จอมนักรบอหังการ - บทที่ 389 ไม่ต้องกังวล ฉันห้ามเลือดให้แก พวกเรามาต่อกันเถอะ 1
จอมนักรบอหังการ บทที่ 389 ไม่ต้องกังวล ฉันห้ามเลือดให้แก พวกเรามาต่อกันเถอะ! 1
เมื่อได้ยินเสียงสะอื้นของเฉิงโม่หนง เย่อู๋เทียนนิ่งไปเล็กน้อย และถามประโยคหนึ่ง
“เธอเป็นอะไร?”
เฉิงโม่หนงที่ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง และตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“เพราะว่าฉันก็กำลังคิดถึงนายเหมือนกันอยู่นะสิ”
เย่อู๋เทียนก็นิ่งไปครู่หนึ่ง และพูดด้วยรอยยิ้ม
“ฉันมาที่ตี้ตูแล้ว และยังตามหาวัตถุชิ้นเล็กชิ้นหนึ่งพบด้วย ฉันจะไปหาเธอพรุ่งนี้ มอบมันให้กับเธอ”
เฉิงโม่หนงกลับพูดว่า
“ค่อยคุยกันเถอะ หลายวันนี้……ฉันอาจจะยุ่งมาก ไม่มีเวลาไปเจอนาย”
เย่อู๋เทียนยิ้มเล็กน้อย
“ยุ่งงานของเทียนจวิน กรุ๊ปเหรอ? ฉันคิดว่าเธอก็ทำงานหนักมาหลายปีแล้ว ปล่อยวางงานบ้างดีกว่า พักผ่อนช่วงหนึ่ง”
โดยไม่คาดคิด ทันทีที่คำเหล่านี้จบลง น้ำเสียงที่ไม่พอใจของเฉิงโม่หนงก็ดังมาจากอีกฝั่งหนึ่ง
“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่เต็มใจทำงานหนักเพื่อนาย? เทียนจวิน กรุ๊ปเป็นเหมือนลูกของฉันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นายบอกว่าจะเอากลับไปก็เอากลับไปงั้นเหรอ?”
“……”
เย่อู๋เทียนนิ่งไป พูดไม่ออกชั่วขณะ
ต่อจากนั้น ก็ไม่ได้พูดอะไรกับเย่อู๋เทียนอีก เฉิงโม่หนงที่ปลายสาย ก็วางสายโทรศัพท์ไป
ตามด้วยเสียงวางสายตู๊ดๆดังอยู่ที่ข้างหู เย่อู๋เทียนดูมึนงง และพึมพำกับตัวเอง
“โตขนาดนี้แล้ว ทำไมยังเหมือนเด็กอีก?”
หานลั่วเฟยที่ตามอยู่ข้างหลังของเย่อู๋เทียนได้ยินคำพูดนี้ ในใจยิ่งรู้สึกสงสัยมากขึ้น
ผู้หญิงที่โทรหาเย่อู๋เทียน เป็นใครกันแน่?
ทำไมเย่อู๋เทียนต้องเอาใจเธอมากขนาดนี้ด้วย?
ในเวลาเดียวกัน กลับมองไปที่เฉิงโม่หนงที่นอกประตูวิลล่าว่อหลงเธอเก็บโทรศัพท์ไว้แล้ว
บนใบหน้าที่งดงามบอบบาง กลับมีความอ้างว้างไม่สิ้นสุด
เฉิงจิ้นซองที่อยู่ข้างๆแสยะยิ้ม
“เย่อู๋เทียนจะทวงอำนาจของเธอคืน ยังพูดจาได้ดูดีขนาดนี้ ดูเหมือนว่า เธออยู่ในสายตาของเขา จะไร้ค่าจริงๆ!”
เฉิงโม่หนงมองดูเฉิงจิ้นซองอย่างเยือกเย็นแวบหนึ่ง และพูดประโยคหนึ่ง
“ความสัมพันธ์ของฉันกับเขา ไม่ใช่ว่าคุณเฉิงจิ้นซองสามารถที่จะเข้าใจได้?”
