จอมบงการเทพยุทธ์ - บทที่ 215 พ่ายแพ้ในการต่อสู้ทั้งสี่ครั้งอนุสรณ์โบราณอันลึกลับปรากฏขึ้นในสนามรบ
- Home
- จอมบงการเทพยุทธ์
- บทที่ 215 พ่ายแพ้ในการต่อสู้ทั้งสี่ครั้งอนุสรณ์โบราณอันลึกลับปรากฏขึ้นในสนามรบ
บทที่ 215 พ่ายแพ้ในการต่อสู้ทั้งสี่ครั้งอนุสรณ์โบราณอันลึกลับปรากฏขึ้นในสนามรบ!
“โอ้ สวรรค์!”
“หยินหลงตายแล้วจริงๆ… ไม่อยากจะเชื่อเลยพวกเขาแข็งแกร่งขนาดนั้นจริงๆงั้นรึ?…..”การตายของหยินหลงทําให้ราชันผู้กําแหงทางฝั่งของแดนนิรันดร์ตกตะลึงพวกเขาหายใจ
เข้าออกลึกๆราวกับว่าถูกน้ำเย็นเทราดลงบนหัวใจของพวกเขา
หยินหลงสามารถเรียกได้ว่าเป็นราชันผู้กําแหงที่แข็งแกร่งที่สุดในรุ่นเดียวกันของแดนนิรันดร์
ราชันผู้กําแหงดังกล่าวไม่เพียงแต่พ่ายแพ้เท่านั้นแต่ยังพ่ายแพ้อย่างน่าสลดใจอีกด้วย
สิ่งนี้ทําลายจินตนาการและความภาคภูมิใจของราชันผู้กําแหงแห่งแดนนิรันดร์นับพันทําให้
พวกเขาเหมือนกับตกลงไปในถ้ําน้ำแข็งที่เย็นยะเยือก!
“นี่คือสิ่งที่เรียกว่าราชันผู้กําแหงแห่งแดนนิรันดร์งั้นรึ?ฮ่าๆ แต่ก็นั่นแหละ!”
หลังจากที่หยินหลงเสียชีวิตลง สิ่งมีชีวิตในดินแดนต่างพิภพต่างก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งแสดงท่าทางที่หยิ่งทะนงและป่าเถื่อนมองไปยังราชันผู้ก่าแหงแห่งแดนนิรันดร์ที่เหลืออยู่
การแสดงออกนั้นมันเหมือนกับราชันผู้กําแหงแห่งแดนนิรันดร์นับพันไม่ได้อยู่ในสายตาของราชันผู้กําแหงเหล่านี้เลย!
“ไร้ค่าเสียจริง ชื่อของเทพผู้นี้คือเฉียนหลัวและในหมู่สหายของข้า ข้าอยู่ในอันดับที่ยี่สิบ”ราชันผู้กําแหงแห่งแดนทมิฬพูดอย่างโหดเหี้ยมด้วยคําพูดที่ดูถูกเหยียดหยาม
“ข้าคิดว่าราชันผู้กําแหงแห่งแดนนิรันดร์จะทําให้ข้าตื่นเต้นมากกว่านี้เสียอีก แต่ใครจะคาดคิดว่าพวกเขาจะอ่อนแอขนาดนี้”
คําพูดของเฉียนหลัว เป็นการยั่วยุที่โจ่งแจ้งที่สุดแต่ก็ทําให้ราชันผู้กําแหงแห่งแดนนิรันดร์น้ำท่วมปาก*
(WIJGB สํานวน เงียบกริบ น้ำท่วมปากพูดไม่ออกหวานอมขมกลืน)
สุดท้ายแล้ว หยินหลงก็ถูกสังหารไปได้อย่างง่ายดายและตอนนี้คําพูดทั้งหมดที่พวกเขาเคยพูดไว้ก็จืดจางและไม่มีอํานาจใดๆ
ไม่ว่าพวกเขาจะพูดอะไรมากเพียงใดก็ไม่เพียงพอที่จะยับยั้งไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามสังหารหยินหลงได้
ยิ่งกว่านั้น นั่นเป็นเพียงราชันผู้กําแหงของแดนทมิฬที่อยู่ในอันดับที่ยี่สิบในหมู่สหายของพวกเขาผู้ซึ่งทําลายความโกลาหลได้อย่างง่ายดาย
นี่คือสิ่งที่ทําให้ราชันผู้กําแหงของฝั่งแดนนิรันดร์หวาดกลัวมากที่สุด!
แต่อย่างไรก็ตาม การตายของหยินหลงเป็นเพียงการอุ่นเครื่องก่อนเปิดฉากการต่อสู้เท่านั้นและหลังจากนั้นราชันผู้กําแหงแห่งแดนทมิฬหลายคนก็ก้าวออกมาข้างหน้าและเรียกร้องให้อีกฝ่ายออกมา
“ข้าฝึกฝนมานับล้านปีแล้ว และข้าอยู่ในอันดับที่สิบสามในหมู่สหายของข้า ใครอยากจะตายเป็นรายต่อไป?”
