จอมบงการเทพยุทธ์ - บทที่ 257 จอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์ ผู้กุมชะตา จ้าวแห่งเกาะสุขาวดี
- Home
- จอมบงการเทพยุทธ์
- บทที่ 257 จอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์ ผู้กุมชะตา จ้าวแห่งเกาะสุขาวดี
บทที่ 257 จอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์? ผู้กุมชะตา? จ้าวแห่งเกาะสุขาวดี!
“ทรงพลังเหลือเกิน”
ราชันเฉียนและราชันแห่งดอกบัวต่างเห็นพ้องต้องกัน
แม้ว่าราชันบรรพบุรุษนิรันดร์จะไม่เคยพบเจออะไรเช่นนี้มาก่อน แต่ในตอนนี้พวกเขาก็ได้เห็นพลังของตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวนี้ต่อหน้าต่อตาตนเองเพียงแค่หนึ่งลมหายใจสิ่งมีชีวิตทั้งมวลเหนือทะเลแห่งการปกป้องต่างสูญสลายไม่เหลือกระทั่งกระดูก
อย่างที่คาดเอาไว้สิ่งมีชีวิตที่หาญกล้าข้ามทะเลในช่วงเวลานี้มิมีทางจะต้านทานพลังอันยิ่งใหญ่เช่นนั้นได้!
“เขตแดนเช่นนี้ ตัวตนในระดับนี้….”
เสียงของราชันบรรพบุรุษนิรันดร์นั้นตะกุกตะกัก จิตวิญญาณที่แท้จริงที่แหวกว่ายอยู่ในแม่น้ำแห่งกาลเวลารู้สึกได้ถึงความสั่นคลอน
เขารู้ดีว่าไม่สามารถออกเดินทางสํารวจต่อไปได้อีกแล้ว ในครานี้เขาเพียงแค่โชคดีที่รอดพ้นจากพลังของอีกฝ่าย แต่หากยังคงดื้อดึงสํารวจต่อไปในครั้งนี้เกรงว่าเขาคงจะได้สูญสิ้นลงจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ในตอนที่ราชันบรรพบุรุษนิรันดร์กําลังจะดึงจิตวิญญาณที่แท้จริงกลับไปและจะจบการสํารวจลงนั้นเอง
ภาพเบื้องหน้าก็เปลี่ยนไปตัวตนอันยิ่งใหญ่ถูกปกปิดอยู่ภายในความวุ่นวายไร้สิ้นสุดปรากฏกําแพงโบราณยาวหลายพันล้านลี้ ตัดแบ่งสายธารแห่งการเวลาที่ทอดยาวทั้งหมด!
“นี่มัน….”
หัวใจของราชันโบราณสั่นสะท้าน
การเปลี่ยนแปลงนี้แสดงให้เห็นว่ามีบางสิ่งกําลังจะเกิดขึ้น!
ยิ่งไปกว่านั้น ในเมื่อสายธารแห่งกาลเวลาไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวตนสูงสุดนั้นแล้วในตอนนี้การจะสํารวจต่อก็คงไม่เป็นอันตรายเกินไปนัก
เมื่อคิดได้เช่นนั้นราชันบรรพบุรุษนิรันดร์ก็ไม่รีบร้อนจะถอนจิตวิญญาณที่แท้จริงกลับออกมาแต่เขายังคงเฝ้าดูต่อขอบเขตของสายธารแห่งกาลเวลานั้นยิ่งใหญ่โลกจํานวนนับไม่ถ้วนที่เกิดขึ้นและดับไปนั้นเป็นตัวชี้วัดและในตอนนั้นเองเหนือกําแพงโบราณที่ขวางกั้นสิ่งมีชีวิตสูงสุดออกไปก็ปรากฏสิ่งมีชีวิต หนึ่งขึ้นมา!
เขามีร่างที่ผอมบาง อยู่ในชุดสีขาว ร่างของเขานั้นสูงใหญ่และทรนง มีกระแสพลังที่อธิบายไม่ได้ไหลเวียนอยู่รอบกาย
ความรู้สึกนี้ราวกับว่าทุกสิ่งในร่างกายของเขาทุกๆเซลล์ทุกๆอณูต่างอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์แบบสมบูรณ์ราวกับสิ่งมีชีวิตสูงสุดยิ่งใหญ่เหนือผู้ใด ราวกับเป็นที่สุดของที่สุด
ทุกๆ เซลล์และทุกๆอณูในร่างกายนั้นมีความแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่กว่าการระเบิดของจักรวาล
เขายืนอยู่เงียบๆ แต่ราวกับเป็นศูนย์รวมของทุกสิ่งในฟ้าดิน เหนือทุกสรรพสิ่งเป็นอิสระและเหนือกว่าสิ่งอื่นใด!
