จอมนักรบอหังการ - บทที่ 349 ลงรถ เรียกพ่อ 1
จอมนักรบอหังการ บทที่ 349 ลงรถ! เรียกพ่อ! 1
นอกจากคนส่วนน้อยที่รู้จักภูมิหลังที่แท้จริงของหานปู้กางแล้ว
คนส่วนใหญ่คิดว่าหานปู้กางเหมือนกับคุณชายเศรษฐีทั่วไปของตี้ตู ที่ครอบครัวเพียงแค่ร่ำรวยเท่านั้น!
ครอบครัวไม่มีภูมิหลังอะไรเป็นพิเศษ
แต่คนที่รู้จักหานปู้กางจริง ๆ เท่านั้นที่รู้ว่า!
บุคคลนี้เป็นเหมือนเทพ!
หานปู้กางไม่ได้เป็นแค่ตัวแทนของตระกูล หรือกองกำลังอีกต่อไปแล้ว!
เมื่อเฟ่ย์กงเต๋อ“เทพเฝ้าประตู”ของตี้ตู เห็นหานปู้กางยกแก้วเหล้ามาทางตนเอง อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่านถึงขีดสุด!
ชั่วขณะหนึ่ง กระทั่งเขาปล่อยวางเรื่องที่เฟ่ย์ล่าง ลูกชายของเขาตายไว้ก่อน!
เฟ่ย์กงเต๋อเดินขึ้นไปบนเวทีอย่างรวดเร็ว แล้วยืนอยู่ตรงหน้าหานปู้กาง ภายใต้การจ้องมองของทุกคน
โค้งคำนับหานปู้กาง และกล่าวว่า
“ข้าทาส เฟ่ย์กงเต๋อ ขอคารวะคุณชายหาน!”
หลังจากกล่าวประโยคออกมา
บูม!
เกิดความโกลาหลทันที!
ทุกคนเบิกตากว้าง
ไม่มีใครคิดว่า
เฟ่ย์กงเต๋อ“เทพเฝ้าประตู”ของตี้ตู เมื่อเผชิญหน้ากับชายหนุ่มที่ไร้ชื่อเสียงในโอกาสสำคัญแบบนี้…..
เขาโค้งคำนับ!
สิ่งที่ไร้เหตุผลที่สุดคือ…..
เขาเรียกตนเองว่าเป็นข้าทาสต่อหน้าชายหนุ่มคนนี้?
หนุ่มสวมชุดทักซิโด้คนนี้…..
มีประวัติความเป็นมาอย่างไรกันแน่?
และขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงกับเหตุการณ์นี้ ภาพที่น่าตกใจยิ่งกว่า ก็เกิดขึ้นอีกครั้ง
หญิงสาวที่ติดตามอยู่ข้างเฟ่ย์กงเต๋อ คือเอลล่า เจ้าหญิงของประเทศเทียนอิง ซึ่งเป็นลูกสาวของอดีตฝ่าบาทหญิงของประเทศเทียนอิง!
หลังจากเห็นหานปู้กางแล้ว
เธอเปลี่ยนสีหน้าที่เย็นชาทันที เดินไปข้างหน้า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าหานปู้กางทันที!
แล้วก้มจูบปลายเท้าของหานปู้กางเบา ๆ ต่อหน้าทุกคน
หลังจากนั้น……
เธอเงยหน้าขึ้นและยิ้มหวาน
“เอลล่าแห่งประเทศเทียนอิง ขอคารวะคุณชายหาน!”
หลังจากได้ยินประโยคนี้
ทุกคนรู้สึกตกตะลึง!
เจ้าหญิงของประเทศเทียนอิง คุกเข่าอยู่บนพื้นแล้วจูบปลายเท้าของหานปู้กางต่อหน้าทุกคน?
นี่มัน……
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
หนุ่มแซ่หานคนนี้ เป็นใครกันแน่?
ทำไมถึงได้มีเกียรติเช่นนี้?
