จอมนักรบอหังการ - บทที่392 ช่วยคุณฆ่าพวกมันทิ้ง ดีไหม?
จอมนักรบอหังการ บทที่392 ช่วยคุณฆ่าพวกมันทิ้ง ดีไหม?
คำนี้พูดออกมา ยังไม่พูดถึงเย่อู๋เทียนจะมีปฏิกิริยาอย่างไร
หานตี้ซือที่ถือมีดทำครัวอยู่ในมือ ฉับพลันนั้น เบิ่งตาทั้งสองข้างลุกโต
พูดเสียงคำรามลั่น
“อะไรนะ?โม่หนง ใครจะเอาเธอไปขาย?ใครกล้าเอาเธอไปขาย?เดี๋ยวฉันไอ้เฒ่านี่จะไปฆ่ามันทิ้ง!”
เสียงของหานตี้ซือ เหมือนดั่งสิงโตชราคลั่งกำลังคำราม
ให้แม้แต่เรือนใหญ่ตระกูลหานโบราณ ก็ยังสั่นสะเทือน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเฉิงเฟยหูกับเฉิงจิ้นซองสองพ่อลูกที่ได้ยินเสียงนี้
เฉิงเฟยหูที่คุกเข่าอยู่กับพื้น ลูกนัยน์ตาแก่จัดทั้งคู่ ดูเหมือนใกล้จะทะลักออกมานอกเบ้าแล้ว
จ้องเขม็งอยู่ที่หานตี้ซือ
ฝ่ายนั้นทั้งตัวคละคลุ้งไปด้วยคาวเลือด
มือยังถือมีดครัว
ประเด็นสำคัญคือเพิ่งจะสับคนอยู่เมื่อตะกี้นี้เอง!
คนที่ถูกสับนั้นยังเป็นหานจื่อฉีที่ถูกเฉิงเฟยหูยกย่องเหมือนเซียนเทพ!
แค่เพียงฉากที่ให้เห็นนี้……..
ก็แทบจะทำให้เฉิงเฟยหูเป็นลมล้มพับไปแล้ว
อีกยิ่งไปกว่านี้ คุณเฒ่าบ้าคนนี้ ตอนนี้ยังจะมาออกหน้าให้เฉิงโม่หนง……..
วูบเดียวนั้น เฉิงเฟยหูตกใจกลัวจนตัวไม่เป็นตัวของตัวเองแล้ว สั่นเหมือนตะแกรงกำลังร่อนรำฉันว
ในสมองไม่มีความโปร่งโล่งอยู่เลย
แทบจะว่าเป็นสภาวะกรรมสะท้อน เฉิงเฟยหูฟุบหมอบกราบราบกับพื้น
ร้องขอชีวิตด้วยเสียงสั่นเครือ!
“ไว้ชีวิตด้วย!โปรดไว้ชีวิตด้วย!พวกเราไม่ พวกเราไม่ใช่ พวกเรา….”
พูดไปพูดไป ตัวเฉิงเฟยหูเองยังไม่รู้ ไม่รู้ว่าตัวเองจะพูดอะไร อยากจะพูดอะไร
ถูกทำเอาตกใจขวัญกระเจิงพูดไม่อยู่กับร่องกับรอย!
ส่วนเฉิงจิ้นซอง
ถึงแม้ยืนอยู่หลังเฉิงเฟยหู
แต่เวลานี้ เขาก็ตกใจกลัวจนฉี่แตก ขากางเกงเปียกขนาดแฉะแล้ว
ตัวถึงยังสั่นอยู่ แต่ยืนทื่อ อยู่กับที่ จะว่าไปก็เหมือนคนตายเพราะช็อกจนบ้าตาย
ความรู้สึกที่แสดงออกนอกหน้า คือตกใจเหมือนเห็นผี!
สมองใช้งานไม่ได้แล้ว!
โล่งโจ้งโปร่งว่าง!
ถึงขนาดคิดจะขอให้อภัยยังลืมขอ!
