จอมนักรบอหังการ - บทที่ 302 โอหังต่อหน้าเย่อู๋เทียน ผลลัพธ์หนักหนามากนัก2
จอมนักรบอหังการ บทที่ 302 โอหังต่อหน้าเย่อู๋เทียน? ผลลัพธ์หนักหนามากนัก!2
“วิหารจอมเทพ ถึงจะเป็นแค่ม็อบคนที่มารวมตัวกันชั่วคราว แต่ก็เป็นอำนาจหนึ่งที่ตระกูลเย่ของเราอบรมสั่งสอนขึ้นมาโดยเฉพาะในด้านทางโลก เป้าหมายก็เพื่อหาเงินในด้านทางโลก! อีกอย่าง…. งานสกปรกพวกนี้ต้องมีคนไปทำสิ!”
หลงรั่วหานถาม
“ในเมื่อเย่ขวางสามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าผู้อาวุโสของสมาคมผู้อาวุโสแห่งพันธมิตรมังกร ฝีมือไม่อาจประมาทได้เลยนะ!”
เย่หวงเยไม่ได้พูดอะไร
หลงรั่วหานหรี่ตาลง พลันถามเย่หวงเยขึ้นว่า
“เธอคิดยังไงกันแน่?”
เย่หวงเยเหมือนจะเข้าใจว่าคำพูดลอยๆนี้ของหลงรั่วหานหมายถึงอะไร เธอชะงักเล็กน้อยก่อนตอบเสียงเบาว่า
“ไม่ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น ฉันกับเย่ฉิงชางถือเป็นคนละฝ่ายกันในเย่ฉิงชาง!”
“และยังเป็นศัตรูกันอีกด้วย!”
พูดมาถึงตรงนี้ เย่หวงเยย้อนถาม
“เธอล่ะ? เธอคิดยังไง?”
หลงรั่วหานครุ่นคิดชั่วครู่ ไม่ได้ตอบ แต่กลับเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น
เหาะขึ้นเวที
และลงไปยืนข้างกายเย่อู๋เทียน
ในเวลานี้เย่อู๋เทียนได้เก็บมือของเขาออกจากไหล่ของอิ่นโม่โฉวแล้ว
เย่ขวางเห็นหลงรั่วหานปรากฏกายข้างตัวเย่อู๋เทียน ก็เลิกคิ้วเล็กน้อย พูดแปลกๆออกมาหนึ่งคำ
“หานเอ๋อร์ เธอต้องรู้ฐานะเธอนะ”
เย่ขวางพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกและแหบพร่า แต่กลับทำให้คนรู้สึกไม่แยแสและเพิกเฉย
หลงรั่วหานมองเย่ขวางก่อนพูดเสียงเรียบว่า
“วันนี้ฉันอยู่ข้างเย่อู๋เทียน!”
เย่ขวางหัวเราะร่วนว่า
“เขาเป็นคนนอก!”
หลงรั่วหานไม่ได้พูดอะไรอีก
ทำเพียงแค่ยืนข้างกายเย่อู๋เทียนเงียบๆ
เย่ขวางหรี่ตาลง และไม่ได้พูดอะไรกับหลงรั่วหานให้มากความอีก แต่กลับเบนสายตากลับไปที่เย่อู๋เทียนอีกครั้ง
ก่อนพูดเสียงเนิบช้าว่า
“ผู้หญิงคนนี้ที่แกช่วย ที่จริงเป็นศิษย์ส่วนหลังภูเขาเสวี๋ยนอู๋”
“แกแส่หาเรื่องแท้ๆ!”
เย่อู๋เทียนไม่มองเย่ขวางเลยสักนิด แต่กลับเบนสายตาไปที่ใบหน้าอิ่นโม่โฉว พลางถามว่า
“ตอนนี้รู้สึกเป็นยังไงบ้าง?”
