จอมบงการเทพยุทธ์ - บทที่ 173 ดินแดนทั้งห้าอันเป็นนิรันดร์เส้นทางนิรันดร์กําลังจะเปิดแล้ว
- Home
- จอมบงการเทพยุทธ์
- บทที่ 173 ดินแดนทั้งห้าอันเป็นนิรันดร์เส้นทางนิรันดร์กําลังจะเปิดแล้ว
บทที่ 173 ดินแดนทั้งห้าอันเป็นนิรันดร…
บทที่ 173 ดินแดนทั้งห้าอันเป็นนิรันดร์เส้นทางนิรันดร์กําลังจะเปิดแล้ว!
ที่ด้านหน้าของเส้นทางจักรพรรดิระดับสุดท้ายราชันผู้กําแหงทุกเผ่าพันธุ์มารวมตัวกันที่นี่และเป็นการยากที่จะก้าวผ่านไปได้
แต่สําหรับพวกเขาไม่มีอะไรที่คุ้มค่าไปกว่านี้อีกแล้ว
ทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับจอมจักรพรรดิในหมู่จอมจักรพรรดิเมื่อหลายล้านปีก่อนย่อมดีกว่าการฝึกฝนอย่างหนักหลายปี
ดังนั้น ในช่วงเวลาสั้นๆ ความแข็งแกร่งของทุกคนต่างก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
และเมื่อราชันผู้กําแหงรู้วิธีกําจัดอุปสรรคก่อนการขับเคี่ยวรอบสุดท้ายในตอนที่พวกเขา
พัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเองฉินมู่ก็ได้เดินเตร่ไปพร้อมกับเด็กหญิงตัวน้อยที่เป็นจิตแห่งเต๋าของจักรพรรดินีในพิภพเบื้องล่าง
แต่ในระหว่างนี้เขาไม่เคยละสายตาจากเส้นทางจักรพรรดิสุดท้ายนั้นเลยฉินมู่อดหัวเราะไม่ได้เมื่อมองดูราชันผู้กําแหงทุกคนขับเคี่ยวกับอดีตจักรพรรดิวัยเยาว์และพัฒนาความแข็งแกร่ง
ของพวกเขาอย่างรวดเร็วจักรพรรดิเหล่านี้แท้จริงแล้วเป็นรางวัลที่เขามอบให้กับราชันผู้กําแหงที่สามารถไปถึงจุดสิ้นสุดบนเส้นทางจักรพรรดิสําหรับทุกเผ่าพันธุ์ได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับผู้มากพรสวรรค์แห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์หลายคนนี่ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากครั้งหนึ่งในชีวิต
อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อมองผ่านยุคสมัยจะมีผู้ใดที่สามารถขับเคี่ยวกับจอมจักรพรรดิวัยเยาว์ได้เหมือนอย่างเช่นตอนนี้บ้าง?เป็นไปไม่ได่โดยสิ้นเชิง
เท่ากับว่าราชันผู้กําแหงของเผ่าพันธุ์หมื่นเซียนได้รับหนี้บุญคุณจากเผ่าพันธุ์มนุษย์แต่ฉินมู่ไม่สนใจในส่วนนั้น
เพราะนั่นเป็นส่วนหนึ่งของแผนของเขา
ด้วยแต้มตกใจที่เขามีอยู่ในตอนนี้ ไม่มีปัญหาเลยที่จะยกระดับของเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้กลายเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลนี้ แต่นั่นจะได้ผลจริงหรือ?
เพียงก้าวไปทีละก้าวการเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองการเอาชนะเผ่าพันธุ์อื่นๆและการบรรลุระดับสูงสุดนั่นคือเส้นทางที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ควรท่าจริงๆอย่างนั้นหรือ
แทนที่ฉินมู่จะส่งเสริมการฝึกฝนเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง เขากลับสร้างพลังการต่อสู้ระดับสูงแบบสุ่มสําหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์
ดินแดนลับแห่งซากอารยะธรรมของจอมจักรพรรดิก่อนหน้านี้ มันถูกสร้างขึ้นเพื่อเพิ่มความมั่นใจในตนเองของเผ่าพันธุ์และในขณะเดียวกันก็ทําให้เผ่าพันธุ์หมื่นเซียนต้องตกตะลึง
และตอนนี้จุดประสงค์ในการสร้างความตกตะลึงสําเร็จแล้วและเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้รับโอกาสในการมีชีวิตและพัฒนาต่อไป
สิ่งต่อไปก็ขึ้นอยู่กับเผ่าพันธุ์มนุษย์เองที่จะตื่นตัวและปฏิบัติตัว
ราชันผู้กําแหงลุกขึ้น และพลังโดยรวมก็เพิ่มขึ้น….
