จอมนักรบอหังการ - บทที่ 309 เย่อู๋เทียนเป็นแค่มดตัวหนึ่ง?
จอมนักรบอหังการ บทที่ 309 เย่อู๋เทียนเป็นแค่มดตัวหนึ่ง?
พริบตาเดียว ในที่จัดงานที่กว้างใหญ่นี้พลันเงียบกริบลงทันที
ทุกคนในที่นั้นล้วนพุ่งเป้าสายตาไปที่เกี๊ยวซึ่งทำจากหินทองคำในทางเดินหินนั้นกันหมด!
จูเก่อเจินในตอนนี้
ต่อให้สองขาสองแขนขาด เจ็บปวดราวกับหัวใจจะขาด
ตอนนี้ก็ยังสงบลง
จูเก่อเจินเพียงหันไปมองทางเดินหินด้านหลังเวทีเพียงแวบเดียว สีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ก่อนมองเย่ฉิงชางในเวลานี้
ต่อให้เมื่อครู่อิ่นโม่โฉวคืนพลังยุทธ์ให้เขาแล้ว
แต่สีหน้าเขากลับกลายเป็นตื่นเต้นขึ้นมา
กระทั่งหลังจากที่เย่ฉิงชางได้เห็นภาพในทางเดินหินนั่นแล้ว เขาไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะยืนขึ้นจากพื้น
กระโดดขึ้นเวทีไป
และคุกเข่าลงกับพื้นอีกครั้ง
ทิศทางที่คุกเข่าลงคือเกี๊ยวนั้นในทางเดินหิน
คนอื่นในที่นั้นเห็นภาพนี้ไม่มีใครไม่ตกใจ
คนบัลลังก์บนเกี๊ยวนั่นคือใครกันแน่?
แค่ปรากฏตัว
ก็ทำเอาเย่ฉิงชางคุกเข่าต้อนรับเลย?
ในตอนนี้เอง พวกเย่เฉียนหลงที่เดิมทียืนอยู่บนเวที ก็ทยอยปลดหน้ากากของตนออก ประหนึ่งข้าราชบริพารเตรียมเฝ้าพระพักตร์ ทั้งหมดคุกเข่าลงพื้น
เย่เฉียนหลงเป็นผู้อาวุโสของตระกูลเย่แห่งพันธมิตรมังกร
พอเขาคุกเข่าลงตรงนี้ นักสู้คนอื่นที่มาจากตระกูลเย่ทั้งหมดล้วนคุกเข่าลงพื้นทั้งสิ้น แต่กลับเห็นว่าคนพวกนั้นที่คุกเข่าลงเคียงข้างเย่เฉียนหลง ไม่มีใครเลยที่ไม่ใช่คนเก่งสามารถยึดครองพื้นที่ที่หนึ่งในโลกยุทธจักร หนึ่งในนั้นแม้แต่เจ้าสำนักของส่วนหลังภูเขาเอ๋อเหมยก็อยู่ในนั้นด้วย
แต่ตอนนี้กลับคุกเข่าลงกับพื้นราวกับขุนนางรอรับเสด็จ
พูดอย่างนี้ได้เลยว่า ยามเกี๊ยวนั่นค่อยๆเคลื่อนขบวนมาทางเวที คนที่คุกเข่าลงรอรับขบวนในที่นั้น
แทบจะทั้งหมด!
แค่ชั่วครู่นี้เท่านั้น
ในที่นั้นนอกจากเย่อู๋เทียน เสิ่นรั่วชิง หานตี้ซือ หลงรั่วหาน อิ่นโม่โฉวแล้ว คนอื่นล้วนคุกเข่าลงกับพื้นหมด
มาซะอย่างนี้ หยั่งกับจักรพรรดิยุคโบราณเสด็จมาเลย!
เย่อู๋เทียนหันมองเกี๊ยวนั่น สีหน้ากลับเริ่มแปลกขึ้นมา
เกี๊ยวนั่นประหนึ่งศาลาที่ทำจากหินทองคำ
เป็นสีทองหม่นไปทั้งร่าง
รอบด้านมีผ้าม่านไหมสีทองปกคลุมอยู่
แต่ต่อให้เป็นแบบนั้นก็ยังสามารถเห็นด้านในผ่านทางรอยแยกของผ้าม่านไหม
ด้านในเกี๊ยวมีเก้าอี้มังกรอันหนึ่ง
แต่บนเก้าอี้มังกรนั่นกลับไม่มีคนเลย
ด้านล่างเก้าอี้มังกรมีชายหนึ่งหญิงหนึ่งยืนอยู่
แต่เพราะมีผ้าม่านไหมบังอยู่ เลยไม่อาจเห็นใบหน้าของชายหนึ่งหญิงหนึ่งนั่นชัดเจน
เย่หวงเยที่อยู่ด้านล่างเวทีก็คุกเข่าลงกับพื้นเช่นกัน
เพราะเย่อู๋เทียนอยู่ไม่ห่างจากเย่หวงเยนัก เขาลังเลเล็กน้อย ก่อนเดินเข้าไปถาม
“คนบนเกี๊ยวนั่นใครกัน?”