หลังจากหานปู้กางยอมรับการคารวะของเฟ่ย์กงเต๋อและคุณเอลล่าแล้ว สีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลง
ยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า
ราวกับว่าสำหรับเขาแล้ว
เฟ่ย์กงเต๋อ“เทพเฝ้าประตู”ของตี้ตู และเอลล่า เจ้าหญิงแห่งประเทศเทียนอิง ทำความเคารพเขา เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล!
ทันใดนั้น
ภายใต้สายตาของทุกคน
หานปู้กางใช้นิ้วจุ่มเหล้าที่อยู่ในแก้ว แล้วแตะผากของเอลล่า กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ไม่ต้องพิธีรีตอง!”
เอลล่าไม่ได้ลุกขึ้น แต่พนมมือทั้งสองข้าง แล้วมองหานปู้กางเหมือนสาวกที่จงรักภักดี
ยิ้มหวานแล้วตอบกลับ
“เอลล่า ขอบคุณสำหรับคำอวยพรของคุณชายหาน!”
หานปู้กางยิ้ม แล้วส่งแก้วเหล้าที่อยู่ในมือให้เฟ่ย์กงเต๋อ ที่กำลังโค้งตัวอยู่ตรงหน้าซ้ายมือของตนเอง
เฟ่ย์กงเต๋อรับแก้วเหล้าด้วยความเคารพทันที ราวกับว่าเขาได้รับความโปรดปรานจากจักรพรรดิ
“ข้าทาส ขอบคุณสำหรับเหล้ารสเลิศที่คุณชายหานมอบให้!”
หานปู้กางยิ้มเล็กน้อย แล้วไม่สนใจทั้งสองคนอีก หันหลังและเดินไปนั่งตรงที่นั่งแถวขอบเวที
เฟ่ย์กงเต๋อเดินตามไปด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน เหมือนเป็นทาสรับใช้
ส่วนเอลล่ายังไม่ลุกขึ้น แต่คุกเข่าอยู่บนพื้น แล้วคลานตามหลังหานปู้กางไป
จนกระทั่งหานปู้กางนั่งบนเก้าอี้แล้ว เธอถึงเปลี่ยนอิริยาบถ และหมอบอยู่แทบเท้าหานปู้กาง เหมือนสิงโตตัวเมียในร่างมนุษย์
สถานการณ์แบบนี้…..
ทำให้ทุกคน
ตกตะลึงมาก!
ทุกคนกำลังคาดเดา!
ชายหนุ่มแซ่หานคนนี้……
เป็นใครกันแน่?
เมื่อเอลล่า เจ้าหญิงแห่งประเทศเทียนอิงอยู่ต่อหน้าเขาแล้ว ทำไมถึงต่ำต้อยราวกับเป็นทาสเช่นนี้ได้?
ขณะเดียวกัน ที่ปลายพรมแดง ขบวนรถค่อย ๆ มาถึงตามลำดับ
เย่อู๋เทียนนั่งอยู่แถวหลังของรถพาณิชย์ที่ผลิตในประเทศคันหนึ่ง มองไปยังทิศทางของเวทีที่อยู่ระยะไกลผ่านหน้าต่างรถ
พูดให้ถูกก็คือ เขากำลังมองหานปู้กาง
เสิ่นรั่วชิงที่นั่งอยู่ข้างๆ มองหานปู้กางเช่นกัน และอดที่จะสงสัยไม่ได้
“บุคคลนี้คือใคร? ทำไมเมื่อเจ้าหญิงของประเทศเทียนอิงอยู่ข้างเขา ราวกับว่าเธออยู่ข้างฝ่าบาทของประเทศเทียนอิง?”
คนที่มาพร้อมกับพวกเขาสองคน นอกจากจางจิงหลวนและเฉียนเป่ยเฉินแล้ว ยังมีหลี่จื่อฉี เพื่อนสนิทที่โตมาด้วยกันของเสิ่นรั่วชิงอีกด้วย
เมื่อหลี่จื่อฉีได้ยินคำพูดของเสิ่นรั่วชิงแล้ว อดไม่ได้ที่จะยืดตัว แล้วมองไปบนเวทีที่อยู่ในคลับเฮาส์ เมื่อเห็นหานปู้กางที่อยู่บนเวทีแล้ว ใบหน้าที่สวยงามของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“ประธานหาน?”
