จอมนักรบอหังการ - บทที่ 59 ก็อยากจะรู้คำว่าตายเขียนยังไงใช่มั้ย ก็ได้ สั่งสองพวกแก
- Home
- จอมนักรบอหังการ
- บทที่ 59 ก็อยากจะรู้คำว่าตายเขียนยังไงใช่มั้ย ก็ได้ สั่งสองพวกแก
จอมนักรบอหังการ บทที่ 59 ก็อยากจะรู้คำว่าตายเขียนยังไงใช่มั้ย? ก็ได้ สั่งสองพวกแก!
คนที่เดินเข้ามาในห้องผู้ป่วย ก็คือเสิ่นจูนอี๋
เก้าวันก่อนหน้านี้
แม้ว่าเย่อู๋เทียนไม่ได้ทำการรักษาให้เสิ่นจูนอี๋ด้วยตัวเอง แต่กลับจัดยาไว้ให้ และแบ่งให้เธอชุดหนึ่ง
หลายวันนี้ คนที่ทายาให้กับเสิ่นจูนอี๋ ก็คือเฉินเหวินจิ้งกับเฉินโล่หัว
อันที่จริงเสิ่นจูนอี๋รู้ความจริงแล้ว ตัวเองต้องกลับมามีใบหน้าเหมือนเดิมอย่างแน่นอนแล้ว และอาการบาดเจ็บทั้งหมดบนร่างกาย ก็หายเป็นปกติทั้งหมด
แต่ว่า ในใจของเธอก็ยังคงอ้างว้างอยู่เล็กน้อย
เพราะว่าหลายวันมานี้เย่อู๋เทียนไม่ได้มองเธอเลย นับประสาอะไรกับทายาให้เธอด้วยตัวเอง
ก็หมายความว่า นอกจากวันที่บาดเจ็บ เย่อู๋เทียนได้ทำการผ่าตัดให้เธอด้วยตัวเอง เวลาอื่น ไม่เคยแตะต้องเธอเลยแม้แต่ปลายนิ้ว
เสิ่นจูนอี๋ไม่รู้ว่าเย่อู๋เทียนยกโทษให้เธอแล้วหรือยัง
ยังสับสนอยู่ในใจ
แต่ไม่ว่ายังไง ก่อนหน้านี้ถูกเย่จื่อหลงทำร้านจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เย่อู๋เทียนสามารถที่จะช่วยเหลือได้ และจัดยาให้กับเธอ
เธอก็รู้สึกซาบซึ้งในพระคุณเป็นอย่างยิ่งแล้ว
เสิ่นจูนอี๋แอบสาบานแล้วว่า ต่อจากนี้ไป จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง และเป็นคนใหม่
เพื่อให้ได้รับการอภัยจากเย่อู๋เทียน
ในเวลานี้ เสิ่นรั่วชิงกำลังร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเย่อู๋เทียน ได้ยินเสียงของเสิ่นจูนอี๋ อารมณ์ก็เปลี่ยนเป็นซับซ้อนขึ้นมาในทันที
วันที่ถูกเย่จื่อหลงลักพาตัว เธอเห็นกับตาตัวเอง ว่าเสิ่นจูนอี๋ถูกเย่จื่อหลงใช้แส้ฟาดจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
ฉากแบบนั้น ทำให้กลายเป็นฝันร้ายของเธอจริงๆ
ตอนนั้นก็เป็นเพราะว่าเสิ่นรั่วชิงเปล่งเสียงขอร้อง ถึงได้ถูกเย่จื่อหลงกรีดลงบนใบหน้าของเธอทีละครั้ง…….
ตอนนี้คิดๆดู เสิ่นรั่วชิงก็ไม่รู้ว่าตัวเองผ่านมันมาได้อย่างไร
และเอาใจเขามาใส่ใจเรา
อาการบาดเจ็บของเสิ่นจูนอี๋รุนแรงกว่าเสิ่นรั่วชิงร้อยเท่า
ยังไงซะ ก็เป็นลูกพี่ลูกน้องที่มีสายเลือดร่วมกัน
แม้ว่าความบาดหมางระหว่างทั้งสองจะมากมายแล้ว เสิ่นรั่วชิง ก็ทนไม่ได้หรอก!
