จอมนักรบอหังการ - บทที่ 37 พลัง ดุร้าย!
จอมนักรบอหังการ บทที่ 37 พลัง ดุร้าย!
หลังจากที่เตรียมหมึกและพู่กันเสร็จ
โจวไป๋เซิงถือพู่กันขึ้นมา มองไปทางเย่อู๋เทียน
“ศิษย์พี่ คุณจะเริ่มก่อนหรือว่าให้ฉันเริ่มก่อน?”
เย่อู๋เทียนยิ้มเล็กน้อย
“คุณเริ่มก่อนเลย”
โจวไป๋เซิงหัวเราะ
“ศิษย์พี่มีใจที่อยากจะยอมให้ศิษย์น้อง งั้นต่อจากนี้ ก็อย่ามาหาว่าศิษย์น้องอย่างผมไม่รู้จักปรานีละกัน”
เย่อู๋เทียนหัวเราะ
“เขียนเถอะ ผมอยากจะดูว่าหลายปีมานี้คุณพัฒนาขึ้นบ้างมั้ย”
หยางเฟยเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ก็ยิ้มเยาะไปหนึ่งที
แม่ง ยังคุยโวโอ้อวดไม่พออีก
จะดูว่าหลายปีมานี้ฝีมือขดงโจวไป๋เซิงพัฒนาขึ้นมั้ย?
หน้าอย่างนายก็พูดออกมาได้!
คุยโวโอ้อวด อย่างไร้ยางอาย!
โจวไป๋เซิงเก้อเขินเล็กน้อย
ศิษย์พี่ยังคงเหมือนเมื่อเจ็ดปีก่อน บ้าคลั่งไม่เปลี่ยน
ทันใดนั้น สีหน้าของโจวไป๋เซิงก็จริงจังขึ้นมา
ทำท่าทางขึงขัง ลีลาพลิ้นไหว แล้วเขียนอักษรสี่ตัวลงบนกระดาษฟาง!
ต้า-จ่าง-หง-ถู(เจริญก้าวหน้า)!
ลายอักษรที่ทรงพลัง มีชีวิตชีวาและความขลัง
ช่องว่างระหว่างตัวอักษร ราวกับว่าเป็นการผสมผสานระหว่างมนุษย์และสวรรค์
เขียนตัวอักษรได้อย่างวิจิตรงดงาม แสดงออกมาได้อย่างไร้ที่ติ
หลังจากวางพู่กันลงแล้ว โจวไป๋เซิงก็ได้สำรวจผลงานของตัวเองอีกรอบ
ครบถ้วนจบในรวดเดียว!
สามารถพูดได้ว่าเป็นผลงานที่สมบูรณ์แบบ!
หยางเฟยเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างดูอย่างไม่กะพริบตาเลย
เห็นตัวอักษรบนกระดาษฟาง หัวใจก็เต้นรัว แม้เธอจะไม่มีความรู้เรื่องพู่กันจีนมากนัก แต่ก็สามารถดูออก
ตัวอักษรของท่านโจวนี้!
มีค่ากว่าสิบล้าน!
งานเขียนศิลปะพู่กันจีนของท่านโจว ถือเป็นผลงานชั้นยอดของตระกูลโจว!
อีกอย่าง หลังจากที่ท่านโจวถือพู่กันขึ้นมาแล้ว ระหว่างนั้นไม่ได้หยุดเลย เห็นได้ชัดว่าเกิดจากการฝึกฝนจนชำนาญ!
ราวกับมีพลังลับช่วยเหลือ!
เมื่อโจวไป๋เซิงได้หยิบตราประทับของเขาออกมา ประทับลงไปบนกระดาษฟาง
หยางเฟยเอ๋อร์ยิ่งตื่นเต้นจนเกือบจะเป็นลม
สิ่งที่เห็นไม่ใช่ตัวอักษรที่เขียนด้วยพู่กันจีน?
แต่มันคือเงิน!
ตัวอักษรแผ่นนี้ หากขายในราคายี่สิบล้าน ยังมีแย่งกันซื้อเลย!
เมื่อประทับตราเสร็จ โจวไป๋เซิงก็มองไปยังเย่อู๋เทียนอีกครั้ง
“ศิษย์พี่ ฝีมือฉันถดถอยไปมั้ย?”
เย่อู๋เทียนไม่ได้วิจารณ์ เพียงแค่ยิ้มๆ
หยางเฟยเอ๋อร์เห็นท่าทางของเย่อู๋เทียน อดไม่ได้ที่จะด่าในใจ
อวดดี!