เย่อู๋เทียนและเสิ่นรั่วชิงมองเธอตามสัญชาตญาณ และกล่าวพร้อมกัน
“ประธานหาน?”
หลี่จื่อฉีอธิบาย
“ก็คือชายหนุ่มสวมชุดทักซิโด้ที่นั่งอยู่บนเวที เขาชื่อหานปู้กาง เป็นประธานบริษัทของพวกเรา เพียงแต่ ปกติแล้วเขาจะไม่เข้ามาบริษัท ฉันเคยเจอเขาแค่ครั้งเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม……เขา……เขามาที่นี่ได้อย่างไร?”
เย่อู๋เทียนอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว
“โอ้ ที่แท้เขาก็คือหานปู้กางนี่เอง!”
เสิ่นรั่วชิงมองเย่อู๋เทียนด้วยความสงสัย และถามว่า
“คุณรู้จักเขาเหรอ?”
เย่อู๋เทียนยิ้ม
“หานตี้ซือบอกว่าผมมาตี้ตูคราวนี้ คนที่ต้องระวังมากที่สุดก็คือหานปู้กางคนนี้!”
สีหน้าของเสิ่นรั่วชิงเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
“เขาแซ่หาน หรือว่าเขาเป็นสมาชิกของตระกูลหานในตี้ตูด้วยเช่นกัน?”
ทันใดนั้น จางจิงหลวนที่รับผิดชอบขับรถ กล่าวอธิบายว่า
“เขาเป็นสมาชิกของตระกูลหานในตี้ตูจริง ๆ แต่ไม่ใช่ตระกูลหานที่พวกคุณรู้จัก แต่เป็น……ตระกูลหานเผ่าโบราณ!”
สีหน้าของเสิ่นรั่วชิงมึนงง
“ตระกูลหานเผ่าโบราณ?”
เย่อู๋เทียนเหลือบมองจางจิงหลวนแวบหนึ่ง
“คุณรู้จักหานปู้กางเหรอ?”
จางจิงหลวนส่ายศีรษะ
“ไม่รู้จัก แต่ฉันเคยได้ยินว่าบุคคลนี้ไม่เคยลงมือเคลื่อนไหว แต่เขาสามารถทำให้กัวเถาจือ……เกรงกลัวได้!”
เย่อู๋เทียนหรี่ตาและยิ้มเบา ๆ
“น่าสนใจ”
จางจิงหลวนอดไม่ได้ที่จะเตือน
“สรุปแล้ว ระวังไว้ดีกว่า! เพราะใครก็ตามที่คบหาสมาคมกับกัวเถาจือ ไม่ใช่คนดีหรอก!”
เย่อู๋เทียนกล่าวว่า
“การที่ผมมาที่นี่คืนนี้ ไม่ได้เป็นเพราะเขา แต่ผมมาเพราะคนของนิกายเทียนอิง!”
จางจิงหลวนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
เสียงแตรรถแสบแก้วหูดังขึ้นมา จากด้านหลังรถพาณิชย์ที่ผลิตในประเทศที่พวกเขานั่งอยู่
จางจิงหลวนหันหลังไปมองตามสัญชาตญาณ
และเห็นว่า
มันเป็นเสียงแตรของรถโรลส์-รอยซ์สีแดง
คนขับเป็นชายหนุ่มที่มีแผลเป็นบนใบหน้า
ขณะนี้
อีกฝ่ายยื่นศีรษะออกมาจากหน้าต่างรถและบีบแตร แล้วตะโกนใส่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของตระกูลซุนที่อยู่ไม่ไกล
“รถสับปะรังเคที่อยู่ข้างหน้าเป็นอะไร?”
“รถที่ผลิตในประเทศ มาขวางทางรถนำเข้าของกู!”
“มันเหมาะสมเหรอ?”