ตอนนี้เห็นร่างกายของเสิ่นจูนอี๋พันด้วยผ้าก๊อก หัวใจอดไม่ได้ที่จะสั่นเทา!
หลายวันนี้ เสิ่นรั่วชิงขอร้องเย่อู๋เทียนมากกว่าหนึ่งครั้ง ขอให้เขาช่วยรักษาเสิ่นจูนอี๋ด้วย
แต่ทุกครั้ง ก็ถูกเย่อู๋เทียนทำอย่างขอไปที สิ่งนี้ทำให้เสิ่นรั่วชิงคิดว่า อาการบาดเจ็บของเสิ่นจูนอี๋ ยังไม่หายดี
ตอนนี้เห็นเสิ่นจูนอี๋ยืนอยู่ที่นั่นราวกับเป็นมัมมี่ เสิ่นรั่วชิงก็แน่ใจสิ่งที่คิดอยู่ในใจ
เม้มริมฝีปาก เสิ่นรั่วชิงมองดูเย่อู๋เทียน และเปล่งเสียงขอร้อง
“พี่เทียน ช่วยรักษาเธอหน่อยได้หรือเปล่า?”
“ยังไงซะ ก็เป็นลูกพี่ลูกน้องที่มีสายเลือดร่วมกัน”
ได้ยินคำพูดนี้ ความรู้สึกของเย่อู๋เทียนไม่ได้ผันผวน แต่เสิ่นจูนอี๋ราวกับถูกฟ้าผ่า
เธอคาดไม่ถึงว่า เสิ่นรั่วชิงจะขอร้องแทนเธอ
คิดถึงตอนนั้น เสิ่นจูนอี๋เพราะว่าดูถูกเย่อู๋เทียน ถึงได้ให้เสิ่นรั่วชิงแทนที่ของเธอ และทำการหลอกลวงเย่อู๋เทียน
และในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เสิ่นจูนอี๋ก็ทำไม่ดีกับเสิ่นรั่วชิงมาโดยตลอด
ไม่เพียงแต่มองเสิ่นรั่วชิงเป็นลูกไม่มีพ่อแม่ ก็มองเธอเป็นคนใช้ระดับล่างด้วย ยืดอายุให้กับเย่จินหลิงก่อนหน้านี้ ยังไม่ลังเลให้คนมาขโมยเครื่องช่วยชีวิตของเธอ …….
ตอนนี้…….
เธอถึงขนาดไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องบาดหมางครั้งก่อนเก่าต่อตัวเองได้
จนกระทั่งถึงเวลานี้เอง เสิ่นจูนอี๋ถึงได้เข้าใจอย่างแท้จริง อะไรคือคนในครอบครัว!
น้ำตาแห่งความเสียใจ ไหลลงมาจากหางตา
แผนการทั้งหมด ฉลาดเฉียบแหลม ความไม่ดี ตอนนี้ได้ถูกคลี่คลายด้วยความอ่อนโยนที่เสิ่นรั่วชิงแสดงออกมา
แต่…….
แต่คำว่าพี่สาวสองคำนี้ ในที่สุดก็ราวกับก้างปลาติดคอยังติดอยู่ในลำคอ
เรียกยังไง ก็เรียกไม่ออกมา
เสิ่นรั่วชิงเห็นเย่อู๋เทียนไม่แยแส ก็ขอร้องอีกครั้ง
“พี่เทียน จะว่าไป เสิ่นจูนอี๋เธอ……ก็ถือว่าเป็นแม่สื่อให้กับพวกเราสองคน”
“ถ้าพี่ช่วยเธอได้ ก็จะเป็นการดีมาก แต่ถ้าไม่ช่วย ฉันก็ไม่มีทางโทษพี่หรอก”
แม้ว่าเย่อู๋เทียนได้ช่วยเสิ่นจูนอี๋แล้ว ตอนนี้ได้ยินเสิ่นรั่วชิงขอร้องให้กับเสิ่นจูนอี๋ขนาดนี้ กลับค่อนข้างไม่สบายใจ
“รั่วชิง เธอรู้มั้ยว่า คนดีโดนคนกลั่นแกล้ง?”
