จอมนักรบอหังการ - บทที่ 8 ความรักความผูกพันธ์นี้ คุ้มค่าแก่การรอคอย
จอมนักรบอหังการ บทที่ 8 ความรักความผูกพันธ์นี้ คุ้มค่าแก่การรอคอย!
เวลาผ่านไปเจ็ดปี เฉินเหวินจิ้งได้พบเจอกับเย่อู๋เทียนอีกครั้ง กลับรู้สึกเหมือนว่าห่างเหินกันอย่างมาก
เจ็ดปีก่อนหน้านี้ ที่เย่อู๋เทียนกลับมาในครั้งนั้น แม้ว่าจะมีท่าทางที่ห้าวหาญเด็ดเดี่ยว แต่กลับทำให้เฉินเหวินจิ้งรู้สึกถึงความใกล้ชิดสนิทสนม
ส่วนในเวลานี้ ช่างห่างเหินเป็นอย่างมาก
ผู้ชายคนนี้ ได้เปลี่ยนไปเป็นคนที่ลุ่มลึกและเย็นชา ลึกลับและลึกซึ้ง
และในขณะที่เฉินเหวินจิ้งกำลังงุนงงอยู่นั้น
เย่อู๋เทียนก็ได้นำเข็มทองฝังเข้าไปตรงระหว่างคิ้วของหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยนั้น
เฉินเหวินจิ้งตื่นตกใจอย่างมาก
เดิมทีคิดว่าเย่อู๋เทียนจะทำการเชื่อมต่อเส้นสายของเครื่องบินการแพทย์กับหญิงสาวบนเตียงผู้ป่วยนั้นอีกครั้ง แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า จะไม่เป็นเช่นนั้น
“นายคิดจะทำอะไร? ” เฉินเหวินจิ้งถามขึ้นด้วยความตกใจ
เย่อู๋เทียนหันกลับมามองเฉินเหวินจิ้ง ลังเลอยู่เล็กน้อย และพูดขึ้นว่า: “ทำให้หล่อนได้สติตื่นขึ้นมา”
“โดยใช้การฝังเข็มอย่างนั้นเหรอ? ” เฉินเหวินจิ้งพูดขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
เย่อู๋เทียนพูดอธิบายง่าย ๆ ว่า: “หากใช้เข็มทองเพียงเล่มเดียว คงจะไม่พอ ฉันยังต้องการเข็มเงินอีกสิบสองเล่ม เธอช่วยนำมาให้ฉันหน่อยสิ”
“ไม่ได้ผลหรอก หล่อนสลบไปนานเจ็ดปีแล้ว! ” เฉินเหวินจิ้งพูดขึ้นว่า: “ลองมองไปทั่วโลกสิ การที่สลบไปยาวนานขนาดนี้แล้ว โอกาสที่ได้สติฟื้นกลับขึ้นมานั้น มันไม่มีเลย! ”
“ไปเอาเข็มเงินมาเถอะ” เย่อู๋เทียนพูดขึ้น
เฉินเหวินจิ้งเชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง แต่ก็ยังคงไปเอาเข็มเงินหนึ่งห่อออกมาจากกล่องเครื่องมือการแพทย์ในห้องผู้ป่วย รวมถึงเตาแอลกอฮอล์
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร คำพูดของเฉินเหวินจิ้งกับเย่อู๋เทียนนั้น ถึงได้เกิดความไม่เชื่อมั่นอย่างไร้เหตุผล
ทุกอย่างจัดเตรียมเรียบร้อย เย่อู๋เทียนก็เตรียมที่จะทำการรักษาหญิงสาวที่อยู่บนเตียงผู้ป่วยนั้น
แต่ในขณะนั้นเอง ประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกผลักเปิดออกอีกครั้ง
โดยมีหญิงชราคนหนึ่งในชุดแพทย์ได้เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ เธอมีชื่อว่าเฉินโล่หัว เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลกลางของเมืองเจียงไห่
ซึ่งเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญอาวุโสด้านฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายด้วยแพทย์แผนจีนแห่งเมืองเจียงไห่
หลายปีมานี้ หญิงชราคนนี้ได้เคยผ่านการช่วยให้ผู้ป่วยนิทราฟื้นได้สติขึ้น มากว่าหนึ่งร้อยคนแล้ว
แต่ทั้งหมดนั้น คือผู้ป่วยที่บาดเจ็บภายในครึ่งปีถึงจะสามารถฟื้นฟูสมรรถภาพและความคิดขึ้นได้ สำหรับผู้ป่วยที่สลบไปนานเกินกว่าครึ่งปีนั้น……
เฉินโล่หัวเองก็หมดหนทางทำอะไรไม่ได้เช่นกัน
เพราะเป็นที่ทราบกันดีโดยทั่วกันอยู่แล้วว่า นี่คือปริศนาทางการแพทย์ระดับโลก!