อวดดีต่อไป!
เดี๋ยวก็ถึงเวลาขายหน้าของนายแล้ว!
โจวไป๋เซิงเห็นเย่อู๋เทียนไม่พูด ก็อึ้งไปนิ่งครู่หนึ่ง
“ทำไม ไม่เข้าตาศิษย์พี่เหรอ? งั้นฉันจะฉีกทิ้งแล้วเขียนใหม่!”
คำพูดนี้ ทำให้หยางเฟยเอ๋อร์ร้อนรนในทันที
ฉีกแล้วเขียนใหม่?
นี่มันก็ดีแล้วนะ!
แม้ว่าหยางเฟยเอ๋อร์จะร้อนรนมากขนาดไหน ก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปเอากระดาษฟางมา
หากเข้าไปเอาตอนนี้ ไม่เท่ากับไปแย่งเหรอ?
เพียงครู่เดียว หยางเฟยเอ๋อร์ก็ตื่นเต้นจนถึงขีดสุด
เวลานี้ เหวินเติงเจินกับฉู่เหวินเต้าก็ได้พิมพ์เก็บลายอักษร “สถาบันเจิ้นกั๋ว”เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เหวินเติงเจินก็กรูเข้ามา
หลังจากทราบเรื่องแล้ว ก็ได้มาติชม “ต้า-จ่าง-หง-ถู(เจริญก้าวหน้า)”ตัวอักษรสี่ตัวที่โจวไป๋เซิงเขียน
พูดเพียงคำเดียว
“ฝีมือเข้าข้างเทพ!”
โจวไป๋เซิงก็หัวเราะร่าในทันที
“ได้รับการยอมรับจากอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ ฉันโจวไป๋เซิง ไม่ได้ใช้เวลาไปอย่างเปล่าประโยชน์จริงๆ!”
เหวินเตงเจินรีบพูดอย่างถ่อมตัว
“อาจารย์อาก็ถ่อมตัวเกินไปแล้ว”
โจวไป๋เซิงที่โบกมือห้าม
“ไอ้หยา อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิช่างให้เกียรติคนรุ่นหลังเหลือเกิน เรื่องของวัยวุฒิ ท่านอาจารย์ก็อยากได้เอ่ยถึงอีกเลย เดี๋ยวมันจะทำให้ผมอายุสั้น!”
เหวินเติงเจินก็รู้สึกคันมือขึ้นมา ถือพู่กันขึ้นมาแล้วยิ้ม
“ผมก็เขียนสักใบ?”
โจวไป๋เซิงหัวเราะ
“งั้นก็ดีมากเลย”
เหวินเติงเจินเหลือบมองไปทางเย่อู๋เทียนที่นั่งเงียบอยู่แวบหนึ่ง
คิดในใจ
ด้านฐานะ นายเหนือกว่าฉัน
ด้านศิลปะกันต่อสู้ นายคือที่หนึ่งในใต้หล้า
ด้านศิลปะพู่กันจีน นายรอดูเลย ฉันเหล่าเหวินก็มีของอยู่บ้างเหมือนกัน
หยางเฟยเอ๋อร์เห็นเหวินเติงเจินถือพู่กันขึ้นมา เธอเหมือนกับว่าได้ลืมหายใจไปแล้ว หลังจากที่ได้สติ ก็รีบพูดขึ้น
“เย่อู๋เทียน อย่างนี้ดีมั้ย เทียน-เต้า-โฉ่ว-ฉิง (ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น) สี่ตัวอักษรนี้ นายก็ให้อาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิเขียนดีมั้ย?”
“วันนี้………นายไม่ต้องเขียนแล้ว”
หยางเฟอร์เอ๋อร์รู้สึกว่า ตัวเองนั้นก็เพราะหวังดี
อยากจะหาทางลงให้กับเย่อู๋เทียน
ไม่อย่างนั้น หากให้เย่อู๋เทียนเขียนหนังสือ ไม่เท่ากับให้ด้วงกว่างไปกลิ้งขี้เหรอ?
