จอมนักรบอหังการ - บทที่ 64 โมโหจนด่ากราดแล้ว!
จอมนักรบอหังการ บทที่ 64 โมโหจนด่ากราดแล้ว!
หลังจากนั้นไม่นาน กองกำลังทหารแต่ละประเทศก็ออกมาต่อขบวนจนเสร็จ
ร็อกลินในฐานะผู้ถืออำนาจของประเทศมหาอำนาจ รีบแสดงออกให้เย่อู๋เทียนดำเนินการขั้นต่อไป
หมายความว่า สามารถร่วมมือกับกองกำลังทหารแต่ละประเทศได้ตลอดเวลา ฆ่าทิ้งให้หมด รวมถึงผู้ที่อยู่ระดับสูงของประเทศหลงด้วย!
จัดการอย่างโหดเหี้ยม!
รอยยิ้มบนใบหน้าของเย่อู๋เทียนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
“เมืองเจียงไห่นี้ มีอาวุธร้ายแรงระดับสูงสุด จำเป็นต้องเตรียมป้องกันไว้นะ”
“เช่นนี้ ท่านนำกองกำลังทหารของแต่ละประเทศ ไปที่ชั้นสิบสามของอาคารจินเม่าก่อน!ฉันได้ยินมาว่า ที่นั่นเป็นสถานที่ที่ลับเฉพาะของประเทศหลง สามารถทนต่อแผ่นดินไหวสิบริกเตอร์ได้!”
“รอสักครู่ ฉันจะไปดูแลงานประชุมสุดอำนาจด้วยตัวเอง!”
“ส่วนผู้ที่อยู่ระดับสูงของประเทศหลงพวกนี้……”
พูดถึงตรงนี้ เย่อู๋เทียนก็มองไปยังท้องฟ้า
เครื่องบินรบแปดเหลี่ยมสีดำกำลังใกล้เข้ามา ไม่รอให้เครื่องบินรบแปดเหลี่ยมบินถึงอาคารจินเม่า ประตูเครื่องบินก็ถูกเปิดออก
ยอดฝีมือที่สวมหน้ากากกระโดดลงมาจากด้านในร้อยกว่านาย
ทันใดนั้น ยอดฝีมือที่ท่าทางน่ากลัวร้อยกว่านาย กระจายอยู่บนดาดฟ้าของอาคารจินเม่า รวมถึงบนอาคารก่อสร้างของบริเวณโดยรอบ
“คนพวกนี้ ต่างก็เป็นกองกำลังทหารของวิหารเทพ!”
“มีพวกเขาอยู่ เมืองเจียงไห่โดนทำลายไม่เหลือซากแน่!”
“ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่อยู่ระดับสูงของประเทศหลงพวกนี้?”
พอร็อกลินได้ยิน ก็มองไปยังยอดฝีมือที่สวมหน้ากากอยู่บริเวณโดยรอบ
ทันใดนั้น รับรู้ได้ถึงความฮึกเหิมอย่างมาก
กองกำลังทหารประเทศอื่นๆ รวมถึงผู้นำของแต่ละประเทศมองฉากตรงหน้า ก็รู้สึกฮึกเหิมอย่างมากเช่นกัน
ดูแล้ว วิหารเทพได้เตรียมพร้อมแผนการเคลื่อนไหวครั้งนี้ไว้นานแล้ว!
ทำให้ผู้คนรู้สึกบ้าคลั่งจริงๆเลย!
ต่อมา ภายใต้การนำของร็อกลิน กองกำลังทหารแต่ละประเทศต่างก็เดินเข้าไปในอาคารจินเม่าทีละลำดับ
ผู้นำแต่ละประเทศก็รีบรุดไปด้านหน้าเช่นกัน
เกรงว่าจะไปช้า จนหาที่นั่งดีๆไม่ได้!
โดยเฉพาะผู้นำประเทศเชวี่ยและประเทศเทียนจ้าว กำลังครุ่นคิดอย่างหนัก ว่าต่อไป ควรจะประพฤติตัวต่อหน้าหัวหน้าแห่งสิบสองผู้พิทักษ์ของวิหารเทพยังไง!
หลังจากที่กองกำลังทหารและผู้นำแต่ละประเทศเข้าไปที่ชั้นสิบสามของอาคารจินเม่าแล้ว
ประตูเหล็กที่หนาถึงหลายเมตร ก็ปิดลงทันที
ชั้นสิบสามที่กว้างขวางราวกับหลุมหลบภัยทางอากาศ ทันใดนั้นก็ตกอยู่ในความมืดมิด
“ไฟ ไฟดับเหรอ?”
