จอมนักรบอหังการ - บทที่ 370 อะไรคือบดขยี้ อะไรคือมด นี่ก็คือ
จอมนักรบอหังการ บทที่ 370 อะไรคือบดขยี้? อะไรคือมด? นี่ก็คือ!
“อืม?”
ความสงสัยดังกล่าว สะท้อนอยู่ในสมองของหานจื่อคุน
หานจื่อคุนไม่อยากจะเชื่อว่า กระบี่ฝนของตนเองที่พุ่งไปหาเย่อู๋เทียนเมื่อสักครู่ ไม่สามารถทำร้ายเย่อู๋เทียนได้
“ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นได้?”
หานจื่อคุนกล่าวโพล่งออกมา
ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่น้ำเสียงของเขาก็ไม่ได้มีความตกใจมากนัก
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการยอมรับความแข็งแกร่งของตนเอง
เขามีชีวิตอยู่เกือบร้อยปี
ถึงแม้ว่าเขาจะทะลวงพันธนาการของตันสวรรค์ ตอนที่เขาอายุยี่สิบสามปี แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้เขากลายเป็นคนโดดเด่นแล้ว!
หลังจากอายุยี่สิบสาม……
หานจื่อคุนไม่หยุดนิ่งเหมือนหานปู้กาง
ตรงกันข้าม กลับก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว!
เมื่อเขาอายุสี่สิบปี เขาบรรลุถึงแดนสามตันรวมจิต!
ขอถามว่าในโลกใบนี้ มีนักบู๊กี่คนที่สามารถทำได้?
เมื่อเป็นเช่นนั้น ตามคำกล่าวของหานปู้กางแล้ว เย่อู๋เทียนทะลวงพันธนาการของตันสวรรค์แล้ว
แต่สำหรับหานจื่อคุนแล้ว
ฝีมือของเย่อู๋เทียน เพียงแค่เท่านั้น
ตอนนี้ เขาสงสัยเพียงแค่เรื่องเดียวเท่านั้น
ก่อนหน้านั้น เขาได้ยินคนรับใช้บอกว่า เพื่อช่วยชีวิตเด็กทารกสี่สิบเก้าคนที่ถูกฮุ่ยกวงลักพาตัวไป ทำให้พลังบำเพ็ญของเย่อู๋เทียนลดลง!
ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว……
ความแข็งแกร่งของเย่อู๋เทียน อย่างน้อยลดลงเหลือกึ่งตันสวรรค์ถึงจะถูก!
และถ้าพลังบำเพ็ญของเย่อู๋เทียนเป็นเพียงกึ่งตันสวรรค์เท่านั้น
ถ้าเช่นนั้น เป็นไปไม่ได้ที่หลังจากเขาถูกตนเองโจมตีแล้ว เขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลย!
เมื่อคิดเช่นนั้น หานจื่อคุนขมวดคิ้ว มองเย่อู๋เทียนโดยไม่กะพริบตา แล้วถามอีกครั้ง
“คุณทำได้ยังไง?”
เย่อู๋เทียนมองหานจื่อคุนด้วยความเหยียดหยาม หัวเราะเยาะและกล่าวว่า
“ความจริงแล้ว ผมชื่นชมคุณมาก คุณอ่อนแอเหมือนวัชพืช แต่นั่งอยู่ตรงนี้เหมือนต้นไม้สูงตระหง่าน!”
หานจื่อคุนหัวเราะเสียงดังเช่นกัน
“คุณคงไม่คิดว่าฝีมือเล็กน้อยที่ผมแสดงเมื่อสักครู่ ไม่สามารถทำร้ายคุณได้ คุณก็คิดว่าผมเป็นคนอ่อนแอ?”
“ผมแค่รู้สึกแปลกใจ คุณสูญเสียพลังบำเพ็ญจากการช่วยคนไม่ใช่เหรอ? แต่ตอนนี้ ทำไมพลังบำเพ็ญของคุณถึงไม่ลดลงเลย?”
