จอมนักรบอหังการ - บทที่ 214 แค่ใบไม้ก็ทำร้ายคนได้ 1
จอมนักรบอหังการ บทที่ 214 แค่ใบไม้ก็ทำร้ายคนได้! 1
อย่างไรก็ตาม ขณะที่เย่อู๋เทียนเดินปล่อยอารมณ์ไปที่ร้านอาหาร แต่กลับพบปรากฏการณ์ที่น่าสนใจมาก
คนแปลกหลายคนที่เฝ้าอยู่ทางเข้าร้านอาหาร ได้หายไปแล้ว
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เย่หวงเย ออกไปแล้ว?
แต่ในเวลานี้ ชายวัยกลางคนในชุดสูทคนหนึ่ง เดินเร็วออกมาจากร้านอาหารด้วยท่าทางตื่นตระหนก
อีกฝ่ายเป็นเจ้าของร้านอาหารที่อยู่ตรงหน้านี้
หลังจากที่เห็นเย่อู๋เทียน ก็วิ่งเหยาะๆเข้ามาอย่างรวดเร็ว และถามอย่างวิตกกังวล: “ขอถามหน่อย คุณคือเย่อู๋เทียน คุณเย่หรือเปล่าครับ?”
เย่อู๋เทียนพูดอย่างเรียบเฉยว่า: “ใช่”แล้วก็ถามอีกว่า:“ผู้หญิงคนนั้นที่ปรากฏตัวชั้นบนสุดในร้านอาหารของคุณอยู่ไหน?”
เจ้าของร้านพูดอย่างระมัดระวังว่า: “กลับไปแล้ว แต่ก่อนหน้าที่เธอจะไป ฝากผมบอกอะไรบางอย่างกับคุณ”
เย่อู๋เทียนพูดด้วยสีหน้าท่าทางเยือกเย็น: “บอกอะไร?”
เจ้าของร้านอาหารพูดว่า: “บอกว่าหลังจากที่คุณกลับมา ให้คุณไปห้องที่คุณดื่มชาก่อนหน้านี้หน่อย”
เย่อู๋เทียนนิ่งไปก่อนเล็กน้อย
ตอนนี้ดูเหมือนว่า…….
เย่หวงเยรู้แล้วว่า ก่อนหน้านี้ตัวเองดื่มชาอยู่ที่ห้องข้างๆเธอ
แต่ว่า เธอรู้ได้อย่างไร?
คือรู้ตอนที่ตัวเองดื่มชาอยู่ห้องข้างๆเธอ หรือว่าหลังจากที่ตัวเองออกไปถึงได้รู้?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เย่อู๋เทียนขยับปลายเท้า
คนทั้งคน หายไปจากที่เดิม และปรากฏตัวบนจุดชมวิวชั้นบนสุดของร้านอาหาร
เจ้าของร้านดูฉากนี้อย่างตะลึงงัน อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
แต่เห็นว่าเย่อู๋เทียน ได้กลับมายังตำแหน่งที่เขาดื่มชาอยู่ก่อนหน้านี้อีกครั้งแล้ว บนโต๊ะกาแฟ นอกจากถ้วยชาที่ไม่เย็นสนิทถ้วยนั้น……..
ยังมีตัวหนังสือทิ้งไว้
ลายมือไม่มีอะไรให้พูดถึง เรียบร้อยมาก
ส่วนเนื้อหา ก็ทำให้คนต้องพิจารณาอย่างระมัดระวัง
“เย่อู๋เทียน นาย ทำให้ฉันค่อนข้างประหลาดใจ ไม่นึกเลยว่านายจะปรากฏตัวที่ข้างกายของฉันได้อย่างเงียบๆ”
“ไม่เลว มีสิทธิ์กลายเป็นสามีในอนาคตของฉันได้”
“ตอนนี้ดูเหมือนว่า ในเมื่อนายรู้แผนการของฉันแล้ว เย่สืออู่ เกรงว่าจะตายแล้วใช่มั้ย?”
