จอมนักรบอหังการ - บทที่ 36 ไอ้เด็กกากอย่างเย่อู๋เทียน จะเขียนได้เหรอ?
จอมนักรบอหังการ บทที่ 36 ไอ้เด็กกากอย่างเย่อู๋เทียน จะเขียนได้เหรอ?
เสิ่นจูนอี๋สับสนอย่างมาก
ไม่เคยรู้สึกเสียใจแบบนี้มาก่อน
ส่วนหนึ่ง เป็นเพราะเย่จื่อหลง
เขาไต่เต้าจนเข้าไปอยู่ในวิหารจอมเทพซึ่งเป็นองค์กรที่แข็งแกร่งที่สุดของโลก!
ถึงแม้ว่าไอ้สารเลวคนนี้จะมีความคิดชั่วๆต่อตัวเธอ!
แล้วเธอจะทำอะไรได้?
และในวันนี้ ตัวเธอก็เหมือนปลาที่อยู่บนเขียง ที่ให้คนสับได้อย่างตามใจชอบ!
อีกส่วนหนึ่ง ก็คือเย๋อู๋เทียน
ตัวเธอนั้นอยากให้เขามีความคิดแบบนั้นกับเธอ
แต่ปัญหามันอยู่ตรงที่……..
ตัวเองถึงขนาดเคยแก้ผ้าตรงหน้าเขาแล้ว แต่เขา!
กลับไม่มีความรู้สึกอะไรเลย ยังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า?
ต่อไป ควรจะทำอย่างไรดี?
ขณะที่ครุ่นคิด ตาของเสิ่นจูนอี๋ก็แดงขึ้นมา
ครั้งนี้ไม่ได้เสแสร้ง
ครั้งนี้เธออัดอั้นตันใจจนถึงที่สุดแล้ว
เสิ่นจูนอี๋ทำได้เพียงมองดูเย่อู๋เทียนที่กำลังดื่มชา
เหมือนกับผู้หญิงที่ทุกข์เพราะสูญเสียสามี
หยางเฟยเอ๋อร์ที่เห็นภาพนี้ แม้จะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น อัตราการเต้นของหัวใจเธอก็ไม่มีท่าทีที่จะลดลง
เสิ่นจูนอี๋เป็นใคร?
อยู่ในโลกของธุรกิจ มีฐานะทางสังคมอย่างไร?
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเย่อู๋เทียน น้อยใจเหมือนกับเด็กน้อยที่ทำผิดแล้วไม่ได้รับการอภัย!
เย่อู๋เทียนเหลือบมองเสิ่นจูนอี๋ไปแวบหนึ่ง น้ำเสียงนั้นเย็นชาอย่างมาก
“ไม่ต้องมาอยู่ตรงนี้ให้ฉันรำคาญ”
เพียงคำเพียงประโยคเดียว ก็ทำให้เสิ่นจูนอี๋ร้องไห้โฮ เอามือปิดหน้าแล้วหันหลัง น้ำตาไหลนอง
เสิ่นจูนอี๋พลางร้องไห้ พลางระบายความอัดอั้นตันใจ
“เย่อู๋เทียนหากพี่บีบบังคับฉันจนตาย พี่ก็จะไม่มีทางมีความสุข!”
“ไม่ว่ายังไง ฉันเป็นน้องเมียของพี่ หากพี่บีบบังคับฉันจนตายไป แม้ต่อหน้าพี่สาวฉันอาจจะไม่พูดอะไร แต่อนาคตก็ต้องมีปมในใจอย่างแน่นอน!”
“พี่จะโหดร้ายแบบนี้ไม่ได้ พี่จะทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้!”
ผู้ชายทั่วไป หากเจอกับสถานการณ์แบบนี้ ไม่มีทางรับมือได้อย่างแน่นอน
มันช่างขายหน้านัก อย่างไรเสียเหวินเติงเจินกับโจวไป๋เซิงทั้งสองท่านก็อยู่ด้วย
เย่อู่เทียนกลับทำหน้าเย็นชาไม่พูดไม่จา
ไม่ได้สนใจเธอเลย
“เย่อู๋เทียน! ต่อให้เป็นหมาตัวหนึ่ง หากร้องไห้ต่อหน้านาย นายก็คงจะลูกหัวมันไม่ใช่เหรอ?!”
“ในสายตานาย หรือว่าฉันยังสู้หมามันไม่ได้?”