“แดนนิรันดร์ช่างไร้ค่าจริงๆกล้าอ้างตัวว่าเป็นราชันผู้กําแหง!””ฮ่าฮ่าขึ้นมาเพื่อตายสังหารง่ายพอๆกับการบดขยี้แมลง!”
ราชันผู้กําแหงของแดนทมิฬทั้งหลายเหล่านี้ตะโกนด้วยความเหยียดหยามและไม่ใส่ใจราชันผู้กําแหงของฝ่ายแดนนิรันดร์เลยแม้แต่น้อย
พวกเขาทั้งหมดล้วนน่ากลัวเป็นอย่างยิ่งและไม่ได้ด้อยกว่าเฉียนหลัวที่ได้ต่อสู้ไปก่อนหน้านี้
สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือดวงตาของพวกเขาที่มองไปยังราชันผู้กําแหงแห่งแดนนิรันดร์นั้นเปี่ยมไป ด้วยความตื่นเต้นเมื่อพบกับเหยื่อ และดูเหมือนว่าในสายตาพวกเขา ราชันผู้กําแหงแห่งแดนนิรันดร์เหล่านี้จะเป็นเพียงเหยื่อที่พวกเขาล่าเท่านั้น
เมื่อเผชิญกับการยั่วยุเช่นนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่ฝ่ายแดนนิรันดร์จะถอยกลับ และมีราชันผู้กําแหงบางคนรีบพุ่งไปข้างหน้าเพื่อต่อสู้
ในที่สุด สามคนที่โดดเด่นก็ถูกเลือกให้เข้าต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตต่างแดน!
“สังหารพวกมัน และเพิ่มชื่อเสียงศักดิ์ศรีให้กับแดนนิรันดร์ของพวกเรา!””พวกมันกล้าดีอย่างไรมาพูดแบบนี้ต้องสั่งสอนพวกมันให้หลาบจ๋า!”
“สังหารพวกมัน และล้างแค้นให้กับหยินหลง!”
“มันจะเป็นวันแห่งเกียรติยศหากวันนี้สามารถสังหารราชันผู้กําแหงแห่งแดนทมิฬได้ มันจะสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองและถูกจารึกลงไปในประวัติศาสตร์ได้อย่างแน่นอนและมันจะไม่สูญ
เปล่าที่จะเดินบนพิภพแห่งนี้!”
เลือดของราชันผู้กําแหงจํานวนมากกําลังเดือดพล่าน และอดไม่ได้ที่จะสนับสนุนราชันผู้
กําแหงไม่กี่คนผู้ที่ออกไปต่อสู้โดยหวังว่าพวกเขาจะสามารถเอาชนะราชันผู้กําแหงแห่งแดนทมิฬได้
แต่ทว่า ในเวลาต่อมา เสียงตะโกนของทุกคนก็หยุดลงอย่างกะทันหันและใบหน้าของพวกเขาเกือบทุกคนก็ดูเศร้าสลดอย่างไม่น่าเชื่อ!
เพราะการต่อสู้ทั้งสามจบลงแล้วและผลลัพธ์ที่ได้ก็น่าสลดใจยิ่งนัก!
ราชันผู้กําแหงที่อยู่ฝั่งแดนนิรันดร์พ่ายแพ้ทั้งหมดไม่มีผู้ใดชนะ! และราชันผู้กําแหงแห่งแดนทมิฬก็เอาชนะได้อย่างง่ายดายราวกับการแสดง!
คนหนึ่งถูกตัดศีรษะคนหนึ่งถูกฉีกเป็นชิ้นๆและอีกคนหนึ่งถูกสังหารตายที่ตรงนั้น ไม่มีแม้แต่ เลือด และไม่เหลือแม้แต่ชิ้นส่วนของชุดเกราะ มันถูกกวาดล้างไปจากพิภพอย่างสมบูรณ์!”นี่คือสิ่งที่เรียกว่าราชันผู้กําแหงแห่งแดนนิรันดร์งั้นรึ?มันช่างอ่อนแอเสียจริง!””ถ้าพวกเขาทั้งหมดเป็นฝ่ายตรงข้ามดังกล่าวเมื่อแม่น้ำถูกเปิดออกพวกเราก็สามารถกําราบ
สถานที่แห่งนี้ได้ เพียงแค่รอพวกเราและไม่จําเป็นต้องให้ดินแดนของเราเคลื่อนไหว”การเยาะเย้ยที่ดุดันทําให้ฝั่งของแดนนิรันดร์ตกอยู่ในความเงียบอย่างหาที่เปรียบมิได้พ่ายแพ้ในการต่อสู้ทั้งสี่ครั้ง และพวกเขาทั้งหมดเป็นความพ่ายแพ้ที่เป็นหายนะและการโต้ แย้งใดๆก็จืดจางไร้ความหมาย
สําหรับตอนนี้มีเพียงราชันผู้กําแหงที่สามารถกวาดอีกฝ่ายหนึ่งได้ กลุ่มนักรบที่อยู่อีกด้านหนึ่งต่างก็นึกถึงสิ่งที่สูญเสียไปก่อนหน้านี้