เสิ่นรั่วชิงพูดไม่ออก
เธอจะไม่รู้ความจริงข้อนี้ได้อย่างไร?
แต่…….
ครอบครัวสองคำ ก็เป็นอุปสรรคที่เธอจะข้ามผ่านไปได้ยากที่สุด
หากเป็นการตัดสินใจเลือกความเป็นความตาย
ให้เลือกระหว่างเย่อู๋เทียนกับน้องสาวของเธอ เธอจะเลือกเย่อู๋เทียนโดยไม่ลังเล
ตอนนี้…….
ก็ทำได้แค่หน้าด้านขอร้องเย่อู๋เทียน
ความจริงเย่อู๋เทียนไม่ต้องการทำให้เสิ่นรั่วชิงลำบากใจ มองดูเธออย่างลึกซึ้ง ถึงได้มองไปทางเสิ่นจูนอี๋ แต่กลับชักสีหน้าใส่หล่อน
เพียงแค่พูดอย่างเยือกเย็นกับหล่อนประโยคหนึ่ง
“ต่อไป เธอก็คือแม่บ้านส่วนตัวของรั่วชิง พื้นของที่บ้าน เธอมาถู น้ำล้างเท้า เธอมายก มีอะไรจะคัดค้านมั้ย?”
เสิ่นจูนอี๋นิ่งไปเล็กน้อย และพยักหน้ารัวๆ ต่อจากนั้นก็ส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว
“ไม่มีอะไรจะคัดค้าน!”
เย่อู๋เทียนทำเสียงฟึดฟัด มองไปทางเสิ่นรั่วชิงอีกครั้ง
“รั่วชิง เธอไปอาบน้ำอุ่นก่อนเถอะ เสิ่นจูนอี๋……ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว”
“ฉันได้กำชับให้เฉินเหวินจิ้งทายาให้หล่อนก่อนหน้านี้แล้ว”
“นอกจากนี้ วันนี้เธอออกจากโรงพยาบาล ฉันซื้อเสื้อผ้าให้เธอแล้ว แต่ว่าหลายปีผ่านไป ฉันกลับจำไม่ได้ว่าเธอใส่ชุดชั้นในไซซ์อะไร ก็เลยซื้อมาให้เธอหลายตัว เธออาบน้ำเสร็จก็เปลี่ยนเถอะ”
เสิ่นรั่วชิงนิ่งไปก่อน ใบหน้าก็แดงก่ำในทันที
แต่ไม่ทันที่เสิ่นรั่วชิงจะตอบโต้อย่างอื่น ก็มีคนปรากฏตัวที่นอกประตูอีกครั้ง
เฉาจ้านหยาง
เย่อู๋เทียนสังเกตเห็นเขา ก็รู้ว่าจุดประสงค์ของการปรากฏตัวของเขา
วันนี้ ก็เป็นวันเปิดงานประชุมสุดอำนาจ!
เย่อู๋เทียนลังเลครู่หนึ่ง และถามว่า: “หวางเอ๋อร์กลับแล้วหรือยัง?”
