จอมนักรบอหังการ - บทที่ 334 เข้าสู่โลกบู๊โดยการฆ่า เพชฌฆาตเจียง 2
จอมนักรบอหังการ บทที่ 334 เข้าสู่โลกบู๊โดยการฆ่า เพชฌฆาตเจียง! 2
ภิกษุวัยกลางคนเงียบลง
เย่อู๋เทียนกล่าวขึ้นอีก
“ผมเคยพบหานจื่อเซียนแล้ว แต่ยังไม่ทันจะได้ถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในปีนั้น เธอก็หายตัวไปแล้ว”
ภิกษุวัยกลางคนมองไปที่เย่อู๋เทียน แล้วพูดประโยคหนึ่ง
“หานจื่อเซียน เป็นแม่แท้ๆของประสก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เย่อู๋เทียนรู้สึกสะเทือนใจ แต่หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก็กลับมาสุขุมเหมือนเดิม
จากนั้นเย่อู๋เทียนก็ถามอย่างใจเย็น
“ในเมื่อเป็นแม่แท้ๆ ของผม แล้วทำไมเธอถึงมอบผมให้กับหาน…มอบให้แม่ของผมเลี้ยงดู?”
ภิกษุวัยกลางคนตอบ
“พวกเธอทั้งสองเป็นพี่น้องกันแท้ๆ จริงๆ แล้วหว่านเอ๋อร์เป็นน้าหญิงเล็กของประสก ส่วนอาตมา ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับพวกเธอ ผู้ชายคนนั้นที่แม่ของอาตมาแต่งงานใหม่ด้วย เป็นตาของประสก และเป็นพ่อบุญธรรมของอาตมาด้วย”
“แม้ว่าแม่ผู้ให้กำเนิดของประสกกับน้าหญิงเล็กของประสกจะมีแม่คนเดียวกัน แต่ทั้งสองก็มีเส้นทางที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง!”
“แม่แท้ๆ ของประสกหนีออกจากบ้านตอนอายุได้สิบขวบ พออายุได้สี่สิบห้า เธอก็เลือดท่วมตัวล้มอยู่หน้าประตูตระกูลหานโดยอุ้มประสกไว้ในอ้อมแขน น้าหญิงเล็กถามแม่แท้ๆ ของประสกว่าเกิดอะไรขึ้น…”
“ฮ่า ไม่บอก ยังไงก็ไม่บอก ต่อมาก็ฝากประสกไว้กับน้าหญิงเล็ก แล้วก็จากไป”
“ไม่กี่ปีต่อมา เธอกลับมาอีกครั้ง มองประสกอยู่ไกลๆ อ้อ ครั้งล่าสุดที่เธอกลับมา บังเอิญเป็นวันที่น้าหญิงเล็กของประสกพาประสกกลับจากตี้ตูมาที่เมืองเจียงไห่”
“ตอนนั้นอาตมาขับรถตามหลังไป พบว่ามีนักบวชหญิงชุดดำขวางทางพวกประสกอยู่ คนที่อยู่ข้างกายนักบวชหญิงผู้นั้นคือเย่ฉิงชาง”
“เรื่องราวต่อมาภายหลัง อาตมาก็ไม่รู้แล้ว”
หลังจากเย่อู๋เทียนฟังจนจบ
สายตาก็เย็นชาราวกับน้ำแข็ง
ผ่านไปครู่ใหญ่
จึงกล่าวออกมาด้วยความเสียใจ
“ตอนนั้นผมหลับอยู่ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าที่แม่ของผมตายด้วยอาการบาดเจ็บสาหัส เพราะของสิ่งหนึ่งที่อยู่ในมือเธอตอนนั้น”
ภิกษุวัยกลางคนหรี่ตาลง
“ของอะไร?”
เย่อู๋เทียนหยิบแผ่นหินสมบัติออกมาวางบนโต๊ะ
“ของแบบนี้”
ภิกษุวัยกลางคนหยิบแผ่นหินสมบัติขึ้นมามองพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ความประหลาดใจปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
“ลวดลายลี้ลับบนนี้ คือภาษาหลัวฝูที่สูญหายไปนับพันปีเองเหรอ?”
เย่อู๋เทียนตกตะลึง
“ท่านรู้จักภาษาหลัวฝูด้วยเหรอ?”
ภิกษุวัยกลางคนพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม
“อาตมานับถือพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน จึงย่อมรู้จักภาษาหลัวฝู เพียงแต่อาตมาอ่านไม่เข้าใจจริงๆ ว่าลวดลายลี้ลับบนนี้หมายความว่าอย่างไร!”
เย่อู๋เทียนอธิบายอย่างใจเย็น
“แค่แผนที่แผ่นหนึ่งเท่านั้น สัญลักษณ์บนนั้นทั้งหมดเป็นตำแหน่งของสายแร่หินแก่นม่วง นอกจากแผนที่แล้ว บนนั้นยังมีวิธีการฝึกฝนวิชาชี่ด้วยด้วย ผมยังไม่เคยเห็นเลย”
ภิกษุวัยกลางคนสีหน้าตกตะลึง มองเย่อู๋เทียนด้วยความประหลาดใจ
“ประสกเข้าใจภาษาหลัวฝูด้วยเหรอ?”
เย่อู๋เทียนพยักหน้า
“ในบรรกระบี่รรพบุรุษของตระกูลหานแห่งตี้ตู มีจักรพรรดิองค์หนึ่งที่เคยครอบครองประเทศเล็กๆ ที่มีชื่อว่า ประเทศหลัวฝู”
“ภาษาหลัวฝูนั้นทำความเข้าใจได้ไม่ยาก ขอเพียงเข้าใจวิชาชี่จักรพรรดิของตระกูลหาน แยกสัทศาสตร์พลังขั้นก่อเกิดในวิชาชี่นี้ ก็คือสิ่งที่เรียกว่าภาษาหลัวฝู!”
“อันที่จริงเทียบกับระบบการถ่ายทอดเสียงรูปแบบอื่น มันก็มีความสวยงามไปคนละแบบ!”
ภิกษุวัยกลางคนมีสีหน้าตกใจ
จับจ้องเย่อู๋เทียนชั่วขณะหนึ่ง แล้วถอนหายใจออกมา
“หลายปีมานี้ อาตมาใช้เส้นสายที่มีในมือเพื่อสืบหานักบวชหญิงและชายที่ชื่อเย่ฉิงชางที่ขวางทางประสกกับน้าหญิงเล็กในปีนั้น แต่ก็ไม่ได้อะไรกลับมาเลย!”
เย่อู๋เทียนกินบะหมี่คำหนึ่งแล้วพูดออกมา
“เย่ฉิงชางไม่มีความสำคัญอะไร นักบวชหญิงคนนั้นแซ่กัว ชื่อเถาจือ!”
ภิกษุวัยกลางคนถามอย่างร้อนใจ
“อีกฝ่ายมาจากไหน?”
เย่อู๋เทียนตอบอย่างเฉยเมย
“เอ๋อเหมย!”
เมื่อภิกษุวัยกลางคนได้ยินอักษรสองตัวนี้ ใบหน้าก็ขาวซีดราวกับกระดาษ ผ่านไปครู่ใหญ่จึงเอ่ยปากถาม
“รอบนอกภูเขาเอ๋อเหมย หรือส่วนหลังภูเขาเอ๋อเหมย?”
เย่อู๋เทียนตอบกลับ
“ตามข้อมูลที่ผมมีอยู่น่าจะเป็นวัดที่อยู่ส่วนหลังภูเขาเอ๋อเหมย ส่วนจะเป็นวัดอะไรนั้นผมไม่ทราบ แต่คงจะรู้ในไม่ช้านี้”
ภิกษุวัยกลางคนกล่าวขึ้นทันที
“วัดอี่เซียน!”
เย่อู๋เทียนขมวดคิ้วขึ้นมา
“วัดอี่เซียน?”
และในเวลานี้เองโทรศัพท์มือถือของเย่อู๋เทียนก็ดังขึ้นมา
ทันทีที่มองดู
เป็นสายจากเจียงฉางเซิง ผู้เฝ้าประตูคฤหาสน์ยอดเขาทะเลหมอก
หลังจากรับสาย
ก่อนที่เย่อู๋เทียนจะทันได้พูดอะไร
ปลายสายโทรศัพท์ก็มีเสียงอันตื่นตระหนกอย่างยิ่งของเจียงฉางเซิงดังออกมา
“คนของ…ของวัดอี่เซียนเอ๋อเหมยมาถึงแล้ว เพชฌฆาตเจียง…เพชฌฆาตเจียงมาถึงแล้ว!”