ไม่ต้องพูดถึงความอัปยศ ที่สำคัญคือมันจะขายขี้หน้าต่อหน้าท่านเหวินและท่านโจว
ยังไงก็เป็นเพื่อนสมัยเรียน อะไรที่ควรช่วยเหลือก็ควรช่วยหน่อย
แล้วมองไปที่เย่อู๋เทียนอีกครั้ง สีหน้ายังคงปกติ ยิ้มเล็กนอ้ย แล้วพูดกับเหวินเติงเจินไปหนึ่งคำ
“เทียน-เต้า-โฉ่ว-ฉิง (ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น) ก็ให้คุณเขียนเลย”
หยางเฟยเอ๋อร์ที่ได้ยินคำพูดนี้ หนังตากระตุกไปหนึ่งที
เย่อู๋เทียนแม้จะอวดดี แต่ยังพอรู้สถานการณ์ในตอนนี้ ยังพอมีกาลเทศะอยู่บ้าง
เหวินเติงเจินกลับหัวเราะ
และไม่ได้พูดมาก
ถือพู่กันขึ้นมา ก็เขียนอักษรสี่ตัวให้เสร็จในรวดเดียวเช่นกัน ลายมือว่องไวทรงพลัง
เทียน-เต้า-โฉ่ว-ฉิง (ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น)
มีความวิจิตรงดงาม กินกันไม่ลงกับโจวไป๋เซิง
ฝีมือสูสี
แต่เมื่อพิจารณาถึงสถานะของเหวินเติงเจินในประเทศหลง………
หยางเฟยเอ๋อร์แทบจะหายใจไม่ออกแล้วจริงๆ!
อักษรใบนี้ของอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ มีมูลค่ากว่าร้อยล้าน ไม่แน่สามร้อยล้านก็ยังมีคนซื้อเลย!
อันนี้มันอักษรพู่กันจีนที่ไหนกัน?
มันคือการให้เกียรติของอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิต่างหาก!
หากได้อักษรใบนี้ ก็จะได้หน้าที่ใหญ่เท่าฟ้า!
และเมื่อเหวินเติงเจินได้หยิบตราประทับของเขาออกมา ประทับลงไปบนกระดาษ พูดไปเพียงประโยคเดียว
ทำให้หยางเฟยเอ๋อร์รู้สึกลอยขึ้นไปในอากาศ
“สาวน้อย ในเมื่อเธอเป็นเพื่อนนักเรียนของอาจารย์ของฉัน อักษรใบนี้ ก็ถือเป็นของขวัญสำหรับการพบหน้าละกัน”
หยางเฟยเอ๋อร์ตื่นเต้นจนพูดไม่ออก
ดิ้นรนต่อสู้มาทั้งชีวิต
มันยังเทียบไม่ได้กับราคาของตัวอักษรใบนี้ของท่านเหวินเลย!
อีกอย่าง ยังมีของท่านโจวอีกใบด้วย
ไอ้เด็กกากอย่างเย่อู๋เทียน ถือเป็นผู้มีคุณในชีวิตนี้ของเธอเลย!
ต้องเลีย!
หากไม่ใช่เพราะเขา ตัวเองจะโชคดีขนาดนี้เหรอ?
ด้านโจวไป๋เซิง
หลังจากที่มองสำรวจตัวอักษรของเหวินเติงเจินแล้ว
ก็ให้คำติชมไปหนึ่งคำ
“แม้จะแก่แต่ก็มากประสบการณ์ ความทะเยอทะยานไม่ลดน้อยลงไป อักษรใบนี้ของท่าน เป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมมาก!”
เหวินเติงเจินอารมณ์ดีมาก หัวเราะเสียงดัง
“อาจารย์อาชมเกินไปแล้ว!”
เพิ่งจะพูดจบ เหวินเติงเจินก็กางกระดาษฟางออก แล้วนำพู่กันไปจุ่มหมึก จากนั้นมองไปทางเย่อู๋เทียน พูดด้วยน้ำเสียงที่ลำพองใจเล็กน้อย
“จะสามารถ สอนฉันโดยไม่หวงวิชาได้มั้ย?”
ครั้งนี้ เหวินเติงเจินไม่ได้เรียกเย่อู๋เทียนว่าอาจารย์
เห็นได้ชัดว่า เหวินเติงเจินมีความฮึกเหิม
อยากที่จะเก่งกว่าเย่อู๋เทียนในด้านพู่กันจีน
เย่อู๋เทียนลังเลไปครู่หนึ่ง ก็รับพู่กันมา แล้วตอบรับ
“ก็ได้”
หยางเฟยเอ๋อร์เห็นแล้ว ก็บ่นพึมพำในใจ
เย่อู๋เทียนนะเย่อู๋เทียน นายยังกล้ารับพู่กันนะ นายไม่กลัวหนังหน้าของนายจะตกสู่พื้นหรือไง?