“ไม่เป็นไร แค่สาวใช้คนหนึ่งเท่านั้นเอง”
“ส่วนแผนการของฉัน อันที่จริงต่อให้นายรู้ก็ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรมากกว่าจากแผนลับกลายเป็นแผนเปิดเผย”
“สามวันข้างหน้า เมืองเจียงหนาน งานโอสถและการฝังเข็ม รอคอยนายอยู่!”
นอกจากตัวหนังสือที่ทิ้งไว้
ข้างล่างตัวหนังสือที่ทิ้งไว้ ยังมีบัตรเชิญใบหนึ่ง
ทันใดนั้น เย่อู๋เทียนก็หยิบการ์ดเชิญที่เห้อเหลียนหว่านจีให้กับตัวเองออกมา และการ์ดเชิญที่เย่หวงเยทิ้งไว้ให้ โดยพื้นฐานแล้วไม่มีอะไรแตกต่างกัน
แต่ว่าผู้เชิญเกิดการเปลี่ยนแปลง
ในคอลัมน์ของผู้เชิญ มีการเขียนคำว่าเย่หลันสองคำ
ก็หมายความว่า…….
คุณหนูรองของตระกูลเย่พันธมิตรมังกร นามสกุลเย่ ชื่อหลัน ชื่อเล่นหวงเยเหรอ?
เย่หวงเย?
สีหน้าของเย่อู๋เทียนยังคงเรียบเฉยมาก
แต่ขณะที่เขาออกจากร้านอาหารตรงหน้านี้ไปอย่างเงียบๆ ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกสงบก่อนที่พายุจะโหมกระหน่ำ
ในอีกด้านหนึ่ง เสิ่นรั่วชิงได้รับตัวของเย่จูนหลินกลับมาที่บ้านจากโรงพยาบาลแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในสายตาของเสิ่นรั่วชิง
สิ่งที่เย่จูนหลินพบเจอในวันนี้ ยังคงเป็นเพียงเหตุการณ์อาหารเป็นพิษธรรมดา!
เกาเม่ยหลิงและหวงต้าไห่ ก็คิดแบบนี้
ชั่วขณะหนึ่ง เย่จูนหลินที่รอดจากเหตุการณ์ที่เลวร้าย กลายเป็นที่รักของคนทั้งครอบครัว
เสิ่นรั่วชิงกอดเย่จูนหลินไว้ในอ้อมกอดด้วยความเป็นห่วง และพูดขึ้นมาว่า: “ย้ายโรงเรียน ต้องย้ายโรงเรียน ได้ยินมาว่าโรงอาหารของโรงเรียนประถมทิงเฉาเมื่อก่อนนี้ดีมากไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้เกิดเหตุการณ์อาหารเป็นพิษเลวร้ายเช่นนี้ได้!”
เกาเม่ยหลิงพูดขึ้นมาว่า: “นั่นนะสิ ต้องย้ายโรงเรียน เมื่อก่อนนี้บ้านของเราเคยส่งอาหารให้กับโรงเรียนประถมทิงเฉา ตอนนี้ดีจริงๆ หลังจากที่พวกเขาเปลี่ยนผู้จัดจำหน่าย ก็เกิดเรื่องราวแบบนี้!”
จากนั้น เกาเม่ยหลิงรับตัวของเย่จูนหลินออกจากอ้อมกอดของเสิ่นรั่วชิงด้วยดวงตาแดงก่ำ และพูดสะอื้นว่า: “หลานรักของยาย หลานทรมานจริงๆ ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง? ยังรู้สึกไม่สบายอยู่อีกมั้ย?”
เย่จูนหลินส่ายหน้าอย่างมึนงง และพูดขึ้นมาว่า: “ไม่รู้สึกแล้วครับ แต่กลับรู้สึกว่าพละกำลังเต็มเปี่ยม!”