และในเวลาเดียวกันนี้ เย่อู๋เทียน ก็ได้ถามเฉิงโม่หนงไปว่า
“ใครจะเอาเธอไปขาย?”
เฉิงโม่หนงพูดอะไรไม่ออกแล้ว ได้แต่มองหน้าเย่อู๋เทียนด้วยตาที่พร่ามัวในน้ำตา
เย่อู๋เทียนเดินตรงเข้าไปหาเฉิงโม่หนง
ถามไปอีกว่า
“อยู่ในบ้านตระกูลเฉิง ถูกรังแกกดขี่ใช่ไหม?”
เฉิงโม่หนงมีแต่น้ำตาไม่มีเสียง
เย่อู๋เทียนมองไปที่เฉิงเฟยหูกับเฉิงจิ้นซองแวบหนึ่ง
แล้วถามไปที่เฉิงโม่หนงอีกคำ
“ช่วยเธอฆ่าพวกมันทิ้ง ดีมั้ย?”
ริมฝีปากเฉิงโม่หนงสั่นริก ๆ
ก็ยังพูดอะไรไม่ออก
แท้จริงแล้วเฉิงโม่หนงเองก็ยังไม่รู้ ว่าตัวหล่อนเองตอนนี้คิดอะไรอยู่
คนทั้งคน เหมือนหลง เหมือนงง
ก็ได้แต่มองด้วยตาที่พร่ามัว มองไปที่เย่อู๋เทียน จะกะพริบยังไม่ยอมกะพริบ
เหมือนมีเรื่องที่อยากจะพูดนับพันหมื่นแสน
แต่คิดไม่ออก
จะเริ่มตรงไหนดี
ถึงขนาดว่า เฉิงโม่หนงในช่วงแวบหนึ่งนั้น ในใจก็เกิดความคิดอันน่าอัศจรรย์ขึ้นมาในทันทีนั้น
ยืนอยู่ตรงนี้ กลายเป็นรูปแกะสลักหิน
แล้วยืนมองเย่อู๋เทียนอยู่ตรงนี้
ไม่ให้มีการหลุดจากไปแม้แต่นาทีเดียว
ไม่อยากให้ผ่านไปอีกวันแล้วก็เป็นวันที่ไม่เห็นเย่อู๋เทียน
แต่ในเวลาเดียวกันนี้มองกลับไปที่เฉิงเฟยหูกับเฉิงจิ้นซองสองพ่อลูก
คนพ่อนั้นยังคงคุกเข่าอยู่กับพื้น ปากพร่ำบ่นเหมือนสวดมนต์
ก็ไม่พ้นสองคำว่าขออภัย
ส่วนเฉิงจิ้นซอง
เย่อู๋เทียนแค่มองไปแวบเดียว
ตัวเขาก็แข็งทื่อ ถูกสะกดช็อกตายไปเดี๋ยวนั้น
บรึม!
ล้มลงทั้งยืน
ชักกระตุกไปทั้งตัว ตาขาวเหลือกขึ้น!
เย่อู๋เทียนก็หันกลับไปมองเฉิงเฟยหู ออกเสียงพูดเหยียด ๆ
“ตอนนี้ฉันยังรู้สึกแปลกใจอยู่นะ มันใครกันนะ ใครบังอาจหาญกล้าทำให้โม่หนงของฉันต้องเจ็บช้ำน้ำใจ!”
“ปีนั้น ฉันก็เคยไปที่บ้านตระกูลเฉิงครั้งหนึ่ง ก็พอเข้าใจดีนะ พวกบ้านตระกูลเฉิงนั้น ร่ำรวยขึ้นมาได้อย่างไร!”
“ตอนนั้น ฉันเหมือนกับได้บอกกับคุณเรื่องหนึ่ง ฉันบอกว่า เรื่องที่ผ่านไปแล้วของตระกูลเฉิง ฉันจะไม่ไปรื้อฟื้นได้ ทำดี ๆ กับพี่สาวฉันก็แล้วกัน หลังจากนั้น พี่สาวฉัน ก็ได้เป็นผู้ดูแลเฉิงซื่อ กรุ๊ปของพวกคุณ!”
