จอมนักรบอหังการ - บทที่ 322 รูปลักษณ์ของจักรพรรดินี จางจิงหลวน ราวกับทาส!2
จอมนักรบอหังการ บทที่ 322 รูปลักษณ์ของจักรพรรดินี จางจิงหลวน ราวกับทาส!2
ถ้าอย่างงั้น พ่อแม่ของเขา คงไม่ใช่ คนอื่นหรอกนะ?
เย่อู๋เทียนหรี่ตาลงเล็กน้อย
แต่ ใบหน้าไม่เห็นความผิดปกติใดๆทั้งสิ้น
เย่อู๋เทียนถามอย่างเย็นชา
“ถ้าเป็นแบบนี้ คุณ ก็เคยเห็นหน้าพ่อแม่ผมน่ะสิ?”
จางจิงหลวนพยักหน้าหงึกหงัก
“แน่นอน!เคยเห็นแน่นอน อีกทั้ง อีกทั้งฉันยังเคยสาวรับใช้ของเธอช่วงหนึ่งด้วย แต่ว่า เธอไม่เคยเชื่อคำพูดของหมอดูดวงแห่งพันธมิตรมังกร และไม่เคยเห็นฉันอยู่ในสายตา!”
“เพราะตอนที่ฉันเกิด แม่ของนาย ยังไม่ได้แต่งเข้ามาในตระกูลเย่เผ่าโบราณเลย ยิ่งยังไม่ได้ให้กำเนิดนาย!”
“แม่ของนายคิดว่า สาวรับใช้ที่อายุสิบแปดอย่างฉัน จะเป็นว่าที่ภรรยาของนายได้อย่างไร?”
“ในสายตาของเธอ มันเป็นเรื่องที่น่าขันยิ่งนัก!”
“แต่เมื่อดูตอนนี้แล้ว หมอดูดวงแห่งพันธมิตรมังกรผู้นั้น เรื่องที่เขาพูดในตอนนั้น ไม่ใช่เรื่องโกหกเลย จากความสามารถของเขา เขาสามารถทำนายชะตากรรมของผู้อื่นได้!”
“นาย……เย่อู๋เทียน มีคุณสมบัติเป็นจักรพรรดิแห่งพันธมิตรมังกรในอนาคตอย่างแน่นอน ในอดีตไม่เคยมีปรากฏมาก่อน หลังจากนั้นก็ไม่มีใครที่จะเหมือนนาย!”
“ฉันจางจิงหลวน ถึงแม้หลายปีมานี้จะถูกหมอดูดวงแห่งพันธมิตรมังกรอบรมบ่มเพาะให้เป็นจักรพรรดินี แต่ตอนนี้ดูท่า ฉันจะไม่คู่ควร เป็นผู้หญิงของนายแล้วล่ะ!”
เมื่อสิ้นเสียง เห้อเหลัยนหวันจีกับเทียนหลงเอ๋อร์ ก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก
แม่ของเย่อู๋เทียน ไม่ใช่หานหว่านเอ๋อร์ไม่ใช่หรอ?
และหานหว่านเอ๋อร์ก็ตายแล้วไม่ใช่หรอ?
อีกทั้ง ถ้าหานหว่านเอ๋อร์ยังมีชีวิตอยู่ อันที่จริงก็มีอายุมากกว่าจางจิงหลวนไม่เท่าไหร่เองนะ
แต่ตอนนี้ดูท่า……
หานหว่านเอ๋อร์ จะเหมือนกับจางจิงหลวน
เป็นตัวร้ายที่หาได้ยาก?
มีรูปร่างหน้าต่างไม่สอดคล้องกับอายุที่แท้จริง?
ไม่!
ตามหลักสีหน้าของจางจิงหลวนในตอนนี้ เธอจะคู่ควรที่จะเทียบเคียงกับหานหว่านเอ๋อร์ได้อย่างไร?
อีกอย่าง……
จางจิงหลวน……
ตอนที่ยังเป็นสาวนั้น เธอยังเคยเป็นสาวรับใช้ข้างกายของหานหว่านเอ๋อร์มาก่อน!
นี่มัน……
นี่มันอะไรกันเนี่ย?
มันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
นี่มัน……
ตกลงเกิดอะไรขึ้นเนี่ย?
ไม่เพียงแค่เห้อเหลียนหวันจีกับเทียนหลงเอ๋อร์ที่เกิดความสงสัยเช่นนี้
เย่อู๋เทียน……
ก็รู้สึกยากที่เข้าใจเช่นกัน!