หัวใจของเสิ่นจูนอี๋แตกสลายแล้ว
เย่อู๋เทียนยังคงนิ่งเฉย
ในเวลานี้ โจวไป๋เซิงที่นั่งคัดลอกพิมพ์ตัวอักษรที่อยู่บนพื้นอย่างจริงจัง ทันใดนั้นก็มองไปทางเสิ่นจูนอี๋ แล้วดุใส่
“ใครน่ะ มาฟูมฟายตรงนี้ กำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญ! อย่าเพิ่งฟูมฟาย!”
เสียงร้องไห้ของเสิ่นจูนอี๋หยุดไปในทันที
การที่โจวไป๋เซิงหันหน้ามาแบบนี้ เพิ่งจะเห็นเหวินเติงเจิน ก็รีบลุกขึ้นทักทายตามมารยาท
“ท่านเหวิน!”
เหวินเติงเจินเก้อเขินมาก
“ท่านโจว ผม ผมมาทักทายอาจารย์”
อาจารย์?
โจวไป๋เซิงมองไปทางเย่อู๋เทียนอย่างตกตะลึง
“ศิษย์พี่ นี่……….มันเรื่องอะไรกัน?”
เย่อู๋เทียนไม่ได้พูดอะไร
เหวินเติงเจินได้ยินโจวไป๋เซิงเรียกเย่อู๋เทียนว่าศิษย์พี่ ใบหน้าก็ฉงนสงสัย
ไอ้เฒ่าทารกอย่างโจวไป๋เซิง………
ไปเป็นศิษย์น้องของชิงตี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
แต่เมื่อพิจารณาพลังอำนาจของเย่อู๋เทียน เหวินเติงเจินก็รีบคำนับโจวไป๋เซิงกลับ
“อาจารย์อา”
ใบหน้าของโจวไป๋เซิงกระตุกไปหนึ่งที
จิตใจสับสน
หยางเฟยเอ๋อร์ที่อยู่ในที่นี้ จิตใจยิ่งสับสน
ยังดีที่สุขภาพร่างกายของหยางเฟอเอ๋อร์ค่อนข้างที่จะแข็งแรง ไม่เช่นนั้นคงเป็นลมไปแล้ว
คนหนึ่งเป็นอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิของประเทศหลง คนหนึ่งเป็นปรมาจารย์ด้านการเขียนพู่กันจีนของประเทศหลง
แต่ตอนนี้คนหนึ่งกลับเรียกเย่อู๋เทียนว่าอาจารย์ อีกคนหนึ่งเรียกเย่อู๋เทียนว่าศิษย์พี่ เขาพวกบ้าไปแล้วเหรอ!?
แค่เพียงหยิบมือถือออกมาถ่ายภาพนี้เอาไว้ แล้วแชร์ไปบนโลกโซเชียล เชื่อว่าไม่เกินครึ่งชั่วโมง ต้องติดเทรนเวยป๋ออย่างแน่นอน!
หยางเฟยเอ๋อร์รู้สึกอีกครั้ง ว่าตัวเธอนั้นอะไรก็ไม่ใช่
กลับสามารถเห็นภาพนี้กับตา!
เย่อู๋เทียนที่เห็นชายชราทั้งสองคนต่างคนต่างเคารพซึ่งกันและกัน จึงได้เอ่ยเตือนโจวไป๋เซิง
“รีบเร่งมือเถอะ อย่าให้เสียเวลาเลย”
โจวไป๋เซิงเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ก็ถูกเหวินเติงเจินพูดไปก่อน
“ไอ้หยา ก็แค่คัดล็อกพิมพ์ตัวอักษรเอง ไม่จำเป็นต้องให้อาจารย์อาลงมือเองหรอก ให้ผมทำเถอะ ผมเชี่ยวชาญด้านนี้พอสมควร”
โจวไป๋เซิงซึ่งเกรงใจเหวินเติงเจิน แต่เหวินเติงเจินกลับไม่เห็นตัวเองเป็นคนนอก
โจวไป๋เซิงที่จับเอวเอาไว้ ก็ไม่ได้ห้าม จากนั้นก็รินชาให้ตัวเอง แล้วพูดบ่นกับเย่อู๋เทียน
“อายุมากแล้ว แค่ก้มตัวไปแป๊บเดียว กระดูกสันหลังก็เริ่มชาแล้ว!”
เย่อู๋เทียนถามขึ้น
“ต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหนถึงจะเสร็จ?”
โจวไป๋เซิงตอบ
“สิบกว่านาทีมั้ง กำลังเก็บงานแล้ว อ่อ ศิษย์พี่ หิวหรือยัง? ฉันไปทำกับข้าวสักสองอย่าง? เรามาดื่มกันหน่อยมั้ย?”
