จอมนักรบอหังการ - บทที่ 330 เย่อู๋เทียน ก้าวเดียวทะลวงสู้แดนห้า!2
จอมนักรบอหังการ บทที่ 330 เย่อู๋เทียน ก้าวเดียวทะลวงสู้แดนห้า!2
เย่อู๋เทียนชำเลืองมองพวกเขา แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก และหันไปมองที่เย่ฉิงชางอีกครั้ง
เขาออกคำสั่งกับจางจิงหลวนที่เดินตามหลังเขาอยู่ด้านหลัง
“นี่ยัยแก่รับใช้ ไปจัดการ ผนึกพลังของเย่ฉิงชางซะ”
เมื่อสิ้นเสียง
ทั้งงานก็ตกอยู่ในความตะลึง
แก่……
ยัยแก่รับใช้?
เย่อู๋เทียนเรียกจางจิงหลวนว่า ยัยแก่รับใช้?
จางจิงหลวนเหลือบมองเย่อู๋เทียนด้วยแววตาเศร้าสร้อย แต่ก็ทำได้เพียงเท่านั้น!
นอกจากนี้ ไม่ได้แสดงความไม่พอใจใดๆทั้งสิ้น
หลังจากนั้น ชั่วพริบตาเดียว จางจิงหลวน ก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเย่ฉิงชาง
ยกมือขึ้น
แต่……
ไม่รอให้จางจิงหลวนได้วางมือลงบนหน้าผากของเย่ฉิงชาง เย่ฉิงชางก็ได้คุกเข่าลงกับพื้น!
แล้วคลานเข่าไปที่ต่อหน้าของเย่อู๋เทียน เพื่อขอร้องอ้อนวอน
“ขอ!ขอร้องล่ะ!ไว้ชีวิตฉันเถอะ!”
เย่อู๋เทียนเหลือบมองเย่ฉิงชางแวบหนึ่ง แล้วค่อยๆโบกมือให้จางจิงหลวน
จางจิงหลวนถึงปล่อยเย่ฉิงชางไป
ฉากนี้ทำให้สายตาของผู้ที่อยู่ในงาน ต่างพากันตกตะลึงสุดขีด
ตอนนี้ดูท่า……
จางจิงหลวน จะกลายเป็นทาสคนหนึ่งของเย่อู๋เทียนแล้วจริงๆ?
เธอคือจางจิงหลวนนะ!
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เย่อู๋เทียนกวักมือให้กับเย่ฉิงชาง
เย่ฉิงชางหวาดกลัวราวกับเห็นผี
ภายใต้สายตาของทุกคน เขาค่อยๆคลานไปด้านหน้าของเย่อู๋เทียน
ในเวลานี้เอง จางจิงหลวนก็ก้าวไปข้างหลังขบวนตำแหน่งที่เป็นของเธอ
ปลายเท้าขยับ
เธอเตะขบวนเสด็จไปที่ด้านหลังของเย่อู่เทียน
เย่อู๋เทียนหันหลังไปมองไปที่จางจิงหลวน
จางจิงหลวนพูดอย่างเขินอาย
“นั่ง”
ความรู้สึกของทุกคน ราวกับเห็นว่าจางจิงหลวนเป็น“คนรู้ความ”
เย่อู๋เทียนนั่งอยู่ภายในขบวนเสด็จ แล้วเล่นแผ่นหินสมบัติที่อยู่ในมือ เริ่มทำการไต่ถามเย่ฉิงชาง
“แผ่นหินสมบัตินี้ เดิมทีมันอยู่ในมือของคุณ ทำไมถึงใช้ของสิ่งนี้ในการ จัดการงานโอสถและการฝังเข็มนี้ขึ้นมา?”
เย่ฉิงชางตอบอย่างไม่ลังเล
“เพื่อล่อผู้กล้าเหล่านี้มา ให้พวกเขาต่อสู้ หลังจากนั้น ใช้โอกาสนี้ ผนึกพลังของทุกคนไว้!”