เฉาจ้านหยางตอบว่า: “กลับมาแล้วครับ”
เย่อู๋เทียนพยักหน้า และสั่งการว่า: “สำหรับสองวันถัดไป ให้หวางเอ๋อร์รับผิดชอบในการปกป้องความปลอดภัยส่วนบุคคลของรั่วชิง”
เฉาจ้านหยางน้อมรับคำสั่งแล้วถอยไป
หลังจากจัดการทุกอย่างในโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว เย่อู๋เทียนมุ่งหน้าไปที่อาคารจินเม่าเมืองเจียงไห่คนเดียว
งานประชุมสุดอำนาจ ก็ได้จัดขึ้นที่นั่น
ในเวลาที่เหมาะสม
ภายในและภายนอกอาคาร คนที่มีพรสวรรค์เจอโอกาสดีๆ
ผู้มีอำนาจจำนวนนับไม่ถ้วนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้ปรากฏตัวที่นี่ และตัวแทนจากหกสิบประเทศ ก็มามุ่งหน้ามาที่นี่ทั้งหมด
ในนั้น โครนินผู้บัญชาปกครองชายแดนแห่งประเทศมหาอำนาจ โดดเด่นมากที่สุด
เพราะทุกคนรู้ว่า พ่อของเขา เพิ่งเสียชีวิตไป
ไม่อย่างนั้น พ่อของเขา ก็จะมาที่นี่ด้วยฐานะของผู้นำคนใหม่ของประเทศมหาอำนาจ
ตอนนี้ กลับกลายเป็นพูดโอ้อวด
ภายใต้เงื่อนไขดังกล่าว เมื่อโครนินปรากฏตัว ก็กลายเป็นจุดสนใจของงานประชุมสุดอำนาจในครั้งนี้
พ่อของเขา เสียชีวิตอย่างกะทันหัน
น้องสาวของเขา ถูกกักบริเวณโดยประเทศหลง
อย่างไรก็ตาม แต่ขณะที่ทุกคนมองเขาด้วยสายตาที่เห็นใจ
ชายชุดดำทั้งสิบสองคนที่อยู่ข้างหลังเขา กลับทำให้ทุกคนในที่งาน ถึงกับตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
ภายใต้สายตาจับจ้องของสาธารณชน ชายชุดดำทั้งสิบสองคน กระโดดขึ้นจากพื้นขึ้นทีละคน!
ตกลงมารายล้อมอาคารทั้งสี่ด้านของอาคารจินเม่า
แต่ละคนรัศมีพลุ่งพล่าน ราวกับเทพราวกับปีศาจ!
ทั้งสิบสองคนนี้ เป็นองครักษ์สิบสองเกราะดำของวิหารจอมเทพ ผู้ใต้บังคับบัญชาของชูราหน้ากากเงิน อยู่ในวิหารจอมเทพ รองจากรุ่นใหม่ของสิบสองผู้พิทักษ์!
ที่สำคัญที่สุดคือ
หลังจากผ่านไปเจ็ดปี ความแข็งแกร่งของแต่ละคน ก็เทียบได้กับพลังของสิบสองผู้พิทักษ์รุ่นก่อน!
เรียกได้ว่า ศิษย์ได้รับการอบรมสั่งสอนจากครูแต่เก่งกว่าครูซะอีก!
ฉากที่องครักษ์สิบสองเกราะดำที่กระโดดขึ้นมาจากพื้นดิน ได้ออกอากาศทางทีวีของทุกครัวเรือน
ผู้ชมทุกคนที่รับชมการออกอากาศของงานประชุมสุดอำนาจครั้งนี้ ต่างกลัวจนหน้าถอดสีทั้งหมด
นี่คือ…….
นี่คือคนเหรอ?
คนที่เดินเคียงข้างกันกับร็อกลิน ยังมีชายชราในชุดสูทในวัยแปดสิบปี ผู้นำของประเทศมหาอำนาจ เฮนรี่ เจมส์
เดิมทีเจมส์ถึงวัยที่ต้องสละบัลลังก์ให้กับคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งแล้ว
แต่เพราะว่าพ่อของร็อกลินได้เสียชีวิตอย่างกะทันหันก่อนหน้านี้ เขาต้องเข้าร่วมการประชุมด้วยในนามตัวแทนของประเทศมหาอำนาจ
ความรู้สึก ค่อนข้างสับสน
เขาในตอนนี้ เป็นแค่หุ่นเชิดของร็อกลิน
เพราะว่าเบื้องหลังของร็อกลิน…….
คือวิหารจอมเทพ!