แม่ของเขา เขารู้จักดี ให้กำเนิดเขาตอนอายุยี่สิบหกปี หลังจากที่คลอดเขาออกมาแล้ว ตั้งแต่จำความได้ เธอก็ออกจากเจียงไห่……
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ แม่ของเขา ไม่ใช่คนที่อยู่ในสายศิลปะการต่อสู้ ไม่เช่นนั้น จะจากโลกนี้ไปอย่างง่ายดายได้อย่างไร?
ตอนนี้ดูท่า คำตอบจะมีแค่หนึ่งเดียว
ที่จางจิงหลวนผู้หญิงคนนี้พูดมาทั้งหมด กับหานหว่านเอ๋อร์ที่เป็นแม่ของเขา ไม่ใช่คนคนเดียวกัน
ทันใดนั้น ในสมองของเย่อู๋เทียน
ก็ปรากฏภาพของหญิงสวมชุดคลุมสีดำ
หรือว่าผู้หญิงคนนั้น……
จะมีความเกี่ยวข้องกับตัวตนของเขา?
เมื่อคิดได้ดังนั้น เย่อู๋เทียนก็มองไปที่จางจิงหลวนอย่างเย็นชา
สอบถามว่า
“แม่ของฉัน ยังมีชีวิตอยู่ไหม?”
จางจิงหลวนส่ายหน้าไปมา
แต่เมื่อพูดออกมา ก็ทำให้เย่อู๋เทียนอกสั่นขวัญหาย รู้สึกตกตะลึง
“ไม่รู้ ฉันไม่รู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ไหม ฉันจำได้แค่ว่า หลังจากที่ตระกูลเย่เผ่าโบราณล่มสลายในตอนนั้น เธอก็หายตัวไป สามสิบปีมานี้ ฉันสืบข่าวคราวของเธอมาตลอด แต่ว่า ไม่มีเบาะแสของเธอแม่แต่นิดเดียว!”
ในสายตาของเย่อู๋เทียนเผยให้เห็นความเยือกเย็น
“นั่นก็หมายความว่า ผู้หญิงที่อยู่ใต้ต้นท้อที่เจียงไห่ ก็ไม่ใช่แม่ของผมน่ะสิ?”
จางจิงหลวนถาม
“หานหว่านเออร์ ตระกูลหานแห่งตี้ตูงั้นหรอ?”
เย่อู๋เทียนไม่พูดอะไร
จางจิงหลวนส่ายหัวไปมา
“เธอ เธอไม่ใช่แม่ของนาย!เธอไม่มีทางเป็นแม่ของนายเด็ดขาด”
ปึ้ง!
เมื่อพูดออกไปแล้ว
สมองของเย่อู๋เทียน ก็สั่นสะเทือน
ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อยากเชื่อ หานหว่านเอ๋อร์ ไม่ใช่แม่ของตนเอง!
แต่ จะใช่หรือไม่ใช่
แค่สืบก็รู้แล้ว!
จางจิงหลวนมองไปที่เย่อู๋เทียนอย่างอ้อนวอน
ด้วยความอดสู
เธอเปล่งเสียงสั่นเครือ
“นายอยากรู้อะไรอีก?ฉะ ฉันไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ขอแค่นายปล่อยฉันไปสักครั้ง!”
“ถึงแม้ว่าตระกูลเย่เผ่าโบราณจะถูกทำลายด้วยน้ำมือของฉัน แต่แม่ของนายฉันไม่ได้เป็นคนฆ่านะ กลับกัน เธอยังมองเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยความเลือดเย็น ถึงแม้ฉันจะไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่……ระหว่างฉันกับนาย ไม่มีความแค้นเรื่องฆ่าพ่อแม่นายจริงๆ!”
เย่อู๋เทียนมองจางจิงหลวนด้วยสายตามองจากที่สูง เขาค่อยๆพูดขึ้นมาว่า
“งั้น คุณรู้ไหมว่าพ่อผมเป็นใคร?”
เมื่อจางจิงหลวนได้ยินดังนั้น
ก็ราวกับสายฟ้าฟาด!
แต่ว่า เพียงชั่วพริบตาเดียว จางจิงหลวนก็ได้สติ
“ฉันรู้แค่ว่า ตอนนี้แม่ของนายแต่งกับผู้ชายคนหนึ่ง มีนามว่าเย่ฝูถู…เกิดในตระกูลเย่เผ่าโบราณ!แต่ตอนนี้เขากับแม่ของนายแต่งงานกันไม่นาน ก็…ไปออกบวช!”
เมื่อเรื่องมาถึงตรงนี้ ความรู้สึกของเย่อู๋เทียน ก็ยากที่จะกลับสู้สภาวะปกติได้
เขาเอ่ยถามอย่างเรียบเฉย
“เขา อยู่ที่ไหน?”