ก่อนหน้านี้เฉินโล่หัวก็เหมือนกับกับเฉินเหวินจิ้ง ที่ถูกคนของปู่หูทำให้สลบไป และล้มลงอยู่ในห้องทำงาน
เมื่อได้สติตื่นขึ้นมา ก็รีบตรงมาที่ห้องผู้ป่วยนี้ทันที
ก็เพราะกลัวว่าเครื่องมือการแพทย์ในห้องผู้ป่วยนี้ รวมถึงหญิงสาวที่อยู่บนเตียงผู้ป่วยนั้น จะเกิดปัญหาอะไรขึ้น
เมื่อเย่อู๋เทียนและเฉินเหวินจิ้งได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว ทั้งสองก็หันมามองที่เฉินโล่หัว
เฉินเหวินจิ้งพูดขึ้นว่า: “ผู้อำนวยการ! ในที่สุดท่านก็มาแล้ว! ท่านไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม? ”
เฉินโล่หัวมองไปที่เฉินเหวินจิ้ง แล้วก็มองไปที่เครื่องมือการแพทย์ในห้องผู้ป่วยนั้น จึงเบาใจลงได้บ้าง และพูดขึ้นว่า: “ฉันไม่เป็นอะไร โดยก่อนที่ฉันจะเข้ามา ก็ได้รับทราบถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว”
พูดถึงตรงนี้ เฉินโล่หัวก็มองไปที่เย่อู๋เทียน พร้อมกับขมวดคิ้วและพูดขึ้นว่า: “เขาเป็นใคร? ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้? รีบนำเครื่องมือการแพทย์นั้นมาเชื่อมต่อเข้ากับผู้ป่วยเดี๋ยวนี้ ยังจะมัวชักช้าอะไรอยู่อีกล่ะ! ”
เฉินเหวินจิ้งรีบอธิบายว่า: “”ผู้อำนวยการ เขาก็คือเย่อู๋เทียน เป็นคนที่สั่งให้นำเครื่องมือการแพทย์นี้มาส่งมอบให้เมื่อเจ็ดปีก่อน เขาบอกว่าตอนนี้เขาจะใช้วิธีการฝังเข็มเพื่อทำให้ผู้ป่วยได้สติฟื้นขึ้นมา!
เฉินโล่หัวตกใจ และพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจว่า: “ช่างไร้สาระเสียจริง กี่ปีมานี้ฉันได้นวดคลายเส้นเลือดลมของผู้ป่วยคนนี้ทุกวัน ซึ่งยากมากที่หล่อนจะได้สติฟื้นขึ้นมา ต้องอาศัยเครื่องมือการแพทย์พยุงรักษาชีวิตเอาไว้ หากตอนนี้ถอดเครื่องมือการแพทย์ออก ก็เท่ากับว่าเป็นการทำให้หล่อนจบชีวิตไปไม่ใช่เหรอ! ”
คิดไม่ถึงว่าเมื่อพูดจบลง เฉินโล่หัวก็ตะลึงงันอยู่กับที่
เธอเห็นว่า นอกจากเข็มทองที่เย่อู๋เทียนได้ฝังลงไปตรงระหว่างคิ้วของหญิงสาวบนเตียงผู้ป่วยนั้นแล้ว อีกสิบสองเข็มเงินที่เหลือ ก็ยังถูกเย่อู๋เทียนฝังลงไปยังสิบสองจุดประสาทบนศีรษะของหญิงสาวนั้นด้วยแล้ว
โดยเฉพาะเมื่อเห็นเย่อู๋เทียนใช้วิธีการฝังเข็ม เฉินโล่หัวก็แทบจะหยุดลมหายใจทันที ผ่านไปไม่นาน จึงพูดขึ้นว่า: “สิบสามเข็มชีพจรผี? นี่……นี่คือสิบสามเข็มชีพจรผีใช่ไหม? !”