ในชั่วขณะหนึ่งบรรยากาศของทางด้านแดนนิรันดร์นั้นน่าหดหู่ใจเป็นอย่างมากแม้แต่ราชันเฉียน สีหน้าของเขาก็นิ่งราวกับแม่น้ำ
แม้ว่าการต่อสู้จะยังไม่จบแต่ผลลัพธ์ในตอนนี้ก็ทําให้เขารู้สึกทนไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังรู้ว่าถึงแม้ราชันผู้กําแหงที่เหลือจะต้องต่อสู้ แต่ผลลัพธ์ก็ไม่น่าเปลี่ยนแปลงมากนัก
สิ่งมีชีวิตรุ่นเยาว์แห่งแดนทมิฬนั้นแข็งแกร่งเกินไปเกินความคาดหมายของเขาเป็นอย่างมาก”ราชันผู้กําแหงแห่งแดนนิรันดร์มันช่างอ่อนเหลือเกิน ข้าอุตส่าห์ตั้งตารอมาเป็นเวลานานชื่อของข้าคือเทียนหวู่ข้าฝึกฝนมาห้าแสนปีแล้วและในสหายรุ่นเดียวกันข้าเป็นอันดับสามของดินแดนนี้ส่วนราชันผู้กําแหงที่เหลือพวกเจ้ารีบเข้าไปในแดนนิรันดร์กันเถอะ อย่าเสียเวลาเปล่าๆข้าจะตามพวกเจ้าเข้าไปเร็วๆนี้!”
ในตอนที่ราชันผู้กําแหงในแดนนิรันดร์ยังคงจมอยู่กับความตกตะลึงกับความพ่ายแพ้ทั้งสี่ครั้งติดต่อกันสิ่งมีชีวิตของดินแดนต่างพิภพอีกตัวหนึ่งก็ออกมาจากด้านหลังของกระทิงทอง
รูปร่างของเขาเหมือนกับมนุษย์ร่างกายของเขาดูแข็งแกร่งมาก และในมือของเขาถือทวนสวรรค์สีดําในขณะที่เขาเดินพิภพก็สั่นสะเทือนเล็กน้อยและถูกห่อหุ้มไปด้วยหมอกสีดําที่ไร้ที่สิ้นสุด
ยิ่งไปกว่านั้น น้ำเสียงที่ราวกับดูถูกเหยียดหยามอย่างยิ่งออกมาจากปากของเขาเขาไม่เคยเห็นฝั่งแดนนิรันดร์อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย และเขายังบอกว่าจะไปรวมตัวกับทุกคนอีกด้วย
“บูม!!”
เทียนหวู่ก้าวไปข้างหน้าและใช้ทวนสวรรค์ในมือของเขากวาดข้ามพื้นทรายสีเหลืองที่เปี่ยมไปด้วยกระดูกที่เหี่ยวแห้งอย่างไม่เกรงกลัว จนเกิดรอยแยกที่ไร้ก้นบึ้งและน่ากลัวทันที
กระดูกสีขาวที่ไร้ที่สิ้นสุดกลายเป็นฝุ่น นอกจากนี้ยังมีซากศพจํานวนมากที่ฝังอยู่ในส่วนลึกของยุคนั้นและชุดเกราะที่แตกหักก็โผล่ออกมาและกลิ่นอายของยุคสมัยก็พัดผ่านไป:ด่านจอมจักรพรรดิชายแดนร้าง มีอยู่มานานแล้วและไม่รู้ว่ามีมากี่ยุคสมัยและการต่อสู้ระหว่างสองดินแดนก็กินเวลามานานตั้งแต่ในสมัยโบราณ
ดังนั้น ดินแดนแห่งนี้จึงถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงมานานแล้ว และสิ่งมีชีวิตจํานวนมากจากทั้งสองดินแดนจึงถูกฝังอยู่ในนั้นซึ่งยากที่จะนับได้
แต่ทว่า หลังจากที่ทวนสวรรค์ที่อยู่ในมือของเทียนหวู่ที่กวาดดินแดนในตอนนั้น ดูเหมือนจะทําให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
มีแสงศักดิ์สิทธิ์อันเปล่งประกายเล็ดลอดออกมาจากพื้นดินราวกับดวงอาทิตย์ที่สดใสส่องแสงพร่างพราวอย่างหาที่เปรียบมิได!
“อะไรน่ะ?”
เทียนหวู่แปลกใจเล็กน้อยและจ้องมองไปในทิศทางที่แสงส่องประกาย
ดูเหมือนเขาจะมองเห็นอนุสรณ์โบราณซึ่งอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของพื้นดินราวกับว่ามันถูกทิ้งไว้ในยุคต่างๆมานับไม่ถ้วนสิ่งที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลังถูกฝังอยู่ที่นี่ชั่วนิรันดร์แต่ตอนนี้เพราะความผิดพลาดของเขามันจึงปรากฏขึ้นในดินแดนนี้!