เฉิงจิ้นซองขมวดคิ้วเล็กน้อย ค่อนข้างคาดไม่ถึงว่า เฉิงโม่หนงจะกล้าเรียกชื่อของตัวเองตรงๆ!
เฉิงจิ้นซองยกมือขึ้นตบหน้าเฉิงโม่หนงหนึ่งฉาด
เพียงแต่ว่า เพิ่งจะยกมือขึ้นมา กลับยังไม่ได้ตบลงไป
เฉิงจิ้นซองหัวเราะอย่างชั่วร้าย
“ใบหน้าของแก ฉันไม่ตบตอนนี้หรอก! เดี๋ยวเจอกับนายท่านหาน ฉันจะบอกกับเขาอย่างแน่นอน ก็บอกว่า แกกับผู้ชายที่ชื่อเย่อู๋เทียน มีความสัมพันธ์ลับๆล่อกัน ฉันเชื่อว่า นายท่านหานจะต้องตามหาเย่อู๋เทียน และสั่งสอนเขาอย่างหนักๆ!”
ความเศร้าโศกประกายสะท้อนในดวงตาของเฉิงโม่หนง
ในเวลานี้ เฉิงเฟยหูซึ่งอยู่ข้างหลังทั้งสองคน พูดกับเฉิงโม่หนงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“โทรศัพท์ก็โทรแล้ว สิ่งที่ควรพูดก็พูดแล้ว เข้าไปกันเถอะ เดี๋ยวหลังจากที่เจอกับนายท่านหาน ถ้ากล้าร้องไห้อีก……ก็รับผิดชอบผลที่ตามด้วยตัวเอง!”
เฉิงโม่หนงหันหน้ามองไปทางเฉิงเฟยหูแวบหนึ่ง กัดฟัน และพูดอย่างแผ่วเบา
“ปู่คะ ถ้าคืนนี้หนูเข้าประตูนี้ไป ถ้าอย่างนั้น หนูกับตระกูลเฉิง ก็ตัดขาดเยื่อใยกัน หนูเฉิงโม่หนง หลายปีมานี้แม้ว่าจะได้รับความกรุณาพระคุณในการเลี้ยงดูของตระกูลเฉิงของพวกท่าน แต่ ควรที่จะตอบแทน ก็ตอบแทนไปตั้งนานแล้ว!”
“หนูคิดว่า เรื่องนี้ท่านน่าจะรู้ดียิ่งกว่า หลายปีมานี้ ถ้าตระกูลเฉิงไม่มีหนู เป็นแค่ตระกูลชนชั้นสองเท่านั้นเอง เฉิงซื่อ กรุ๊ป ก็ยิ่งไม่มีทางเจริงรุ่งเรืองอย่างวันนี้!”
เมื่อคำพูดนี้จบลง
เฉิงเฟยหูหรี่ตาทั้งสองข้าง และหัวเราะเยาะ
“แกคิดว่าแกสำคัญกับตระกูลเฉิงเหรอ? ปีนั้นฉันกับเฉิงจิ้นซองเก็บแกกลับมา นั่นเป็นความกรุณาธิคุณ สำหรับแกแล้ว ตอนนี้ แกกล้าดียังไงพูดจากับฉันแบบนี้?”
ใบหน้าของเฉิงโม่หนงซีดเซียวราวกับกระดาษ แต่กลับไม่ได้พูดอะไรอีก
ยกขาก้าวเข้าสู่วิลล่าว่อหลง
ไปครั้งนี้
ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ไม่ได้อยู่ในขอบเขตการพิจารณาของเฉิงโม่หนงแล้ว
เพราะว่า…….
เธอได้เห็นธาตุแท้ของตระกูลเฉิงชัดแล้ว
แค่หวังว่า สามารถที่จะตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลเฉิงได้โดยเร็วที่สุด