เย่อู๋เทียนมองไปที่เฉินโล่หัว และพูดขึ้นว่า: “คุณพูดถูกเพียงแค่ครึ่งเดียว! ”
เฉินโล่หัวแสดงสีหน้าท่าทางตกใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะขยับเข้าใกล้มาอีก ยิ่งมองก็ยิ่งตื่นตกใจมากขึ้น
เฉินเหวินจิ้งที่อยู่ด้านข้างก็แสดงสีหน้าที่สงสัย: “ผู้อำนวยการ อะไรคือสิบสามเข็มชีพจรผี? ”
เฉินโล่หัวพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นเทา: “สิบสามเข็มชีพจรผี มาจากตำราแพทย์หนานจิง คือแก่นสารสำคัญของวิชาการฝังเข็ม แต่จากที่ฉันทราบ วิชาฝังเข็มนี้ได้สูญสิ้นการสืบทอดไปเป็นพันปีแล้ว วันนี้ ฉันโชคดีมากที่มีโอกาสได้พบเห็นแล้ว! ”
เฉินเหวินจิ้งก็ยังคงไม่ค่อยเข้าใจ จึงได้ถามขึ้นว่า: “สิบสามเข็มชีพจรผีนี้ สามารถที่จะทำให้ผู้ป่วยที่สลบไปนานเจ็ดปีฟื้นได้สติขึ้นมาได้อย่างนั้นเหรอ? ”
เฉินโล่หัวส่ายศีรษะ: “ฉันเองก็ไม่ทราบ”
ขณะที่เย่อู๋เทียนกำลังตั้งใจฝังเข็มให้กับหญิงสาวที่อยู่บนเตียงผู้ป่วย ก็พลางพูดขึ้นว่า: “เมื่อเทียบกับสิบสามเข็มชีพจรผีแล้ว วิชาฝังเข็มนี้มีความเป็นเอกลักษณ์มากกว่า ซึ่งได้ดัดแปลงมาจากสิบสามเข็มชีพจรผี มีชื่อว่าเข็มผีกดชีพจร โดยเข็มทองใช้สำหรับปรับสมดุลและขับความร้อนชื้นในร่างกายออกไป ส่วนอีกสิบสองเข็มที่ฝังแนวระนาบตรงจุดประสาทแกนกลางนั้นใช้สำหรับปรับสมดุลภูมิคุ้มกันและกำจัดสิ่งแปลกปลอม หากผู้ที่ไม่บาดเจ็บและพลังชี่ยังไม่สิ้นสลายไปนั้น ก็จะฟื้นได้สติขึ้นมา! ”
เฉินโล่หัวตกตะลึงไปชั่วขณะ
ใครจะไปรู้ว่าเมื่อเธอได้ฟังคำพูดของเย่อู๋เทียนแล้วจะมีสภาพจิตใจอย่างไร
เพราะว่าวิชาเข็มผีกดชีพจรนั้น เธอเองก็เคยได้ยินมาบ้าง
เพียงแต่ ผู้ที่จะใช้วิชาฝังเข็มนี้รักษาคน จะต้องเข้าใจและสามารถควบคุมเส้นเลือดลมที่ละเอียดยิบในศีรษะของผู้ป่วย ได้อย่างลึกซึ้งและเข้มงวดอย่างที่สุด!
หากพลาดพลั้งเพียงเล็กน้อย ผู้ป่วยก็จะเลือดคลั่งในสมองและตายลงในทันที!
ที่สำคัญที่สุดก็คือ หากเมื่อจุดประสาทแกนกลางในศีรษะของผู้ป่วยกดทับเส้นชีพจร ผู้ป่วยจะต้องทนรับความเจ็บปวดที่แสนทรมาน ถึงขนาดที่เจ็บปวดกว่าการคลอดบุตรของมารดาอีกหลายเท่าเลย!