เฒ่าเจมส์มองดูองครักษ์สิบสองเกราะดำที่อยู่รอบตัว ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ร็อกลินที่อยู่ข้างกายของเขา ก็มองไปที่องครักษ์สิบสองเกราะดำที่อยู่รอบๆ แต่รอยยิ้มอันน่าสะพรึงกลัวกลับปรากฏขึ้นบนใบหน้า
วันนี้ที่มาประเทศหลง ไม่ได้เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดบ้าบอคอแตกอะไรหรอก!
แต่มาเพื่อฆ่าคน!
คนคนนี้ ชื่อว่าเย่อู๋เทียน!
แน่นอนว่า วันนี้ต้องการฆ่าเย่อู๋เทียน ไม่ได้มีแค่เขาคนเดียว ครึ่งหนึ่งของผู้นำของหกสิบประเทศ ต้องการฆ่าเย่อู๋เทียนให้ตาย!
พวกเขามาร่วมการประชุมสุดยอดในครั้งนี้ ได้ติดอาวุธพรั่งพร้อมของชนชั้นนำระดับชาติของประเทศตัวเองมาอย่างเปิดเผย
เพื่อเรื่องนี้!
ร่วมมือกับองครักษ์สิบสองเกราะดำวิหารจอมเทพ ฆ่าเย่อู๋เทียน!
ต่อหน้าผู้ชมทั้งหมดในโลกที่กำลังรับชมการออกอากาศของงานประชุมสุดอำนาจครั้งนี้ ฆ่าเย่อู๋เทียนตายอย่างโหดร้าย!
ไม่คำนึกถึงสิ่งใด!
ถึงยังไงสถานที่คือประเทศหลง
ต่อให้สู้จนมืดฟ้ามัวดิน สูญเสีย ก็เป็นประเทศหลง
ในเวลานี้ กองกำลังของแต่ละฝ่ายเชื่อว่า เมืองเจียงไห่แห่งนี้ ในวันนี้ ถูกกำหนดให้ถูกทำลายไปพร้อมกับเย่อู๋เทียน!
แต่ว่า ยังมีคนหนึ่ง พวกเขาลืมไปแล้ว
คนคนนี้ ก็คือเย่จื่อหลง
ตอนนี้ เขากำลังเดินมาจากในแม่น้ำหน้าอาคารจินเม่า ทีละก้าว ไปทางฝั่ง
และขณะนี้ ผู้ชมทั้งสองฝั่งของแม่น้ำ
เบิกตาทั้งสองกว้าง โดยไม่ขาดแม้แต่คนเดียว!
ก็เห็นว่า เย่จื่อหลง เหมือนกับการเดินเล่นในลานพักผ่อน และเดินอยู่บนผิวแม่น้ำ
ไม่ว่าจะผ่านไปที่ไหน ปลา งู และสัตว์น้ำ ทั้งหมดก็ลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ และก็กลายเป็นซากศพ!
มีคนดูอย่างระมัดระวังด้วยกล้องโทรทรรศน์ ก็เห็นว่า บนตัวของเย่จื่อหลง ถูกล้อมรอบด้วยลมปราณดำแปลกๆ!
ยิ่งไปกว่านั้น เห็นได้ชัดว่ามันเป็นผมสั้น แต่กลับยาวด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ผมยาวปลิวไหวโดยไร้ลม นัยน์ตาดำดั่งหมึก!
ราวกับว่าเทพปีศาจได้ลงมายังโลก!
ในเวลาเดียวกัน บนสะพานที่อยู่ไกลออกไป เย่อู๋เทียนซึ่งนั่งอยู่บนรถแท็กซี่ ไม่รู้สึกแปลกใจกับฉากนี้เลยแม้แต่น้อย
พลังตันระดับชั้นยอด?
ระยะจากขีดจำกัดพลังตัน เพียงแค่ครึ่งก้าว?
ตัวตลกแค่นั้นเอง!
ก็อยากจะรู้ว่า คำว่าตายเขียนยังไงเหรอ?
ก็ได้
สั่งสอนพวกแก!