เมื่อสิ้นเสียง
นอกจากเย่อู๋เทียนกับจางจิงหลวนแล้ว ทุกคนที่อยู่ในงาน ก็เบิกตากว้างทันที
คิดไม่ถึง
เย่ฉิงชางจะบ้าคลั่งถึงเพียงนี้!
เย่อู๋เทียนหัวเราะหึ
“เกรงว่าคงไม่ง่ายขนาดนั้น”
เมื่อเย่ฉิงชางได้ยินเช่นนั้น สีหน้าก็เกิดความขุ่นมัวไม่แน่ใจ
เย่อู๋เทียนถามอีกว่า
“ตอนนั้น คุณไปแย่งแผ่นหินสมบัติ จากมือของใครมา?”
เย่ฉิงชางตอบ
“แม่ของคุณ!”
เย่อู๋เทียนขมวดคิ้ว
แล้วถาม
“แม่ของฉัน……ชื่ออะไร?”
เย่ฉิงชางตอบ
“หานหว่านเอ๋อร์!”
สีหน้าของเย่อู๋เทียนเคร่งขรึม
“นั่นก็หมายความว่า การตายของแม่ฉัน มันเป็นฝีมือของคุณงั้นสินะ?”
เย่ฉิงชางส่ายหัวอย่างบ้าคลั่ง
“ไม่!ไม่ใช่ฉัน!”
เย่อู๋เทียนหรี่ตาถาม
“แล้วเป็นใคร?”
เย่ฉิงชางกลืนน้ำลายเป็นตึงเครียด
ตอบกลับว่า
“คนแซ่กัว นามว่า เถาจือ!”
เย่อู๋เทียนขมวดคิ้วอีกครั้ง
“กัวเถาจือ……คนผู้นี้ เป็นใครมาจากไหน?”
เย่ฉิงชางส่ายหัวไปมาอีกครั้ง
“ไม่กล้า ผมไม่กล้าพูด”
เย่อู๋เทียนชะงักไป แล้วมองไปที่จางจิงหลวน ถามอีกว่า
“คุณกล้าพูดไหม?”
จางจิงหลวนลังเลครู่หนึ่ง แล้วตอบเสียงเบา
“กัวเถาจือ เป็นศัตรูคู่แค้น ของแม่ผู้ให้กำเนิดของคุณ ฉันวางแผนมาสามสิบปี พยายามอยากจู่โจมส่วนหลังภูเขาเอ๋อเหมย ก็เพราะคนผู้นี้!”
เมื่อสิ้นเสียง คนที่อยู่ในงานทั้งหมด ก็เกิดความสงสัยบนใบหน้า
แม่ผู้ให้กำเนิดของเย่อู๋เทียน?
แม่ผู้ให้กำเนิดของเย่อู๋เทียน ไม่ใช่หานหว่านเอ๋อร์อย่างงั้นหรอ?
หานหว่านเอ๋อร์และคนอื่น เป็นเพียงผู้หญิงที่เป็นนักธุรกิจธรรมดาไม่ใช่หรอ?
ทำไมถึงมีชื่อเสียงเท่ากับกัวเถาจือ?
อีกอย่าง……
กัวเถาจือ เชาคือใคร?
เมื่อก่อน ไม่เคยได้ยินมาก่อน ในโลกยุทธภพ มีคนผู้นี้!
เย่อู๋เทียนเงียบไปพักใหญ่แล้วพยักหน้า
“ดี ไม่เลวเลยหนิ ดูท่า ความลับที่ผมไม่รู้ จะมีอีกเยอะเลยนะ”
ในเวลานี้เอง
หานตี้ซือที่ไม่พูดอะไรมาตลอด ก็พูดขึ้นมาว่า
“ถึงจะทิ้งแผ่นหินสมบัตินั้นไป ก็ไม่ควรไปท้าทายล่วงเกินกัวเถาจือคนผู้นั้น!”
เย่อู๋เทียนสงสัย
“ทำไม?”
หานตี้ซือสีหน้าตึงเครียด แล้วพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
“คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”
เย่อู๋เทียนไม่พูดอะไรแต่หัวเราะ
แล้วมองไปที่จางจิงหลวน จากนั้นก็ถามว่า
“คุณล่ะ?เป็นคู่ต่อสู้ของกัวเถาจือไหม?”