เย่อู๋เทียนไม่อยากพูดไร้สาระกับหานจื่อคุน
เดินไปอยู่หน้าหานจื่อคุนเหมือนเดินเล่น แล้วยื่นมือไปจับคอของหานจื่อคุน
การกระทำของเย่อู๋เทียนนั้นไม่รีบร้อน
หานจื่อคุนขมวดคิ้ว แล้วปล่อยหมัดไปที่เย่อู๋เทียน
แต่เมื่อหมัดของเขาปะทะร่างกายของเย่อู๋เทียนแล้ว เหมือนกับเด็กทารกปล่อยหมัดใส่ผู้ใหญ่เท่านั้น
เขาโจมตีถูกตัวเย่อู๋เทียน
เพียงแต่……
แล้วมันจะเจ็บเหรอ?
และขณะที่หมัดของหานจื่อคุนปะทะร่างกายของเย่อู๋เทียน มือของเย่อู๋เทียนก็จับคอของหานจื่อคุนแล้วเช่นกัน
เย่อู๋เทียนไม่ได้ออกแรง ดูเหมือนเขาแค่จับเบา ๆ เท่านั้น
แต่ลำคอของหานจื่อคุนเล็กลงทันที
ราวกับฟองน้ำทรงกระบอก ถูกมือใหญ่จับไว้แน่น
สถานการณ์ก็เป็นสถานการณ์แบบนี้
ความหมายก็เป็นความหมายแบบนี้
เย่อู๋เทียนจับคอหานจื่อคุนไว้แน่น
สีหน้าของหานจื่อคุน
กลายเป็นสีม่วงคล้ำ
ลูกตาโผล่ออกมาจากเบ้าตา
สายตาที่หานจื่อคุนมองเย่อู๋เทียน ไม่มีอาการตื่นตระหนกหรือหวาดกลัว
มีเพียงลูกตาโผล่ออกมาจากเบ้าตาของหานจื่อคุนเท่านั้น
ถึงแม้หานจื่อคุนอยากสื่อสายตาอะไร……
ก็ไม่มีทางแล้ว
เขาไม่มีความสามารถนั้นอีกแล้ว
และขณะนี้ เย่อู๋เทียนมองหานจื่อคุนด้วยสีหน้าราบเรียบ และกล่าวว่า
“ผมยังไม่ได้ออกแรง”
แต่หานจื่อคุนก็หายใจไม่ออกแล้ว
ตอนนี้ หานจื่อคุนมีความรู้สึกเดียว ไม่ว่าหัวใจของเขาจะเต้นเร็วแค่ไหน ก็ไม่สามารถส่งเลือดไปเลี้ยงสมองได้!
เย่อู๋เทียนคลายมือออกจากคอของหานจื่อคุน
ไม่ใช่ว่าเขาใจอ่อน
เพราะเย่อู๋เทียนแค่จับคอของหานจื่อคุนเบา ๆ เขาก็แสดงท่าทางเหมือนกำลังจะตาย
เมื่อเป็นเช่นนั้น หานจื่อคุนจะพูดออกมาได้อย่างไร?
หลังจากเย่อู๋เทียนปล่อยมือที่จับคอของหานจื่อคุนแล้ว หานจื่อคุนก็ทรุดตัวลงบนพื้นด้วยท่าทางน่าสังเวช
วิทยายุทธของเขายังอยู่
แต่เขาไม่กล้าแสดงออกมาอีก
สีหน้าของหานจื่อคุนยังคงม่วงคล้ำ
เขาคุกเข่าอยู่บนพื้น และหายใจหอบ
การที่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไป เป็นเรื่องที่ดีมาก
ขณะนี้ เย่อู๋เทียนนั่งอยู่บนม้านั่งหินแล้ว
เสิ่นรั่วชิงที่ยืนอยู่ไม่ไกล
ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
เธอนึกไม่ถึงว่า
ตอนนี้สามีของตนเอง จะเก่งขนาดนี้
เย่อู๋เทียนเหลือบมองเสิ่นรั่วชิง
“ไปต้มบะหมี่เถอะ ผมหิวแล้ว”
เสิ่นรั่วชิงถึงได้สติกลับมา หันหลังแล้วเดินไปที่ห้องครัว
ตอนนี้ภายในศาลา เหลือเพียงเย่อู๋เทียนและหานจื่อคุนสองคนเท่านั้น
ฝนยังคงตก
เสียงฟ้าร้องและฟ้าผ่าอยู่บนท้องฟ้าอย่างต่อเนื่อง
เมื่อก่อน เย่อู๋เทียนกลัวสายฟ้าเล็กน้อย
กังวลว่าสายฟ้าจะผ่ามาที่ร่างกายของตนเอง