เหวินเติงเจิน ไจวไป๋เซิง ฉู่เหวินเต้า ทุกคนต่างก็มองไปทางเย่อู๋เทียน
พวกเขาเข้าใจว่า
เย่อู๋เทียน แม้เขาจะพอมีพื้นฐานการเขียนอยู่บ้าน แต่ เขาก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้
แต่เมื่อเห็นพฤติกรรมต่อจากนี้ของเย่อู๋เทียน
ทุกคนล้วนเงียบกันหมด
แสงแดดที่สวยงามในฤดูใบไม้ผลิต สายลมพัดผ่านเบาๆ
เย่อู๋เทียนที่เอามือไขว้ไว้ที่ข้างหลังข้างหนึ่ง ก็เริ่มตวัดพู่กันลงบนกระดาษฟาง ได้เขียนอักษรห้าตัว!
ผง-เฉิง-จิ่ว-หว่าน-หลี่(อนาคตก้าวไกล)!
หลังจากที่วางพู่กันลงแล้ว เหวินเติงเจินก้บโจวไป๋เซิง ลูกตาแทบถลนออกมา
นี่……..
นี่มันใช่แค่ลายมือที่พลิ้วไหวทรงพลังที่ไหนกัน?
มันคือการใช้ตัวอักษรบรรยายความรู้สึก นอกจากวิจิตรงดงามแล้ว เหมือนได้รวบรวมความสวยของจักรวาลเอาไว้เลย!
ยิ่งดูยิ่งช็อก!
ยิ่งดูยิ่งทำให้คนคาดไม่ถึง
เพียงพริบตาเดียว เหวินเติงเจิน โจวไป๋เซิงทั้งสองคน ต่างก็ตัวสั่น
ฉู่เหวินเต้าและหยางเฟยเอ๋อร์
คนแรกแม้จะมีพรสวรรค์ด้านการเขียนพู่กันจีน แต่ก็มองไม่ออกถึงความหมายที่แท้จริง
การฝึกฝนยังไม่ชำนาญและไม่ถึงขั้น
หยางเฟยเอ๋อร์นั้นงงเป็นไก่ตาแตก
แม้จะรู้สึกว่าตัวหนังสือของเย่อู๋เทียนยิ่งดูยิ่งมีความวิจิตรงดงาม แต่กลับเหมือนคนนอกสาขาวิชาชีพที่เจอเข้ากับของแท้ กลับไม่รู้สึกถึงความเก่งกาจเลยแม้แต่นิดเดียว
ภาพที่ต่อจากนี้ กลับทำให้หยางเฟยเอ๋อร์หวาดกลัวราวกับเห็นผี
ในขณะที่พวกเขากำลังมองดูห้าตัวอักษรที่เขียนโดยเย่อู๋เทียนอยู่นั้น
เสียงร้องของนกอินทรีดังขึ้นหนึ่งที!
ดังมาจากท้องฟ้า
ทุกคนเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเงาดำพุ่งบินเข้ามา
มันคือนกอินทรีเผือกขนาดใหญ่ที่บินอยู่เหนือเทือกเขาหิมาลัยเป็นเวลาเจ็ดปี ก่อนที่เย่อู่เทียนจะกลับมา!
ตอนที่เย่อู๋เทียนกลับมา ก็ได้ขี่นกอินทรีเผือกตัวนี้กลับมาด้วย
นกอินทรีเผือกเลือกเย่อู่เทียนเป็นาย
เย่อู่เทียนอยู่
นกอินทรีเผือกก็อยู่
นกอินทรี คือเจ้าแห่งนก เจ้าแห่งเวหา!
ครุฑ ลงน้ำก็จะกลายเป็นคุน(สัตว์ในตำนาน มีรูปร่างคล้ายปลา) เมื่อออกจากน้ำก็จะเป็นครุฑ สามารถบินผ่านก้อนเมฆ แบบท้องฟ้าสีครามเอาไว้ ลุยน้ำได้สามพันลี้ บินได้เก้าพันไมล์!
ห้าตัวอักษรที่เย่อู๋เทียนเขียน
เผิง-เฉิง-จิ่ว-หว่าน-หลี่(อนาคตก้าวไกล)!
เผิงตัวอักษรนี้ สามารถดึงดูดให้เจ้าแห่งเวหามากราบ!
พลัง ดุร้าย !