“และบ้านตระกูลเฉิงของพวกแกเล่า?ก็ไม่ได้ทำเรื่องชั่วร้ายให้เป็นที่ละอายฟ้าดินอีก!”
“แต่ ความเมตตาที่ฉันให้กับตระกูลเฉิงในครั้งนั้น กลับกลายเป็นสภาพอย่างทุกวันนี้……”
“เฉิงเฟยหู มีอะไรจะพูด ก็พูดได้ไม่เป็นไร คุณก็บอกมาหน่อยซิ ความเดิมที่คุณกับเฉิงจิ้นซองรับพี่สาวฉันจากข้างนอกมาเลี้ยงดู เป็นความบริสุทธิ์ใจจริง หรือว่า คิดเลียนแบบคนอื่น เห็นเป็นสินค้าควรเก็บเพื่อโก่งราคา?”
คำพูดต่าง ๆ ที่เย่อู๋เทียนพูดมา แต่ละตัวแต่ละคำ ล้วนกรอกใส่เข้าไปในหูเฉิงเฟยหู
มันเหมือนเข็มตะปูตอกทะลุเข้าไปถึงหัวใจ
ทำเอาเฉิงเฟยหูกลัวจนเนื้อเต้นใจสั่น!
เฉิงเฟยหูนึกยังไงก็นึกไม่ออก
เย่อู๋เทียน ถึงขนาดรู้ประวัติที่มาที่ไปของตระกูลเฉิงอยู่ก่อนแล้ว
หลายปีมานี้ที่ยังไม่จัดการกับตระกูลเฉิง กลับเป็นเพราะ เฉิงโม่หนง!
เฉิงโม่หนงฟังเรื่องราวที่เย่อู๋เทียนพูดมา ก็ตั้งสติกลับมาในฉับพลัน แววตาที่มองเย่อู๋เทียน เต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจ
ไม่รู้จะคิดยังไง
เย่อู๋เทียน ถึงขนาดรู้หมดถึงตระกูลเฉิงนี้ว่าเป็นฝูงตัวอะไร
หลายปีนี้ที่เขาไม่ลงมือจัดการกับตระกูลเฉิง………
เพราะเพื่อตัวหล่อนเอง!
ยิ่งคิดไม่ถึงว่า ที่หล่อนขึ้นมาเป็นผู้ดูแลกำกับเฉิงซื่อ กรุ๊ปได้ในปีนั้น ก็ด้วยคำพูดคำเดียวของเย่อู๋เทียน!
และแล้วเฉิงเฟยหูที่หมอบกราบอยู่กับพื้นเงยหน้าขึ้นมองเย่อู๋เทียน
ตอบด้วยเสียงสั่นระริก
“ปีนั้นที่รับเฉิงโม่หนงมาเลี้ยง ก็ด้วยเมตตาจิตของพวกเรา!ไม่ ไม่ใช่มองเป็นสินค้าเก็งกำไรแต่อย่างใด!”
เย่อู๋เทียนถามด้วยสงสัย
“แล้ววันนี้มันเกิดอะไรขึ้น?”
เฉิงเฟยหูตอบอย่างอกสั่นขวัญแขวน
“ไม่มี!ไม่มีอะไร!ก่อนนี้ฉันป่วยหนัก หานจื่อฉีได้ช่วยฉันจนหายดี แล้วเขาเกิดชอบเฉิงโม่หนง ฉัน…ฉันก็เลยจัดการเองโดยพลการ จะยกหล่อนให้หานจื่อฉี นี่เป็นข้อเท็จจริง เรื่องก็เป็นแค่นี้จริง ๆ!”
“ไว้ชีวิตด้วย!โปรดไว้ชีวิตด้วย!ท่านชิงตี้!”