แล้วร่างกายของตนเองจะไม่สามารถทนรับได้
ดังนั้นเขาจึงใช้วิธีลับปกปิดพลังบำเพ็ญของตนเองเอาไว้
ไม่ให้สวรรค์รู้
ตอนนี้……
ถึงแม้ว่าจะเป็นสายฟ้า ก็ต้องอ้อมร่างกายของเย่อู๋เทียน
ถึงแม้เย่อู๋เทียนจะนั่งอยู่บนม้านั่งหิน แต่เขายังคงมองหานจื่อคุนที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นด้วยสายตาเหยียดหยาม
ในที่สุด หานจื่อคุนก็รู้สึกดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม……
หานจื่อคุนไม่ได้ลุกขึ้น แต่คุกเข่าอยู่ข้างเท้าของเย่อู๋เทียน ไม่กล้าเงยหน้ามองเย่อู๋เทียนอีก
เย่อู๋เทียนกล่าวช้า ๆ
“ตอนแรกผมคิดว่าคุณแตกต่างกับมด แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าคุณกับมดไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย”
“ปกติผมจะเดินอ้อมมด ไม่ได้เป็นเพราะกังวลว่าจะเหยียบพวกมันตาย เพียงแค่กลัวจะไปบังแสงของมดเท่านั้น”
“เพราะมดธรรมดาพวกนั้น ไม่ทำร้ายคน”
“แต่คุณแตกต่างจากมดพวกนั้น รูปร่างของคุณเหมือนคน แล้วยังสามารถทำร้ายคนได้อีก!”
“ถ้าฆ่าคุณตาย เกรงว่าจะทำให้มือและลานบ้านนี้สกปรก ถ้าไม่ฆ่าคุณ ก็จะไม่สามารถแกแค้นให้น้องสาวของผมได้!”
“บังเอิญ คุณเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ ช่วยผมแสดงความคิดเห็นหน่อยว่าจัดการเรื่องนี้อย่างไร?”
ขณะที่เย่อู๋เทียนพูดประโยคนี้ ด้วยน้ำเสียงที่มีความรู้สึกเหมือนปรึกษาหารือ แต่เมื่อหานจื่อคุนได้ยินแล้ว เหมือนยมบาลกำลังพูดกับตนเอง อยู่ต่อหน้าเขา
ราวกับว่ายมบาลกำลังปรึกษาหารือกับมด ว่าจะให้มดไปอยู่ที่นรกขุมไหน?
แต่ปัญหาคือ……
ไม่ว่าจะเป็นนรกขุมไหน มดตัวนี้ก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปด้วยซ้ำ!
เมื่อก่อน หานจื่อคุนเป็นผู้ช่วยฝึกสอนวิทยายุทธของหานจื่อฉี ผู้นำแห่งตระกูลหานเผ่าโบราณ
จนถึงตอนนี้ สถานะของเขายังไม่เปลี่ยน
ปกติแล้ว เมื่อหานจื่อฉีประมือกับหานจื่อคุน หานจื่อคุนสามารถรับได้ประมาณร้อยกระบวนท่า
หานจื่อฉีสามารถฆ่าหานจื่อคุนตายได้
ส่วนหานจื่อคุนสามารถทำให้หานจื่อฉีได้รับบาดเจ็บ
ตอนนี้ดูเหมือนว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเย่อู๋เทียนแล้ว เขาเป็นเหมือนมดตัวหนึ่งเท่านั้น
ถึงแม้ว่ามดจะพูดภาษาคนได้ แต่เมื่อมดทำให้ยมบาลโกรธ แล้วมดยังจะกล้าพูดภาษาคนอีกเหรอ?
ไม่กล้า
ขณะนี้ หานจื่อคุนสั่นไปทั้งตัว
ไม่กล้าพูด
ไม่กล้าคิด
ไม่กล้าแม้กระทั่งหายใจ
หวาดกลัว
เมื่อเย่อู๋เทียนเห็นหานจื่อคุนไม่กล้าแม้แต่จะพูด เขาเตือนเบา ๆ
“ผมกำลังถามคุณอยู่”
“ช่วยผมคิดหน่อยว่าผมควรจัดการคุณอย่างไร?”