“ทำไมไฟถึงดับล่ะ?”
“เกิดอะไรขึ้น?”
กองกำลังทหารแต่ละประเทศนับพัน ต่างก็มองอะไรไม่เห็น
มีคนกลับไปยังทางเดิม แต่กลับพบว่าประตูใหญ่ได้ปิดไปแล้ว
อีกอย่างในสถานที่นี้ อุปกรณ์สื่อสารทุกอย่างล้วนใช้งานไม่ได้
มือถือก็ไม่มีสัญญาณ กลายเป็นของไร้ประโยชน์!
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ถึงมีคนร้องตะโกนออกมา
“พวกเราโง่ยิ่งนัก ติดกับดับแล้ว!”
“จะต้องมีอะไรแปลกๆอย่างแน่นอน!”
“ไม่หรอก อย่าพูดมั่วซั่ว นั่นเป็นถึงหัวหน้าแห่งสิบสองผู้พิทักษ์ของวิหารเทพเชียวนะ!”
“ใครที่ใส่ร้ายปีศาจแดงแห่งผู้พิทักษ์? ฆ่ามันเลย!”
“อยากตายก็ตายเอง อย่ามาพูดมั่วซั่วที่นี่ ระวังปากไว้ด้วย!”
“ที่นี่ไฟดับแล้ว!”
“มืดมาก มองอะไรไม่เห็นเลย!”
ด้านนอก เย่อู๋เทียนได้นำฝ่าบาทเข้าไปยังชั้นแรกของอาคารจินเม่า
สีหน้าของฝ่าบาทยังคงลำบากอย่างมาก
มองเย่อู๋เทียนอย่างเย็นชา
“นายคิดว่า นายทำแบบนี้แล้วประเทศหลงจะยอมก้อหัวให้งั้นหรือ?”
เย่อู๋เทียนมึนงงเล็กน้อย จุดบุหรี่สองด้าม แล้วยื่นให้ฝ่าบาทหนึ่งด้าม
ฝ่าบาทโกรธจนปาบุหรี่ทิ้ง
“ประเทศหลงฉัน ประชาชนสองพันล้าน ไม่มีทางยอมแพ้เช่นนี้แน่!”
เย่อู๋เทียนแบะปากไม่แย่แส ก้มลงไปหยิบบุหรี่ขึ้นมา
เวลานี้ ดาบคมที่เป็นองครักษ์เงาฟ้า และเฉาจ้านหยางต่างก็เดินมาทางนี้
ดาบคมก็เหมือนกับมะเขือม่วงที่โดนน้ำค้างแข็งเกาะ เข่าข้างหนึ่งคุกเข่าลงที่พื้น แสดงความเคารพให้กับเย่อู๋เทียน
“องครักษ์เงาฟ้า ดาบคม คารวะท่านเจ้าหอ!”
เฉาจ้านหยางก็คุกเข่าลงที่พื้นข้างหนึ่งเช่นกัน
“ทหาร เฉาจ้านหยาง คารวะชิงตี้!”
เห็นท่าทางและคำพูดของทั้งสองคน ฝ่าบาทราวกับถูกสายฟ้าฟาด
แล้วมองไปที่เย่อู๋เทียน
ได้กลับร่างกลายเป็นรูปร่างหน้าตาแบบเดิมแล้ว
หลังจากนั้น เย่อู๋เทียนก็เอาบุหรี่ที่หล่นบนพื้นเมื่อครู่มาคาบไว้ข้างปาก แล้วเอาของตัวเองส่งให้ฝ่าบาท
“ดูพูดจาเข้าสิ”
ฝ่าบาทเบิกตากว้าง มองเย่อู๋เทียนตาไม่กะพริบ
สั่นไปทั้งตัว
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ฝ่าบาทเลยตะโกนออกมา
“เลวสุดจะบรรยายจริงๆ!”
“ขอโทษฉันเดี๋ยวนี้!”
เย่อู๋เทียนสูบบุหรี่
“ขอโทษ”
ฝ่าบาทโมโหจนจมูกเบี้ยว
จริงๆเลย
ผ่านไปสิบกว่าปีแล้ว
ไม่เคยโมโหเช่นนี้มาก่อน
นี่มันเรื่องอะไรกัน!