อิ่นโม่โฉวอึ้งเล็กน้อย ตอบอย่างนอบน้อมว่า
“ฆ่าคนได้แล้ว”
เย่อู๋เทียนพยักหน้าอย่างราบเรียบ ไม่ได้พูดอะไรอีก
เย่ขวางกลับแค่นเสียงหยัน
เขายืนเอามือไพล่หลัง กวาดตามองทุกคนที่นั่น
พลางพูดว่า
“โลกยุทธจักร มีกฎต้องเคารพปฏิบัติตาม กฎนี้เดิมคือยึดเคารพอาจารย์ก่อนเป็นสำคัญ!”
“วันนี้ โลกยุทธจักรมีพวกนอกคอกสองคน!”
“อิ่นโม่โฉว ลืมรากฐานของตน ทรยศเขาเสวี๋ยนอู่สำนักตน ควรตาย!”
“เย่อู๋เทียน เพิกเฉยกฎเหล็กของโลกยุทธจักร ฆ่าคนเป็นผักปลา ฆ่านักสู้สี่คนของตระกูลหลิงซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่พันธมิตรมังกร อีกอย่างยังถืออำนาจบาตรใหญ่ ทำร้ายคนของตระกูลหลิงแห่งเจียงหนานไปกว่าครึ่ง! และยังลักลอบรับอิ่นโม่โฉวเป็นศิษย์โดยไม่ผ่านความเห็นชอบจากเขาเสวี๋ยนอู่ ยิ่งควรตาย!”
“งานในวันนี้ ผมเย่ขวางในฐานะตัวแทนสมาคมผู้อาวุโสแห่งพันธมิตรมังกรขอทำหน้าที่ตัวแทนความยุติธรรม ทุกท่านในที่นี้ ผู้ใดสามารถฆ่าเย่อู๋เทียนและอิ่นโม่โฉวได้ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลเย่แห่งพันธมิตรมังกร หรือ สมาคมผู้อาวุโสแห่งพันธมิตรมังกรของผม ล้วนจะเห็นท่านเป็นแขกผู้มีเกียรติ จะได้รับแผ่นหินสมบัติซึ่งเป็นของล้ำค่าของตระกูลเย่ผมได้!”
พอพูดจบ เย่ขวางสะบัดแขนเสื้อ หินใสสีม่วงขนาดใหญ่เท่ากำปั้นก้อนหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือเขา
สิ่งนี้คือแผ่นหินสมบัตินั่นที่ตอนนั้นเย่ฉิงชางแย่งชิงไปจากมือแม่ของเย่อู๋เทียน!
หลังจากผู้คนบัลลังก์รายล้อมเวทีเห็นของสิ่งนี้…
เกิดความโกลาหลทันที!
“ได้ยินว่า เพราะของสิ่งนี้ ตระกูลเย่แห่งพันธมิตรมังกรถึงได้เสาะหาเหมืองแร่หินแก่นม่วงจำนวนมากจากทั่วทุกมุมโลก!”
“ไม่คิดว่า ของสิ่งนี้จะมาอยู่ในมือเย่ขวาง!”
“เย่ขวางเป็นตัวแทนของพันธมิตรมังกรหรือตระกูลเย่กันแน่?”
“ไม่สำคัญแล้ว!”
“ใช่ ไม่สำคัญแล้ว วันนี้ใครตัดคอเย่อู๋เทียนขาดกลางเวทีได้ ก็จะสามารถเป็นเจ้าของสิ่งนี้ได้!”
เย่ขวางกวาดตามองคนพวกนี้ พลางถอดหน้ากากลง เผยให้เห็นใบหน้าที่เห็นได้ชัดว่าแก่มาก แต่กลับให้คนรู้สึกเขาอ่อนเยาว์มาก
จากนั้นเขาหันมองเย่อู๋เทียนอีกครั้ง
พลางถาม
“แก กล้ารับคำท้าสู้ไหม?”
เย่อู๋เทียนมองเย่ขวางอย่างเฉยชา พลางย้อนถามว่า
“คนที่ลงมือไม่ควรเป็นคุณหรือไง?”