นี่คือสิ่งที่ต้องใช้เวลานานในการตกตะกอนไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถทําได้ในชั่วข้ามคืนและราชันผู้กําแหงเผ่าพันธุ์หมื่นเซียนเหล่านี้ ซึ่งได้รับการสนับสนุนร่วมกับเผ่าพันธุ์มนุษย์คือหินลับดาบที่ฉินมู่เตรียมไว้สําหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์
มีเพียงการต่อสู้และการสังหารเท่านั้นที่จะสามารถสร้างความแข็งแกร่งที่แท้จริงได้และตอนนี้ ถึงเวลาที่จะหัวเราะครั้งสุดท้ายแล้ว!
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หนึ่งปีผ่านไปในพริบ
ในช่วงสองปีที่ผ่านมาผู้มากพรสวรรค์หลายคนที่มาถึงจุดสิ้นสุดของเส้นทางจักรพรรดิต่างก็ชื่นชมโอกาสที่หายากนี้ในการขับเคี่ยวกับจักรพรรดิและจักรพรรดิรุ่นเยาว์
เขตแดนและพลังการต่อสู้ของพวกเขาก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ความแข็งแกร่งในการต่อสู้โดยรวม ได้รับการยกระดับสู่เขตแดนจักรพรรดิสูงสุด!และเมื่อพวกเขาฝ่าฟันไปได้แม้ว่าจะยังไม่สามารถเอาชนะจอมจักรพรรดิวัยเยาว์ได้และแทบจะไม่สามารถต่อสู้กับจอมจักรพรรดิวัยเยาว์ได้และเอาชีวิตรอดมาได้ชั่วขณะหนึ่ง
จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถหวังที่จะเอาชนะจอมจักรพรรดิรุ่นเยาว์ที่นี่ได้อย่างแท้จริงผู้ที่สามารถทิ้งร่องรอยไว้ที่นี้ได้ คือตัวตนที่แท้จริงในอดีตนี้และวิถีแห่งธรรมชาติของพวกเขาได้บรรลุถึงสภาวะที่สมบูรณ์ที่สุดแล้ว
พวกเขาเหล่านั้นแม้ว่าจะยังเยาว์วัยพวกเขาก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นนิรันดร์จะพ่ายแพ้ได้อย่างไร?
ทางเดียวก็คือต้องทําความคุ้นเคยกับวิถีและกฎของจอมจักรพรรดิในหมู่จอมจักรพรรดิเหล่านี้และพยายามเอาชีวิตรอดให้นานขึ้น จากนั้นจึงผ่านป่าแห่งอนุสรณ์สถานแห่งนี้และไปถึงจุดสูงสุดที่อยู่ด้านหลัง
“หลังจากฝึกฝนหนักมาหลายปี ข้ารู้สึกว่าข้ามาถึงขีดจํากัดแล้ว ด้วยพลังการต่อสู้ในปัจจุบันของข้าข้าควรจะสามารถผ่านอุปสรรคนี้ไปได้”
เย่หลิงเสวี่ยพูดพึมพํากับตัวเอง และดวงตาของนางก็เปล่งประกายด้วยความมั่นใจเป็นเวลา
หลายปีที่นางต่อสู้กับจอมจักรพรรดิเผ่าพันธุ์มนุษย์วัยเยาว์และนางก็ได้ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดวลกับจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญ มันเป็นประโยชน์ต่อนางเป็นอย่างและตอนนี้นางรู้สึกว่านางใกล้จะถึงขีดจํากัดสําหรับการพัฒนาแล้วและถ้านางจะยังดําเนิน
การต่อมันคงไม่สมเหตุสมผลมากนักในเวลาอันสั้นเช่นนี้ตอนนี้
ถึงเวลาแล้วที่จะเดินผ่านป่าอนุสรณ์และไปที่ด่านต่อไป!
เย่หลิงเสวี่ยลุกขึ้นยืนและก้าวเข้าสู่ป่าอนุสรณ์และพบกับร่องรอยของจอมจักรพรรดิโบราณบนอนุสรณ์ทุกแห่งที่นางเดินผ่านไป
เมื่อนางต่อสู้และก้าวหน้าและออกจากพื้นที่ซึ่งปกคลุมไปด้วยอนุสรณ์ที่ประทับด้วยร่องรอย
ของจอมจักรพรรดิโบราณจอมจักรพรรดิวัยเยาว์จะหายไป
ตลอดทาง นางได้พบจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญเป็นคนแรกถัดมาก็ต่อสู้กับจอมจักรพรรดิชิงจากนั้นก็กลายเป็นหลุมฝังศพจอมยุทธ์ระดับสุดยอดและในที่สุดก็ออกจากที่นี่ไปได้และมาถึงด่านภูเขาที่ยิ่งใหญ่ที่อยู่ด้านหลังได้สําเร็จจากนั้นก็ผลักประตูเมืองและเดินเข้าไป!