ถ้าจะพูดว่าใช้วิชาฝังเข็มนี้ช่วยชีวิตให้ผู้ป่วยฟื้นได้สติขึ้นมา ควรที่จะพูดว่า ใช้วิชาฝังเข็มนี้ทำให้ผู้ป่วยเจ็บปวดทรมานแล้วฟื้นขึ้นมาจะเหมาะสมกว่า!
หากต้องการที่จะช่วยชีวิตคนกลับออกมาจากความตายแล้ว นี่ก็คือผลตอบแทนที่ต้องชดใช้!
เพื่อแสวงหาวิชาการรักษานี้นั้น เย่อู๋เทียนไม่เพียงแต่จะอ่านตำราแพทย์แผนจีนนับร้อยเล่มเป็นพันรอบแล้ว ยังเคยที่จะทดลองฝังเข็มในร่างกายของตนเองด้วยนับร้อยครั้ง
ทำไมจะไม่เข้าใจถึงความเจ็บปวดทรมานนี้ล่ะ?
แต่ จะทำอย่างไรได้?
หญิงสาวบนเตียงผู้ป่วย เจ็บปวดทรมานอยู่ในความฝัน
เย่อู๋เทียน ถึงแม้จะเจ็บปวดใจเพียงใด ก็ยังคงต้องแกล้งทำเป็นว่ามีสีหน้าท่าทางที่ปกติ
ผ่านไปชั่วครู่ หญิงสาวที่อยู่บนเตียงก็เกิดการตอบสนองขึ้น
ใบหน้าที่งดงามนั้น เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ
ราวกับน้ำ
ร่างกายก็เกิดการสั่นไหวขึ้นไปทั้งตัว
เฉินโล่หัวเห็นดังนั้น ก็พลันเบิกตาโพลง ตื่นเต้นอย่างสุดขีด
แล้วรีบเดินเข้ามาใช้ผ้ามัดพันร่างของหญิงสาวบนเตียงผู้ป่วยเอาไว้ ในขณะเดียวกันก็ได้สั่งการต่อเฉินเหวินจิ้งที่ก็กำลังตกใจอยู่เช่นกัน
“รีบนำผ้าเช็ดหน้ามาให้หน่อย ฉันกลัวว่าผู้ป่วยจะทนต่อความเจ็บปวดทรมานไม่ไหว จนต้องกัดลิ้นฆ่าตัวตาย! ”
แต่อีกสักครู่ก็พบเห็นว่า
เย่อู๋เทียนนั้นได้นำแขนของตนเองวางไว้ตรงที่ด้านหน้าปากของหญิงสาวบนเตียงผู้ป่วย ให้หล่อนกัดงับได้ตามอำเภอใจ ไม่นานนัก ก็มีเลือดไหลออกมามากมาย
ภาพเหตุการณ์นี้ ทำให้เฉินโล่หัวและเฉินเหวินจิ้งน้ำตาไหลออกมาทันที!
เย่อู๋เทียนกลับไม่ได้มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป ยังคงตั้งใจรวมรวบสมาธิฝังเข็มให้กับหญิงสาวบนเตียงผู้ป่วยนั้นต่อ โดยได้พูดออกมาด้วยเสียงที่แหบแห้งว่า
“อดทนเอาไว้! ”
และในขณะนั้นเอง หญิงสาวบนเตียงผู้ป่วยนั้น ก็พลันลืมตาสองข้างขึ้น
เย่อู๋เทียนมองเห็นคู่ดวงตาของเธอแล้ว ก็รีบดึงเข็มออกทันที
เพียงแค่มองเห็นเธอ
ก็ทราบได้ว่า มันคุ้มค่ากับเจ็ดปีที่ทนทุกข์ทรมาน
เมื่อหญิงสาวที่อยู่บนเตียงผู้ป่วยมองเห็นคู่ดวงตาของเย่อู๋เทียนแล้ว ก็น้ำตาคลอเบ้าในทันที
ทราบได้เลยว่า ความรักความผูกพันธ์นี้คุ้มค่าแก่การรอคอย
โดยที่ ไม่ใช่ความทรงจำ แต่เป็น การจากห่างเหินไปเจ็ดปี จนสุดท้ายผู้ชายคนนี้ ก็ได้มาปรากฏต่อหน้าของเธอจริง ๆ แล้ว