เย่อู๋เทียนยิ้มน้อย ๆ
“อ้าว ที่แท้คุณยังรู้จักฉายาของฉันด้วย แต่คุณดูเหมือนจะลืมตัวข้างหน้าไปนะ เจ้ายมบาล!”
เฉิงเฟยหูร้องลั่นด้วยความกลัวจัด
“ตระกูลเฉิงของฉันโทษไม่ถึงตาย!ตระกูลเฉิงของฉันโทษไม่ถึงตาย!”
เย่อู๋เทียนหัวเราะเสียงหนาวเยือก
“ตามที่ฉันรู้มา พวกคุณไปเก็บเฉิงโม่หนงมาจากเทือกเขาเอ๋อเหมย จัดการลงทะเบียนรับเป็นบุตรบุญธรรมที่ชิงเฉิง ทว่า ที่พวกคุณไปเทือเขาเอ๋อเหมยในปีนั้น ไปทำอะไรไว้นะ?”
ได้ยินคำพูดนี้เข้า เฉิงเฟยหูถึงกับใบ้พูดไม่ออก หน้าถอดสีเป็นสีขี้เถ้ามอด
ไม่คิดเลยว่า
เย่อู๋เทียน ถึงขนาดรู้หมดทุกอย่าง
แต่พอคิดกลับอีกทีก็เข้าใจได้
เย่อู๋เทียน…….
ผู้พิทักษ์ประเทศหลง เจ้ายมบาลชิงตี้
ถ้าเขาต้องการสืบหาใครสักคน เรื่องอะไรสักเรื่อง หรือสักตระกูลหนึ่ง!
แค่เพียงขยับปาก
ก็มีขบวนการระดับยอดเยี่ยมของประเทศหลง ช่วยเขาจัดการสืบสอบ!
เย่อู๋เทียนยืนก้มมองลงไปที่เฉิงเฟยหู ออกปากตั้งข้อกล่าวหา
“ปีนั้น พวกคุณเข้าไปที่เทือกเขาเอ๋อเหมย ก็เพื่อจะไปหาโสมป่าอันหนึ่ง ประจวบเหมาะว่า โสมป่าอันที่พวกคุณต้องการนั้น กลับไปตกอยู่กับนายพรานคนหนึ่ง พวกคุณตกลงราคากับพรานป่าคนนั้นไม่ได้ ก็เลยจัดการฆ่าพรานป่าคนนั้น ไม่เพียงแต่ชิงเอาโสมป่านั้นมา อีกทั้งยังพาเด็กผู้หญิงเล็ก ๆ เอาออกมาจากบ้านนี้ด้วย เรื่องนี้คุณว่าเป็นบุญคุณเหรอ?”
เฉิงเฟยหูร้องลั่น
“นายพรานป่าคนนั้นเป็นคนร้ายฆ่าคน เขาไปหลบซ่อนตัวอยู่ในป่า ตอนนั้นพวกเราไปฆ่าเขา ก็เพื่อขจัดภัยร้ายให้ชาวบ้าน!พวกเราตระกูลเฉิงพื้นเพอาจจะไม่สะอาดนัก แต่ไม่ใช่พวกเลวร้ายต่ำช้า โทษยังไม่ถึงตาย! โทษยังไม่ถึงตาย!”
เย่อู๋เทียนถามกลับ
“มีคนไปฆ่าพ่อของนายพรานคนนั้น นายพรานคนนั้นก็ไปฆ่าคนที่ฆ่าพ่อเขาเป็นการล้างแค้น พฤติกรรมนี้ ตามกฎหมายย่อมรับไม่ได้อยู่ แต่แล้ว พฤติกรรมของพวกคุณ กฎหมายยอมรับได้หรือ?”
เฉิงเฟยหูถึงกับใบ้พูดไม่ออกอีกครั้ง
และในขณะเดียวกันนั้น เฉิงโม่หนงก็ถามเย่อู๋เทียนด้วยเสียงสั่นเครือขึ้นมาในทันทีว่า
“ฉันกับนายพรานป่าคนนั้น มีความสัมพันธ์อะไรกัน?”