ทันทีที่ได้เห็นก็รับรู้ได้ในทันทีว่าผู้นี้แหละคือผู้ที่อยู่ในจุดสูงสุด!
สูงสุดอย่างไร้ที่เทียบ!
มิมีผู้ใดอยู่เหนือกว่านี้แล้ว และไม่มีผู้ใดหาญกล้า!
เขายืนอยู่เงียบๆแม้ว่าเขาจะอยู่ไม่ห่างจากสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่คนก่อนหน้านี้แต่เขาก็หยุดอยู่ตรงนั้นเพราะสิ่งขวางกั้นเบื้องหน้า
นี้!
“อันที่จริงแล้ว…ยังมีสิ่งมีชีวิตเช่นนี้อีกตนอย่างนั้นรึ!”
ราชันบรรพบรุษนิรันดร์ตกตะลึง
เขาไม่คาดคิดว่าเมื่ออยู่ดูต่อจะได้พบกับสิ่งมีชีวิตเช่นนี้อีกในสายธารแห่งการเวลาที่ทอดยาวไม่ต้องสงสัยเลยว่าร่างที่อยู่ในชุดคลุมสีขาวนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่เมื่อก่อนหน้านี้ที่ทําให้ราชันเซียนนิรันดร์หลายคนต้องตกตายไป!
ทุกคนต่างตกตะลึง
แต่ว่าความตกใจนี้ไม่ได้มีแค่คนๆเดียวกระทั่งจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญก็ยังตกตะลึง
เพราะมีเพียงนางผู้เดียวเท่านั้นที่รู้ถึงตัวตนของคนผู้นี้
นั่นก็คือ…. จ้าวแห่งเกาะสุขาวดี!
“ข้าเก็บตัวอยู่ในความสันโดษเป็นเวลาหลายพันล้านปี”
จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญพึมพํากับตัวเอง ดวงตาอันงดงามของนางเปี่ยมไปด้วยความตกใจและสงสัย
นางไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะได้พบกับร่องรอยของจ้าวแห่งเกาะสุขาวดีที่นี่
ยิ่งไปกว่านั้น จ้าวแห่งเกาะสุขาวดีในภาพโบราณนี้นั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าจ้าวแห่งเกาะสุขาวดีที่นางได้พบเจอในพิภพเบื้องล่าง!
แต่ถึงกระนั้นจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญก็มั่นใจว่าคนผู้นี้มิใช่ใครอื่นนอกจากจ้าวแห่งเกาะสุขาวดี
แม้ว่าจะมีความต่างในความแข็งแกร่งของทั้งคู่ แต่ก็มั่นใจได้อย่างแน่นอนเพราะไม่มีทางที่ในพิภพนี้จะมีสิ่งมีชีวิตเช่นนี้อยู่สองได้
และสิ่งเดียวที่จะกล่าวได้คือจ้าวแห่งเกาะสุขาวดีในพิภพเบื้องล่างนั้นไม่เคยสําแดงพลังที่แท้จริงออกมา
เพราะสุดท้ายแล้ว หากเขาสําแดงพลังที่แท้จริงออกมา เกรงว่าคงจะเป็นเช่นเดียวกับตัวตนที่ยิ่งใหญ่เมื่อก่อนหน้าเพียงลมหายใจเดียวก็สามารถทําให้พิภพเบื้องล่างสลายกลายเป็นขี้เถ้าได้ในพริบตา!
เมื่อคิดได้เช่นนี้ดวงตาอันงดงามของจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญก็จ้องเขม็งไปที่ภาพหวังจะได้ข้อมูลเกี่ยวกับฉินมู่มากกว่านี้
ทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาลกําลังพุ่งพล่าน ภายในภาพโบราณนั้น จ้าวแห่งเกาะสุขาวดียืนอยู่บนขอบก๋าแพงอันกว้างใหญ่มองออกไปไกลแสนไกลราวกับว่าเขาสามารถจ้องมองผ่านทะเลอันกว้างใหญ่ไพศาลและมองเห็นผู้ยิ่งใหญ่ที่กําลังหลับไหลอยู่อีกฟากของทะเล
สายลมพัดมา ก่อนที่จะมีอีกร่างปรากฏขึ้นด้านบนกําแพงนั้น ทําให้ทุกคนต้องอุทานออกมาเพราะคนที่ปรากฏตัวขึ้นมานั้น ราชันเฉียนและคนอื่นๆต่างรู้จักเขาคือผู้โดดเดี่ยว!