เย่หวงเยกลับเปลี่ยนท่าทีไปเลย เธอเพียงเหลือบหัวขึ้นมองเย่อู๋เทียน แต่ไม่ได้ตอบอะไร
เย่อู๋เทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย และเดินไปทางเวที
ในตอนนี้เองเกี๊ยวนั้นที่ถูกผู้ชายรูปร่างราวเทพเซียนแปดคนหามอยู่ได้ถูกวางลงบนพื้นแล้ว
ทุกคนในที่นั้นมองเห็นภาพนี้
ไม่มีใครเลยที่ไม่สูดลมหายใจสะท้านเยือก
หินทองคำเกี๊ยวที่อย่างน้อยต้องมีน้ำหนักหมื่นกรัมพอลงพื้น กลับไม่มีเสียงอะไรเลย
เห็นได้ชัดว่า ต่อให้เป็นผู้ชายรูปร่างราวเทพเซียนแปดคนนั่น…
ฝีมือของพวกเขาก็เพียงพอทำให้ทุกคนตกใจแล้ว!
พอเกี๊ยวลงพื้น ชายหนึ่งหญิงหนึ่งที่ยืนอยู่ในผ้าม่านไหมยังไม่เดินออกมา
ผู้ชายคนนั้นที่ยืนอยู่ด้านขวา กั้นเพียงผ้าม่านไหม ชี้ไปที่เย่ขวางซึ่งนอนหมอบกับพื้นอย่างไม่รู้ว่าเป็นหรือตายกันแน่
จากนั้น ท่ามกลางผู้ชายแปดคนที่รับผิดชอบหามเกี๊ยว ก็มีผู้ชายคนหนึ่งก้าวเท้าไปทางเย่ขวาง
และโน้มเอวลงหยิบแผ่นหินสมบัติชิ้นนั้นข้างมือเย่ขวาง
หลังจากแผ่นหินสมบัติตกอยู่ในมือผู้ชายคนนี้ ก็เหมือนกับรูบิคของเด็กตกอยู่ในมือผู้ใหญ่คนหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าเล็กจนน่าสงสาร!
วินาทีต่อมา ผู้ชายรูปร่างราวเทพเซียนนั่นเดินไปทางเกี๊ยวอย่างไม่แยแสใคร
และจะมอบแผ่นหินสมบัติอันนั้นให้กับผู้ชายที่อยู่ในผ้าม่านไหม
ในตอนนี้เอง
เย่อู๋เทียนเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ
“แผ่นหินสมบัติอันนั้นเป็นของผม”
พอคำพูดนี้ออกมา ผู้ชายคนที่ถือแผ่นหินสมบัติก็หันมามองเย่อู๋เทียน
เย่เฉียนหลงที่คุกเข่าอยู่ข้างเย่อู๋เทียนก็ไม่รู้ว่าเอาความกล้าหาญมาจากไหน พลันดึงกระชากชายเสื้อเย่อู๋เทียน
พลางดึงลง
และกระซิบด้วยเสียงเบาที่สุด
“คุกเข่าลง คุกเข่าลงเร็ว!”
เย่อู๋เทียนอึ้งเล็กน้อย กำลังจะพูดอะไรต่อ
หลงรั่วหานที่ยืนข้างกายเย่อู๋เทียนก็กระซิบเตือนเย่อู๋เทียนเสียงต่ำว่า
“อย่าพูดอะไร!”
ความสงสัยบนใบหน้าเย่อู๋เทียนยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่ว่าจะเป็นเย่เฉียนหลงหรือหลงรั่วหาน…
พวกเขามีฐานะอะไรนะ?
ตอนนี้ทำไมทำหน้ากลัวจนใกล้จะตายแล้วล่ะ?
