จอมนักรบอหังการ - บทที่ 315 ตระกูลจางเผ่าโบราณ จางจิงหลวน!1
จอมนักรบอหังการ บทที่ 315 ตระกูลจางเผ่าโบราณ จางจิงหลวน!1
หวงยิงคิดไม่ถึง คนที่ยืนเฝ้าประตูทั้งสองคน พอเห็นเย่อู๋เทียนแล้ว จะคุกเข่าลงกับพื้นเช่นนี้
แถมยังเรียกเย่อู๋เทียนว่านายน้อยอีก……
ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เย่อู๋เทียนขมวดคิ้วมองไปที่ชายทั้งสองที่กำลังคุกเข่าอยู่ที่พื้น แล้วสอบถาม
“พวกคุณ……จำคนผิดรึเปล่า?”
ชายที่อยู่ด้านซ้ายส่ายหน้าไปมา
“ไม่ครับ จำไม่ผิดครับ คุณก็คือนายน้อยของพวกเรา!”
ในสมองของเย่อู๋เทียนเต็มไปด้วยคำถาม
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เย่อู๋เทียนก็สอบถามอีกว่า
“นายน้อยฝ่ายไหน?”
ชายทั้งสองที่คุกเข่าอยู่ด้านในประตูหันมามองหน้ากันไปมา ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย
นายน้อยฝ่ายไหนงั้นหรอ?
เขาเป็นนายน้อยเกาะซวนเห้อไม่ใช่หรอ?
ตอนที่คุณหนูใหญ่ของพวกเขาไปที่ซีไห่ ได้พบเจอกับชายผู้หนึ่งที่ฆ่าคนที่ซีไห่ คนที่ฆ่าก็คือสำนักหมื่นพิษแห่งซีไห่
ตอนนั้น คุณหนูใหญ่ยังช่วยชายผู้นี้ฆ่าเหล่าจู่ของสำนักหมื่นพิษแห่งซีไห่ด้วยคนหนึ่ง
หลังจากนั้น คุณหนูใหญ่กับชายผู้นั้นก็ไปคุยกันที่ซีไห่
แล้วหลังจากนั้น คุณหนูใหญ่ก็กลับเกาะซวนเห้อ แล้วประกาศว่า ชายที่คุยเจรจากับเธอในตอนนั้นหลังจากนี้ไปก็คือนายน้อยแห่งเกาะซวนเห้อ
อีกทั้ง ในทุกปีคุณหนูใหญ่ยังขวนรูปเหมือนของชายผู้นั้นไว้ที่ภายในคฤหาสน์ของเกาะซวนเห้อ เพื่อให้ผู้คนได้หันมอง
แต่ตอนนี้ดูท่า……
ชายผู้นั้นที่ถูกคุณหนูใหญ่ประกาศให้เป็นนายน้อยแห่งเกาะซวนเห้อ จะไม่รู้เรื่องนี้?
ทันใดนั้น ชายสวมชุดเกราะสีทองที่คุกเข่าอยู่ที่พื้น ก็ช่วยเย่อู๋เทียนฟื้นคืนความทรงจำอย่างละเอียดในตอนนั้น
หลังจากเย่อู๋เทียนฟังจบ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นประหลาดขึ้นมา
จึงถามว่า
“นั่นก็หมายความว่า ตอนนั้นผู้หญิงที่ผมพบที่ซีไห่ ก็คือคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลจางเผ่าโบราณงั้นหรอ?”
หนึ่งในชายสวมชุดเกราะทองรีบตอบกลับอย่างนอบน้อม
“ใช่ขอรับ”
เย่อู๋เทียนขมวดคิ้ว
“แล้วเธออยู่ไหน?”