เย่อู๋เทียนกำลังจะพูด
เสิ่นจูนอี๋ก็เช็ดน้ำตา แล้วยกมือขึ้นอย่างกะทันหัน
“ฉันไปทำเอง เดี๋ยวฉันไปทำมาให้!”
ขณะที่พูด ก็ไม่สนใจว่าเย่อู๋เทียนจะเห็นด้วยหรือไม่ เธอก็รีบไปเตรียมกับแก้มและเหล้าแล้ว
โจวไป๋เซิงที่นั่งอยู่ข้างกายเย่อู๋เทียนแล้ว
เย่อู๋เทียนยื่นมือไปจับชีพจรของเขา แล้วพูดอย่างเรียบเฉย
“ร่างกายของคุณยังดีอยู่ เพียงแต่กระดูกสันหลังไม่ค่อยจะดี เดี๋ยวผมจะจัดยาให้คุณ บำรุงร่างกายสักหน่อย แล้วจะสอนท่าบำบัดให้คุณ” โจวไป๋เซิงก็ยิ้มอย่างดีใจ
“งั้นก็ดีมากเลย ขอบคุณศิษย์พี่”
หยางเฟยเอ๋อร์ที่อยู่ด้านหลังทั้งสองคน
วินาทีนี้ไม่รู้ว่าจะเปิดปากพูดอะไรดี เพื่อให้โจวไป๋เซิงเขียนตัวอักษรให้กับบริษัทของเธอ
ขณะที่กำลังลังเล เย่อู๋เทียนหันกลับไปมองหยางเฟยเอ๋อร์ไปแวบหนึ่ง
“นั่งสิ”
ขณะที่หยางเฟยเอ๋อร์ปลื้มปริ่มนั้น ก็หดหู่ไม่น้อย
ตัวเองนั้นยืนอยู่ตรงนี้เป็นเวลาครึ่งชั่วโมงแล้ว ตอนนี้ถึงให้เธอนั่ง!?
บนโต๊ะมีกระดาษ พู่กันและหมึก
โจวไป๋เซิงที่อารมณ์กำลังสุนทรี
“ใช่แล้ว บริษัทศิษย์น้องต้องการแผ่นตัวอักษรใช่มั้ย พอดีเลย ตอนนี้อุปกรณ์ครบ ฉันกับศิษย์พี่จะเขียนให้เธอคนละหนึ่งแผ่น?”
หัวใจของหยางเฟยเอ๋อร์เต้นเร็วขึ้นในทันที
“มัน…….จะเหมาะสมเหรอ?”
โจวไป๋เซิงที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“มีอะไรไม่เหมาะสมล่ะ ศิษย์พี่ก็พูดไปแล้ว กฎที่ฉันเคยตั้งก่อนหน้านี้ ก็แค่เรื่องพูดเล่น!”
ขณะที่พูด โจวไป๋เซิงก็หันหน้าไปทางเย่อู๋เทียน
“ศิษย์พี่ ไม่เจอกันตั้งหลายปี ประลองกันหน่อยมั้ย?”
เย่อู๋เทียนเห็นโจวไป๋เซิงที่ยุ่งมาทั้งวัน ก็เลยตอบตกลง
หยางเฟยเอ๋อร์รีบฝนหมึกให้ทันที
ปลาบปลื้มใจเป็นอย่างมาก
ปรมาจารย์ด้านพู่กันจีน จะเขียนป้ายตัวอักษรให้กับบริษัทของเธอ
เมื่อย้อนคิด อันนี้ก็ต้องขอบคุณเย่อู๋เทียน!
หากไม่ใช่เพราะเขา โจวไป๋เซิงไม่มีทางลดตัวลงมาแบบนี้?
สำหรับเย่อู๋เทียน………
อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิเรียกเขาว่าอาจารย์ ปรมาจารย์ด้านพู่กันจีนก็เรียกเขาว่าศิษย์พี่
น่าจะเขียนอักษรด้วยพู่กันจีนได้มั้ง?
จะดีหรือไม่ดีก็ว่าไปอย่าง เป้าหมายคือของท่านโจว
หากเย่อู๋เทียนเขียนเป็น……….
กลับไปค่อยนำไปเก็บไว้ในห้องเก็บของ จะได้ไม่ขายหน้า!
หยางเฟยเอ๋อร์ ไม่เชื่ออย่างแน่นอน เด็กกากอย่างเย่อู๋เทียน จะเขียนออกมาได้ดี!