อย่างไรก็ตามผู้โดดเดี่ยวที่ปรากฏขึ้นมาบนภาพโบราณนี้นั้นทรงพลังกว่าผู้ที่อยู่ที่ชายแดนของแดนนิรันดร์มากเขาแข็งแกร่งขึ้นหลังจากผ่านไปเนิ่นนาน!
เขาอยู่เหนือเขตแดนราชันเซียนนิรันดร์แล้ว!
“ใกล้จะได้เวลาแล้ว ข้าต้องการข้ามทะเลแห่งนี้เพื่อสงบความโกลาหล ทําให้เกิดความสงบสุขของสิ่งมีชีวิตในฝั่งแดนนิรันดร์ทั้งมวล”
ภายในภาพ ผู้โดดเดี่ยวกล่าวออกมาเสียงของเขานั้นสงบและมุ่งมั่น มีกระทั่งความรู้สึกอันยิ่งใหญ่ที่ปกคลุมห้อมล้อมจักรวาล
“ทําในสิ่งที่เจ้าต้องการ
สิ่งมีชีวิตสูงสุดที่ยืนอยู่บนกําแพงกล่าว เสียงของเขาเฉยเมยและสูงส่งราวกับท้องฟ้า ราวกับทุกสิ่งในโลกอยู่ภายในดวงตาของเขา ไม่มีความลับใดๆและทุกสิ่งนั้นไร้ความหมาย
จ้าวแห่งเกาะสุขาวดีนั้นไร้เมตตา มองเห็นทุกสิ่งเป็นเพียงฝุ่นแมลง!
“เพียงแค่… หลังจากที่ข้าไป ผลลัพท์นั้นมิอาจคาดเดาได้ โลกนี้นั้นยิ่งใหญ่ไพศาล ความมืด มิดที่ซ่อนอยู่นั้นมีนับไม่ถ้วน ข้าเกรงว่าจะมิมีผู้ใดที่สามารถปกป้องแดนนิรันดร์แทนข้าได้หากข้าจากไป”
ได้
ผู้โดดเดี่ยวกล่าวออกมาเผยความกังวลใจ
เขาไม่เกรงกลัวจะข้ามทะเลเบื้องหน้า ไม่ว่าเขาจะสงบความโกลาหลนั้นได้หรือไม่ก็ตามเขากังวลเพียงแต่ว่าหลังจากที่เขาจากไป จะไม่มีผู้ใดสามารถปกป้องสิ่งมีชีวิตในแดนนิรันดร์
“สิ่งมีชีวิตทั้งมวลเพราะต้นกําเนิดและโชคชะตาของพวกมัน มันจึงเกิดขึ้นและดับไปตามกาลเวลา ดังนั้นแล้วจึงไม่มีความจําเป็นจะต้องเป็นกังวลกับสิ่งใด”
จ้าวแห่งเกาะสุขาวดีกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“หากเจ้าบรรลุเป็นจอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์ เจ้าจะได้เป็นผู้กุมชะตา เจ้าสามารถทําลายกระแสกาลเวลาทั้งมวลได้ และเปลี่ยนสายธารแห่งกาลเวลานี้เป็นวงกลม”
“เพียงแค่นึกคิด เจ้าก็จะสามารถเรียนรู้และเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์อันแสนยาวนานของสายธารแห่งกาลเวลาได้”
“เพียงแค่นึกคิด เจ้าก็จะสามารถเปลี่ยนสิ่งมีชีวิตหลายพันล้านชีวิตในพิภพหนึ่งให้สูญสลายหายไปได้ไม่มีแม้แต่ร่องรอยว่าเคยมีตัวตน”
“ดังนั้นแล้ว ตราบใดที่เจ้าผ่านไปได้เจ้าก็ไม่ต้องกังวลใดๆ”
PS: วันนี้มีสองตอนนะครับ นานๆ มาที เกรงใจจัง