ชายสวมชุดเกราะทองรีบลุกขึ้น แล้วทำมือผายเป็นสัญลักษณ์เชิญเย่อู๋เทียน
“เชิญทางนี้ครับ”
เย่อู๋เทียนเดินไปที่ภายในโถงชั้นนอกด้วยความว้าวุ่นใจ
ที่อยู่เบื้องกลังฉากกั้นที่ทำจากหยก
หวงยิงที่ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นจากพื้น วินาที ในสมองของเธอวุ่นวายไปหมด
คิดไม่ถึงว่า
เย่อู๋เทียน……
จะเป็นสหายเก่าของคุณหนูใหญ่ของพวกเธอ!
ทำไมถึงเป็นแบบนี้?
ตามข้อมูลในตระกูลจางเผ่าโบราณ เย่อู๋เทียน เป็นคนที่เหลืออยู่ในตระกูลเย่เผ่าโบราณไม่ใช่หรอ?
ในฐานะที่คุณหนูใหญ่เป็นว่าที่ผู้สืบทอดในอนาคตของตระกูลจางเผ่าโบราณ เดิมทีไม่ควรอยู่ร่วมโลกกับคนที่เหลือของตระกูลเย่เผ่าโบราณ!
แต่ตอนนี้ดูท่า คุณหนูใหญ่ของพวกเขากับเย่อู๋เทียน เป็นเพื่อนกันได้อย่างไร?
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ในขณะเดียวกันนั้น
สุดทางเดินหลังฉากกั้น ในห้องโถงด้านใน
ผู้หญิงในสวมเสื้อคลุมสีเหลืองทองเข้ม และมงกุฎสีม่วงทอง นั่งบนบัลลังก์มังกรสูง
ผู้หญิงคนนี้ ใบหน้าสวยงามมาก!
แต่ยิ่งมากไปกว่านั้น แต่กลับให้ความรู้สึกเหมือนวีรสตรี!
นั่งบนบัลลังก์มังกร เหมือนจักรพรรดินีในโบราณ
ทำให้คนไม่กล้ามองซึ่งๆหน้า
ด้านล่างบัลลังก์มังกร มีที่นั่งสองแถว
คนที่นั่งทางซ้ายคือ เห้อเหลียนหว่านจีากตระกูลเทียน
คนที่นั่งด้านขวาก็คือ เทียนหลงเอ๋อร์ ลูกสาวของเห้อเหลียนหวันจี
ตอนนี้ เทียนหลงเอ๋อร์สวมชุดกี่เพ้าสีฟ้าอ่อน นั่งอย่างเกียจคร้านบนเก้าอี้ เล่นเกมมือถือ
เห้อเหลียนหวันจีนั่งตัวตรง
ไม่กล้าที่เคลื่อนไหวหรือทำเสียมารยาท แม้ว่าเขาจะมองไปที่ผู้หญิงบนบัลลังก์มังกร เขาก็มองที่เท้าของเธอเท่านั้น
ผู้หญิงที่นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร ก็คือคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลจางเผ่าโบราณ
จางจิงหลวน
ในขณะนี้ ในมือของเธอถือหนังสือผูกด้ายโบราณ
สีหน้าเรียบเฉย
ราวกับไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม เธอไม่เก็บมาใส่ใจ
หลังจากดูหนังสือโบราณในมือสักพัก ในที่สุดจางจิงหลวนก็เงยหน้าขึ้นมองเห้อเหลียนหวันจี และหัวเราะเบาๆ
“คุณหมายความว่า ต้องการให้เปิ่นหวางเป็นคนออกหน้า ให้ผู้ชายที่ชื่อเย่อู๋เทียน แต่งงานเข้าตระกูลเทียนของพวกคุณงั้นหรอ?”
เห้อเหลียนหวันจีเอ่ยปากพูดอย่างกดดัน
“เป็นเช่นนั้นครับ!”
ดวงตาของจางจิงหลวนเผยให้เห็นความแปลกใจ จึงถามอีกว่า
“งั้นคุณก็ควรรู้ว่า เย่อู๋เทียน เป็นใครมาจากไหนใช่ไหม?”