“พี่หลิงเสวี่ยผ่านไปได้แล้ว ข้าก็ต้องตามให้ทัน”
หยุนรั่วซีเคลื่อนไหวทันทีหลังจากเย่หลิงเสวี่ยได้ผ่านการทดสอบ นางได้ผ่านจอมจักรพรรดิอู๋จื่อจอมจักรพรรดิสวรรค์และจอมจักรพรรดิเผ่าพันธุ์มนุษย์อีกคนหนึ่งและยังผ่านป่าอนุสรณ์ไปได้สําเร็จและเข้าสู่ด่านที่ยิ่งใหญ่ที่อยู่ด้านหลังของเส้นทางจักรพรรดิได้
และผู้มากพรสวรรค์อื่นๆอีกมากมายพวกเขาไม่อยากอ่อนแอไปกว่าพวกนางเมื่อเห็นเย่หลิงเสวี่ยและหยุนรั่วซีประสบความสําเร็จในการทดสอบพวกเขาจึงปฏิบัติตามและพยายามผ่านบททดสอบนี้ไปให้ได้
บางคนประสบความสําเร็จและแน่นอนว่าบางคนก็ล้มเหลวองค์ชายหยวนองค์ชายยู่เช่นเดียวกับราชันผู้นําแหงอื่นๆล้วนประสบความสําเร็จ
แต่ทว่า ยังมีกลุ่มของราชันผู้กําแหงที่ยังไม่สามารถผ่านไปได้ ในหมู่พวกเขานั้นมีลูกของจอมจักรพรรดิหมื่นเซียนสองคน
“แปลก ทําไมเขายังไม่มา…”
หลังจากที่องค์ชายยู่ก้าวผ่านไปได้สําเร็จเมื่อมองย้อนกลับไป เขาพบว่าร่างที่เขาให้ความสนใจอยู่เสมอไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ และยังคงนั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ
ร่างนั้น คือจีสื่อ
ตั้งแต่มาถึงที่นี่จีสื่อเงียบมาโดยตลอด และนอกเหนือจากอนุสรณ์ที่มีร่องรอยของจอมจักรพรรดิฟ้าว่างจารึกไว้แล้วเขาก็ไม่เคยเผชิญหน้ากับอนุสรณ์ที่มีร่องรอยของจอมจักรพรรดิโบ
ราณอื่นๆที่จารึกไว้เลย
จีสื่อไม่สามารถก้าวผ่านมาได้งั้นรึ? องค์ชายยู่ไม่เชื่อ
หลังจากได้รับการฝึกฝนมาหลายปีเขาสามารถผ่านการทดสอบได้สําเร็จศัตรูที่ยิ่งใหญ่ของเขาผู้นี้จะล้มเหลวได้อย่างไร?
นอกจากนี้อีกฝ่ายไม่เคยแม้แต่จะลองด้วยซ้ำ
ในตอนที่องค์ชายยู่สงสัยในที่สุดจีสื่อก็เคลื่อนไหว
เขายืนขึ้นอย่างไม่ปิดบัง แต่หันหน้าไปในทิศทางอื่นใบหน้าของเขาที่เรียบนิ่งอยู่เสมอทําให้ดูสง่างามอย่างไม่คาดคิด
และในขณะเดียวกันไม่เพียงแต่องค์ชายยู่เท่านั้นแต่ทุกคนที่ยังไม่ได้เข้าสู่ด่านภูเขาที่ยิ่งใหญ่รู้สึกบางอย่างในใจและมองไปในทิศทางเดียวกัน!
นั่นคือทิศทางของดินแดนทั้งห้า!
กระแสของแสงที่ส่องผ่านท้องฟ้าฉายแสงพลังอันสุดยอดฉีกจักรวาลอันกว้างใหญ่แม้ว่าจักรวาลจะอยู่ไกลโพ้นแต่ทุกคนก็สามารถรู้สึกได้ถึงความน่าสะพรึงกลัวที่ไม่มีใครเทียบได้ของกระแสพลังนี้!
นั่นคือแสงศักดิ์สิทธิ์ที่หาที่เปรียบมิได้มีกระแสพลังนิรันดร์หลั่งไหลมันยิ่งใหญ่และดูงดงามเป็นอย่างมากและดูเหมือนว่าทั้งจักรวาลจะถูกแทรกซึมไปด้วยแสงนิรันดร์นี้
“นี่คือ…”
องค์ชายแห่งเผ่าพันธุ์หมื่นเซียนมองดูทั้งหมดนี้ด้วยใบหน้าที่ตกตะลึงราวกับว่าคิดอะไรบางอย่าง
“ในดินแดนทั้งห้าแสงนิรันดร์ที่แทรกซึมอยู่ในพิภพ… ณ เวลานี้อาจจะหมายความว่า… เส้น
ทางสู่นิรันดร์ในตํานานกําลังจะเปิดออกงั้นรึ?!”