ฝ่าบาทโมโหอย่างมาก กำหมัดแน่น อยากจะต่อยเย่อู๋เทียนให้ตายๆไปเสียที!
ไม่นาน ฝ่าบาทก็พูดเสียงสั่น
“สถานการณ์เช่นนี้ จะเริ่มเมื่อไหร่ล่ะ?”
เย่อู๋เทียนตอบ
“พอจ้านหยางเริ่มฆ่าคนแรก ก็ถือว่าเริ่มแล้ว”
“พวกคนที่มากับเครื่องบินรบด้านนอก ต่างก็เป็นคนของหอจักรพรรดิเซียน ส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มสำรองของด้านล่างหอจักรพรรดิเซียน”
“ก็เศษสวะ เหมือนกับดาบคม”
“แต่ว่า วันนี้ดูแล้วยังมีประโยชน์อยู่บ้าง”
ฝ่าบาทโกรธจนทุบโต๊ะ
“ทำไมไม่บอกฉัน?”
“โชคดีที่ฉันไม่ได้เป็นโรคหัวใจ ท่านรู้หรือไม่ เมื่อครู่นี้เอง ฉันเกือบออกคำสั่งโยกย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ร้ายแรงที่สุดแล้ว!”
เย่อู๋เทียนถอนหายใจ
“ไม่มีประโยชน์ กุญแจปริศนาถูกอิสสาคนนั้นไขไปแล้ว ใช้การไม่ได้อีก เป็นเหมือนเศษเหล็กไร้ประโยชน์ก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง”
“นี่ก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ฉันสร้างสถาบันเจิ้นกั๋วขึ้นมา”
“พูดถึงกำลังรบ ประเทศหลงไม่มีศัตรู เทคโนโลยีกำลังรบ จุดอ่อน ไม่ยอมรับก็คงไม่ได้”
“แต่ว่า หลังจากวันนี้ น่าจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว อิสสาคนนั้น ฉันทดสอบเขาก่อนหนึ่งสัปดาห์ พอถึงเวลาไว้รอดูผลงานของเขาก็แล้วกัน”
ในใจฝ่าบาทซับซ้อนอย่างมาก
ผ่านไปนานพอสมควรถึงจะพูดออกมา
“งานประชุมสุดอำนาจยังไม่ทันได้เริ่ม ก็กลายเป็นแบบนี้ไปซะได้!”
“ต่อจากนี้จะทำไงล่ะ? คงจะไม่ปล่อยให้คนพวกนี้อยู่ที่ประเทศหลงต่อไปใช่ไหม?”
“ไม่สอดคล้องกับนโยบายของประเทศหลงเลยนะ!”
เย่อู๋เทียนสูบบุหรี่อีกครั้ง
“ท่านใจเย็นๆก่อน ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ฉันวางแผนไว้หมดแล้ว กองกำลังทหารแต่ละประเทศ จัดการที่ละกลุ่ม กักขังทีละกลุ่ม ส่วนงานประชุมสุดอำนาจควรดำเนินอย่างไรต่อก็ดำเนินไป พวกเราไม่รังแกคนหรอก”
ฝ่าบาทเบิกตาโพล่ง
“นี่เรียกไม่รังแกคนงั้นหรือ? แล้วจะรังแกยังไงต่อ?”
เย่อู๋เทียนขมวดคิ้วเล็กน้อย
“จะพูดเช่นนี้ไม่ได้ ตอนที่รังแกพวกเรา พวกเขาก็ไม่ได้ออมมือเลยสักนิด อีกอย่างพวกเราร่วมมือกับวิหารเทพ อยากจะฆ่าฉัน ฉันก็คงกล้ำกลืนฝืนทนไม่ไหวหรอกนะ”
ฝ่าบาทโมโหจนทุบโต๊ะอีกครั้ง
“พอแล้ว ใจเย็นๆ เรื่องนี้ไว้แค่นี้เถอะ นอกจากนี้สิ่งที่วิหารเทพทำกับกองกำลังทหารแต่ละประเทศ มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเรานี่?”
“ตอนนี้ แต่ละประเทศพันธมิตรก็ไม่ได้มีโทสะกัน ยังต้องผ่านวันพรุ่งนี้ไปอยู่ดี”
“ท่านระงับอารมณ์ก่อน ฉันจะไปถามเสียหน่อย เจ็ดปีก่อน สรุปแล้วใครเป็นคนปล่อยเรื่องสถานที่พักระหว่างการเดินทางของฉัน!”