ขณะเดียวกัน
ในคฤหาสน์บนยอดเขาทะเลหมอก
ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ ชายวัยกลางคนยืนเอามือไพล่หลัง
คนผู้นั้นคือ เพชฌฆาตเจียง
ร่างสูงใหญ่กำยำ คาดกระบี่ไว้ที่เอว!
มีนามว่า…
จอมมารกระบี่เอ๋อเหมย!
แต่ทว่า…
ในโลกยุทธจักรทั้งหมด คนที่รู้จักผู้อื่น มีไม่ถึงร้อยคน
ในบรรดาคนไม่ถึงร้อยคนนั้น มีเย่เฉียนหลงแห่งตระกูลเย่รวมอยู่ในนั้นด้วย
ในเวลานี้ไม่ว่าจะเป็นเย่เฉียนหลงหรือเย่หวงเย หรือแม้กระทั่งหลงรั่วหาน ทั้งหมดได้มาถึงเมืองเจียงไห่แล้ว
พูดให้ถูกก็คือ มาถึงบ้านของเย่อู๋เทียนแล้ว
ในเวลานี้ทั้งสามเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขาม มองดูเพชฌฆาตเจียงที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นในบ้านของเย่อู๋เทียนอยู่ไกลๆ!
สายตาที่ทั้งสามมองไปที่เพชฌฆาตเจียง นอกจากความหวาดกลัวไปถึงกระดูก ก็ยังแฝงความเลื่อมใสเอาไว้ด้วย!
เพียงประโยคเดียว
เพชฌฆาตเจียง เป็นบุคคลที่มีความแข็งแกร่งอันน่าสะพรึงกลัวมากที่สุดในโลกผู้หนึ่ง
มองยังไงก็อายุแค่ 40 กว่าเท่านั้น
อันที่จริงมีอายุเกือบร้อยปีแล้ว
ในปีนั้น ประเทศหลงถูกรังแกโดยอำนาจอันทรงพลัง คนผู้นี้เคยลงจากเขามาแล้วครั้งหนึ่ง
ฆ่าคนนับหมื่นด้วยกระบี่เดียว!
ไม่ใช่เพราะวิกฤตการณ์ของประเทศชาติจึงจำเป็นต้องลงมือ
แต่เพราะศัตรูนับหมื่นที่อยู่ตรงหน้าเขาในเวลานั้นแค่ขวางทางเขาไว้เท่านั้น
ภายในคฤหาสน์
นอกจากเย่เฉียนหลง เย่หวงเย และหลงรั่วหานทั้งสามคนนี้แล้ว ยังมีอีกสองคนที่ยืนอยู่ไกลๆ
หนึ่งในนั้นคือหานตี้ซือ
อีกคนหนึ่งคือเจียงฉางเซิง
เจียงฉางเซิงและเพชฌฆาตเจียงมาจากเผ่าพันธุ์เดียวกัน
เมื่อเจียงฉางเซิงยังเด็ก เขาเคยได้ยินชื่อเพชฌฆาตเจียงในครอบครัว
แต่เมื่อผู้อาวุโสของตระกูลกล่าวถึงเพชฌฆาตเจียง พวกเขาทั้งหมดล้วนปิดเป็นความลับ!
เจียงฉางเซิงเคยซักถามผู้อาวุโสในตระกูลว่าทำไม
เหล่าจู่คนหนึ่งของตระกูลเจียงพูดออกมาประโยคหนึ่ง
“คนผู้นี้เป็นคนชั่วของตระกูลเจียง เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ไม่นับใครเป็นญาติ เข้าสู่โลกบู๊โดยการฆ่า พบเจอเมื่อใด…ให้หลบเลี่ยงทันที!”
ในที่สุดวันนี้เจียงฉางเซิงก็ได้เห็นตัวจริงของเพชฌฆาตเจียง แม้ว่าเขาจะอยู่ห่างออกไปเกือบร้อยเมตร แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าจากตัวเขาอย่างแท้จริง
เจียงฉางเซิงแน่ใจได้ว่า แม้ว่าเพชฌฆาตเจียงจะไม่ได้เคลื่อนไหว แค่หันกลับมามองแวบเดียว ก็สามารถทำให้ตัวเองหวาดกลัวจนมือไม้อ่อนได้แล้ว!
บนโลกใบนี้ จะมีคนที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ได้อย่างไร?
เจตนาฆ่าอันท่วมท้น!
หรือว่าจริงๆ แล้วเขาจะ…
เข้าสู่โลกบู๊โดยการฆ่า!?