เย่อู๋เทียนอดมองสำรวจผู้ชายที่ถือแผ่นหินสมบัติคนนั้นใหม่ไม่ได้
แต่พอคิดถึงท่วงเท้าย่างก้าวที่เขาหามเกี๊ยวเมื่อครู่
เขาเหมือนจะฝึกวิทยายุทธ์ชนิดหนึ่งของเขาเสวี๋ยนอู่ กังฟูแท้โดยกำเนิด
หรือว่าเขาเป็นคนของเขาเสวี๋ยนอู่?
และในตอนนี้เอง ผู้หญิงชุดดำคนหนึ่งเดินเข้ามา และมองสำรวจเย่อู๋เทียนหนึ่งรอบ
พลางแค่นเสียงหยัน
“ไม่ว่าจะเป็นเย่หวงเยของตระกูลเย่ หรือจางจื่อเซียวของตระกูลจาง ล้วนผ่านการโดนคนจัดวางไว้ที่เขาเสวี๋ยนอู่ เย่ฉิงชางลูกนอกสมรสที่ไปเร่ร่อนอยู่ข้างนอกของตระกูลหลง พยายามกันทุกวิถีทาง ยังไงก็ต้องจับถังเลี่ยนจัดวางไว้ที่ส่วนหลังภูเขาเอ๋อเหมยให้ได้ ดังนั้นเธอไม่แปลกใจเลยหรือว่า มันเพราะอะไร?”
เย่อู๋เทียนมองผู้หญิงชุดดำหนึ่งครั้ง ก่อนตอบ
“ดิ้นรนแสวงหาลาภยศสรรเสริญไปทุกที่ ไม่สนใจ”
ผู้หญิงชุดดำยิ้มน้อยๆ
“จูเก่อเจินเป็นเจ้าสำนักของส่วนหลังภูเขาเสวี๋ยนอู๋ อันที่จริงแล้วในสายตาคนรับใช้อย่างพวกเรา เขาไม่ใช่อะไรทั้งนั้น”
เย่อู๋เทียนออกจะขบขันสักหน่อย
“คุณภูมิใจมากที่เป็นคนรับใช้?”
ผู้หญิงชุดดำไม่ได้โกรธ บนใบหน้ายังเปื้อนรอยยิ้มละไมอยู่
“พวกเราก็เป็นคนของพันธมิตรมังกร ตระกูลจางเผ่าโบราณ หนึ่งในสี่เผ่าโบราณแห่งพันธมิตรมังกร ไม่เหมือนกับสี่ตระกูลใหญ่พันธมิตรมังกรที่นายรู้จัก”
เย่อู๋เทียนส่ายหัว
“ไม่อยากฟังคุณพูดเรื่องเหลวไหลพวกนี้ แผ่นหินสมบัติอันนั้นเป็นของผม คืนมา วันนี้จะได้ไม่เป็นอะไร!”
ผู้หญิงชุดดำแค่นเสียงหยัน
“เย่อู๋เทียน…ลูกนอกสมรสของตระกูลเย่เผ่าโบราณ ก็ถือว่ามีฝีมืออยู่หลายส่วน”
เย่อู๋เทียนขมวดคิ้วแน่น
มีประกายเย็นเยียบวาบผ่านแววตา
ตระกูลเย่เผ่าโบราณ…
ลูกนอกสมรส?
แต่ไม่รอเย่อู๋เทียนคิดนาน ผู้หญิงชุดดำก็หันมองผู้ชายคนที่มือถือแผ่นหินสมบัติคนนั้น พลางสั่งการเสียงเรียบว่า
“อิ่นอูหยวนไปฆ่าเย่อู๋เทียนคนนี้ซะ”
ผู้ชายคนที่ถือแผ่นหินสมบัติหันมองเย่อู๋เทียนอีกครั้ง และยื่นแผ่นหินสมบัติในมือให้ผู้ชายคนนั้นที่ยืนด้านขวาในผ้าม่านไหม จากนั้นเดินไปหาเย่อู๋เทียน
ในตอนนี้เอง ผู้ชายคนนั้นที่อยู่ในผ้าม่านไหมพลันส่งเสียง”
“ฆ่าซะก็ดี ในมือเขามีแก่นเหรียญม่วงจำนวนมหาศาลอยู่ พอฆ่าแล้ว เอากลับมาด้วยล่ะ”
ผู้ชายคนนี้ที่ชื่ออิ่นอูหยวนชะงักฝีเท้า หมุนตัวกลับมาตอบอย่างนอบน้อมว่า
“ขอรับ ท่าน”
พูดจบ อิ่นอูหยวนเดินไปหาเย่อู๋เทียนต่อ
เหมือนว่าในสายตาเขา
เย่อู๋เทียนเป็นแค่มดตัวหนึ่ง