เห้อเหลียนหวันจีตอบกลับ
“ตรวจสอบชัดเจนแล้วครับ ต้นกำเนิดคือตระกูลเย่แห่งเจียงไห่ เป็นเจ้ายมบาลชิงตี้แห่งประเทศหลง ถึงแม้ว่าสำหรับพันธมิตรมังกรแล้ว เขาเป็นแค่คนนอก แต่ในเรื่องอิทธิพล น่าจะไม่ต่ำต้อยไปกว่าหลงเอ๋อร์ครับ”
จางจิงหลวนหัวเราะเบาๆแล้วส่ายหัวไปมา
“คุณไม่รู้อะไรเกี่ยวกับ เย่อู๋เทียนเลยแม้แต่น้อย”
เห้อเหลียนหวันจีรู้สึกงุนงง
“อย่างไรครับ?”
จางจิงหลวนนำหนังสือโบราณ วางไว้ข้างๆอย่างไม่ใส่ใจ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“เย่อู๋เทียน ฉันติดตามชีวิตของเขา มาตั้งแต่ที่เขาเกิด เมื่อแปดปีก่อน เปิ่นหวางไปที่เกาะซวนเห้อในฐานะเจ้าของเกาะ และได้พบปะกับเขาที่ซีไห่ ในสายตาของเขา ฉันน่าจะเป็นปรมาจารย์ด้านการต่อสู้ของเขาเลยก็ว่าได้ คนสนิทเพียงคนเดียวของเขา”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ จางจิงหลวนก็ถอนหายใจเบาๆ แล้วพูดอีกว่า
“แต่น่าเสียดาย เขาเป็นคนสุดท้ายที่หลงเหลือในตระกูลเย่เผ่าโบราณ ฉันกับเขา จะเป็นเพื่อนกันได้อย่างไร?”
“เหอะๆ ผ่านไปแปบเดียวก็แปดปีแล้ว ตอนนี้ดูท่า เย่อู๋เทียน จะไม่ทำให้เปิ่นหวางผิดหวัง เหมาะสมที่จะเป็นหมากให้เปิ่นหวางใช้จู่โจมส่วนหลังภูเขาเอ๋อเหมย!”
เห้อเหลียนหวันจีสีหน้าเปลี่ยนไป โพล่งออกไป
“อะไร?เย่อู๋เทียน เป็นคนรุ่นหลังของตระกูลเย่เผ่าโบราณ?”
จางจิงหลวนถามกลับ
“ไม่เช่นนั้นคุณคิดว่า เย่อู๋เทียนมีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้นั้นได้อย่างไร?”
เห้อเหลียนหวันจีอ้าปากค้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง
เทียนหลงเอ๋อร์ที่นั่งอยู่ฝั่งขวา ในเวลานี้เอง จู่ๆก็วางมือถือไว้ข้างๆ
แล้วมองไปยังจางจิงหลวน จากนั้นก็ถามอย่างงุนงง
“อะไรคือลูกหลานของตระกูลเย่เผ่าโบราณ?เหล่าจาง ตกลงคุณกำลังพูดอะไรกันแน่?อีกอย่าง ทำไมคุณถึงเป็นเหมือนเย่หวงเยล่ะ เห็นผู้ชายเป็นหมากตัวหนึ่ง?คนอย่างพวกคุณ ทำไมถึงเลวขนาดนี้!”
จางจิงหลวนกลอกตาใส่เทียนหลงเอ๋อร์
“เล่นมือถือของเธอไป น้องสาว เธอน่ะ อายุยังน้อย สมองของเธอ คิดเรื่องง่ายๆมากเกินไป เรื่องของผู้ใหญ่ ทางที่ดี เธออย่าพูดแทรกดีกว่านะ”
เทียนหลงเอ๋อร์กลอกตาใส่ แล้วทำท่ายักไหล่ แล้วหันกลับมานั่งตัวตรง จากนั้นก็พูดอีกหนึ่งประโยค