับต้นๆ คนนี้รังแก ทำให้อับอาย และเหยียบย่ำก็เถอะ……
แต่ผู้แข็งแกร่งอันดับต้นๆ กลับโดนพวกเขาเคารพเลื่อมใสอย่างบ้าคลั่ง!
เพราะนี่ไม่ใช่แค่การเลื่อมใสคนที่เก่งกว่าตัวเองธรรมดาๆ มันไม่เกี่ยวข้องกับหลักการปลาใหญ่กินปลาเล็กในโลกบู๊ด้วย!
สาเหตุที่แท้จริงภายในนั้น……
มนุษย์มีมาอย่างยาวนาน มีคนแบบเฉินโป๋เหล่าออกมาสักคน
ช่างโชคดีขนาดไหนกันนะ
ตอนนี้ระยะห่างระหว่างเฉินโป๋เหล่ากับเย่อู๋เทียน เหลือเพียงสามก้าวเท่านั้น
เย่อู๋เทียนยังคงไม่สะทกสะท้าน
ภาพนี้อยู่ในสายตาของทุกคน ไม่มีใครที่อารมณ์ไม่พลุ่งพล่านถึงขั้นสุด
ผู้แข็งแกร่งอันดับต้นๆ ยังไงก็คือผู้แข็งแกร่งอันดับต้นๆ
แค่ยืนตรงนั้น ก็สามารถทำให้เย่อู๋เทียนไม่กล้าอวดดีสักนิด
แต่ต่อมา คำพูดของเย่อู๋เทียนทำให้คนตกตะลึง
“นายอยากได้แก่นเหรียญม่วงเหรอ”
“ฉันดูลมหายใจของนาย นายศึกษาวิชาการต่อสู้บนแก่นเหรียญม่วงแล้วไม่ใช่เหรอ จะเอาไปอีกเหรียญทำไม”
“อีกทั้งยังไร้มารยาทแบบนี้ด้วย!”
เฉินโป๋เหล่าหัวเราะร่า
“น่าสนใจ น่าสนใจมาก!”
“แต่ของดีอย่างแก่นเหรียญม่วง แน่นอนว่ายิ่งมากยิ่งดีอยู่แล้ว!”
เย่อู๋เทียนค่อยๆ เอาแก่นเหรียญม่วง ออกมาจากเข็มขัดทีเดียวสิบกว่าเหรียญ ยิ้มบางๆ แล้วมองเฉินโป๋เหล่า
“ฉันกลัวว่านายกล้าที่จะอยากได้ แต่ไม่กล้ามาเอาจริงๆ น่ะสิ!”