เย่ขวางอึ้งเล็กน้อย
หัวเราะบอก
“ดาบของแกเร็วมาก คู่ควรมาอยู่ในมือฉัน แต่คนอย่างแกไม่คู่ควรให้ฉันลงมือเอง”
เย่อู๋เทียนหัวเราะ
“คนแก่อย่างคุณนี่โอหังมากนะ!”
เย่ขวางไม่ได้โกรธกับคำพูดไม่มีมารยาทของเย่อู๋เทียน เพียงแค่เก็บรอยยิ้มไป และไม่สนใจเย่อู๋เทียนอีก จากนั้นก็พูดกับจูเก่อเจินที่อยู่ข้างกายว่า
“สหายจูเก่อ พวกเราถอยไปก่อนเถอะ การสู้กันของเด็กๆ พวกเรายืนดูก็พอแล้ว”
จูเก่อเจินอึ้งเล็กน้อยก่อนยิ้มแหย
“เรื่องของส่วนหลังภูเขาเสวี๋ยนอู๋ผม รบกวนคุณแล้วจริงๆ”
เย่ขวางหัวเราะบอกอย่างถ่อมตนว่า
“พวกเรารักใคร่เป็นพี่น้องกัน ไม่ต้องเกรงใจดอก”
ระหว่างพูด เย่ขวางหมุนตัวเดินไปทางบัลลังก์ทิศเหนือของเวที
เหมือนกับว่าในสายตาเขา
ต่อให้เย่อู๋เทียนสามารถใช้ดาบทำลายบัลลังก์ที่เดิมเขานั่งอยู่ จากนั้นยังช่วยรักษาอาการอิ่นโม่โฉวด้วยความเร็วอย่างดุจเทพเซียนได้ แต่ก็แค่นี้เอง!”
ท่าทีน่าตกใจนี้ของเย่ขวางพอไปอยู่ในสายตาคนอื่นแล้ว แทบจะสูดลมหายใจยะเยือกไปตามๆกัน
หัวหน้าผู้อาวุโสของสมาคมผู้อาวุโสแห่งพันธมิตรมังกรไม่ธรรมดาจริงๆ
ในตอนนี้เอง ชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งยืนขึ้นจากฝูงคนฝั่งซ้ายของเวที
เขาเดินขึ้นเวทีไปพลางบอกสำนักตน
“โคอิซึมิ เบเร็ตสึจากสำนักเชียนจี!”
เย่อู๋เทียนกลับไม่ได้มองชายหนุ่มที่ชื่อโคอิซึมิ เบเร็ตสึคนนั้นเลยสักนิด เขาแค่ยกดาบในมือให้อิ่นโม่โฉวยืม
พลางกำชับว่า
“จัดการเย่ขวางก่อน ตัดสองมือสองขาก็พอ!”
อิ่นโม่โฉวตอบกลับอย่างนอบน้อมว่า
“ค่ะ อาจารย์”
ระหว่างพูด อิ่นโม่โฉวรับดาบของเย่อู๋เทียนไป
จากนั้นเบี่ยงร่างราวกับเงาที่บินต่ำลง และค่อยๆหายไปจากตรงนั้น
ดาบพาดผ่าน
ขาขาด
และวินาทีที่ขาขาดนั้น ขาขวาของเย่ขวางแค่ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เพียงแต่ที่ตกลงพื้นกลับไม่ใช่แค่ฝ่าเท้า
แต่เป็นข้อเท้าเต็มๆหนึ่งข้าง
ตกลงสู่พื้น
เกิดรอยเท้าเปื้อนเลือดขึ้นบนพื้น
แต่ไม่รอให้คนอื่นรวมถึงเย่ขวางได้สติกลับมา เย่อู๋เทียนก็พูดว่า
“เย่ขวาง เมื่อครู่ผมไม่ได้ให้คุณไปนะ”