เกาเม่ยหลิงร้องไห้พูดขึ้นมาว่า: “ดูสิทำให้เอาเด็กในบ้านของฉัน เริ่มพูดจาเลอะเลือนแล้ว”
เย่จูนหลินพูดขึ้นมาว่า: “จริงๆนะครับ คุณยาย ตอนนี้ผมรู้สึกว่า ผมสามารถฆ่าวัวตายได้ตัวหนึ่ง”
เกาเม่ยหลิงก็ถอนหายใจ และจูบเย่จูนหลิน แล้วพูดขึ้นมาว่า: “หลายชายของฉันเป็นเด็กดีจริงๆ เป็นเด็กดีจนทำให้คนเป็นห่วง! จูนหลิน ถ้าลูกไม่สบายลูกก็พูดมา อย่ามองว่ายายเป็นคนนอก”
เย่จูนหลินพูดอย่างจริงจัง: “จริงๆนะครับ คุณยาย ตอนนี้ผมมีเรี่ยวแรงมากๆ ผมสามารถอุ้มยายขึ้นมาได้ด้วย!”
เกาเม่ยหลิงก็ทอดถอนหายใจ: “พูดจาเหลวไหล”
เย่จูนหลินออกจากอ้อมกอดของเกาเม่ยหลิง อุ้มเกาเม่ยหลิงขึ้นมาอย่างกะทันหัน ต่อจากนั้นก็วางลงมา และพูดขึ้นมาว่า: “ยายดูสิครับ ผมไม่ได้โกหกจริงๆ!”
คนทั้งครอบครัวยกเว้นเย่อู๋เทียน ก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้างกันทั้งหมด
สิ่งที่ทำให้เกาเม่ยหลิงและคนอื่นๆตกตะลึงจนอ้าปากค้าง เย่จูนหลินก็หันหลังมองไปที่โต๊ะกาแฟหินอ่อนในห้องนั่งเล่น และชกต่อยไปด้วยหมัดหนึ่ง ตูมเสียงดัง โต๊ะหินอ่อนก็ถูกกระแทกแตกเป็นผงในทันที
เย่จูนหลินชูกำปั้นขึ้นและพูดว่า: “เป็นยังไงบ้างครับ?”
นอกจากเย่อู๋เทียน…….
คนอื่นก็ตกใจกันทั้งหมด
เด็กอายุไม่ถึงแปดขวบ ทำลายโต๊ะกาแฟหินอ่อนด้วยหมัดเดียว?
นี่…….
เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?
เสิ่นรั่วชิงดึงสติกลับมาได้ก่อน ยิ่งไปกว่านั้นในไม่ช้าก็สังเกตเห็นว่า เรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล มองดูเย่อู๋เทียนด้วยใบหน้าประหลาดใจ และถามว่า: “เกิดอะไรขึ้น?”
เย่อู๋เทียนชะงักนิ่งไป และพูดขึ้นมาว่า: “ขึ้นไปคุยชั้นบนเถอะ”
จากนั้น เย่อู๋เทียนก็หันหลังขึ้นไปชั้นบน
เสิ่นรั่วชิงรีบตามขึ้นไป
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เมื่อมาถึงห้องนอนใหญ่ เสิ่นรั่วชิงถามอีกครั้งด้วยใบหน้าที่ประหลาดใจ ในขณะเดียวกันก็ปิดประตู
เย่อู๋เทียนหยิบบุหรี่หนึ่งซองจากโต๊ะข้างเตียง แต่กำลังจุดบุหรี่ ก็วางบุหรี่กลับไป และพูดกับเสิ่นรั่วชิงว่า: “เรื่องราวในวันนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับโรงอาหารของโรงเรียน เป็นศัตรูเก่าของฉันมาหาถึงที่ วางยาพิษ ในโรงอาหารโรงเรียนประถมของจูนหลิน!”
เสิ่นรั่วชิงราวกับถูกฟ้าผ่า!
หลังจากนั้นไม่นาน เสิ่นรั่วชิงถึงได้ถามว่า: “จับตัวฆาตกรได้แล้วหรือยัง?”
เย่อู๋เทียนพูดอย่างเรียบเฉยว่า: “ตายแล้ว”
เสิ่นรั่วชิงเงียบ
นั่งอยู่ข้างเตียง ก้มหน้าลง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่