จางจิงหลวนตอบ
“ไม่เคยประมือกันมาก่อน แต่เธอแม่ของคุณ เป็นศิษย์สำนักเดียวกัน ดังนั้นอย่าประมาท!”
เย่อู๋เทียนไม่ถามอะไรอีก
เขาลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
เหลือผู้คนที่อยู่ในงานให้งงเป็นไก่ตาแตก
แต่ฉากต่อมา กลับทำให้ทุกคนที่อยู่งาน ตกใจกลัวราวกับเห็นผี
พวกเขาเห็น
ในทุกก้าวที่เย่อู๋เทียนเดิน
รัศมีที่ออกมาจากร่างกายของเขา จะรุนแรงขึ้น
ในขณะเดียวกัน รัศมีแสดงสีม่วง ก็ค่อยๆล้อมรอบทั่วทุกสารทิศ
รัศมีสีม่วงนี้ ค่อยๆแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของเย่อู๋เทียน
และที่มาของพลังนี้ ก็มาจากรัศมีสีม่วงนี้ ก็คือกระถางทองสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ที่ทำมาจากแก่นเหรียญม่วง
ราวกับ จะดูดซับลมหายใจของเย่อู๋เทียนทั้งหมดที่เก็บไว้ในแก่นเหรียญม่วง เข้าสู่ร่างกายของเขา
วันนี้……
เย่อู๋เทียน ก้าวเดียวทะลวงสู่แดนห้า!
ตันสวรรค์ในร่างกาย
จากเมฆหมอกสีม่วง ก็กลายเป็นสสาร!
แค่ครึ่งชั่วโมง
งานโอสถและการฝังเข็ม ไม่ว่าจะเป็นกระถางสัมฤทธิ์สีม่วงที่อยู่ใต้ดินสิบชั้น!
หรือข้าวของเครื่องใช้ที่ทำจากแก่นเหรียญม่วงในโถงแสดงนิทรรศการ ก็กลายเป็นเศษหินทั้งหมดแล้ว!
แน่นอนว่า บริเวณโดยรอบยังมีแก่นเหรียญม่วงอยู่ รัศมีที่บรรจุอยู่ในนั้น……
ถูกซึมซับเข้าสู่ร่างกายของเย่อู๋เทียนทั้งหมด!
ทันทีที่เย่อู๋เทียนก้าวออกจากอาคารของศูนย์ของงานนิทรรศการนานาชาติ เดิมเมฆดำที่ปกคลุมอยู่ในงาน ได้กระจายหายไปสิ้น
ไม่ถึงสิบนาที
ท้องฟ้า……
ก็กลายเป็นสีน้ำเงิน
จากนั้นเย่อู๋เทียนก็ไม่สนใจใคร ปลายเท้าขยับ
เตะเศษหินที่อยู่ใต้ฝ่าเท้ากระเด็น
หลังจากนั้น
ก็ลุกขึ้น
ก้าวไปบนเศษหินกลางอากาศ ออกไป หลายร้อยลี้
เมื่อมองจากระยะไกล แผ่นหลังของเย่อู๋เทียน ก็เต็มไปด้วยความอ้างว้าง
ความอ้างว้างที่ไร้ซึ่งศัตรู
แต่มากไปกว่านั้น เป็นความเหงาที่มีแต่เย่อู๋เทียนเท่านั้นที่รู้
หลังจากผ่านไปประมาณสิบนาที
ร่างของเย่อู๋เทียน ก็ปรากฏขึ้นในส่วนลึกของป่าดอกท้อในจิงไห่ มือไพล่หลังอยู่ต่อหน้าของหลุมศพ
หน้าหลุมศพของหานหว่านเอ๋อร์!
เย่อู๋เทียนมองไปที่หลุมฝังศพข้างหน้าเขาด้วยความงุนงง
แล้วพูดพึมพำ
“คุณไม่ใช่แม่ผมจริงๆหรอครับ?”