จอมบงการเทพยุทธ์ - บทที่ 48 หนึ่งชั่วคนสองจักรพรรดิ การ
ากไปมเห็นเบื้องหน้า ผู้ตามมามเห็นเบื้องหลัง
โดดเดี่ยวเดียวดายเหนือนภา !
นี่เป็นความเดียวดายของผู้เป็นนิรันดร์
ไม่ว่าจะอดีตหรือปัจจุบัน ผ่านมามากมายหลายยุคหลายสมัย ไม่มีผู้ใดเทียบเคียงเขาได้ แผ่นหลังของชายผู้เดินบนเส้นทางแห่งความเป็นนิรันดร์อันไร้ที่สิ้นสุดอย่างเดียวดายค่อยๆ จางหายไป
เพียงแค่ภาพหนึ่งภาพ ความยิ่งใหญ่และความลึกลับของจักรพรรดิอู่จื่อก็ถูกแสดงออกมาอย่างชัดเจน!
ทุกคนกลั้นหายใจ มีเพียงความหวั่นเกรงอยู่ภายในหัวใจ
“นี่คือจุดสูงสุดของจอมจักรพรรดิโบราณอย่างงั้น…”
ปรมาจารย์ของแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนชุมองไปยังแผ่นหลังของชายบนภาพหินสลัก น้ําเสียงของเขาเปี่ยมไปด้วยความหวั่นเกรง
“จอมจักรพรรดิโบราณของเผ่าพันธุ์ข้า ผู้ที่มีเส้นทางไร้เทียมทาน ไม่ด้อยไปกว่าจอมจักรพรรดิโบราณเลยแม้แต่น้อย!”
โอรสศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งกระซิบกับตัวเอง แววตาของเขาเป็นประกาย
ในโลกปัจจุบัน วิญญาณทุกดวงนั้นให้ความเคารพจอมจักรพรรดิโบราณ
สําหรับจอมจักรพรรดิโบราณแล้ว แม้แต่เผ่าพันธุ์มนุษย์เองก็นอบน้อมและหวั่นเกรง
แต่ว่านั่นเป็นจักรพรรดิโบราณเผ่าพันธุ์หมื่นเซียน ไม่ใช่เผ่าพันธุ์มนุษย์
มันเป็นความกลัวมากกว่า ไม่ใช่ความเคารพ
แต่ในตอนนี้ ในที่สุดก็มีจอมจักรพรรดิตัวจริงได้ปรากฏตัวขึ้นในเผ่าพันธุ์มนุษย์
แม้ว่าเวลานั้นจะห่างจากปัจจุบันมากก็ตาม
แม้ว่าชื่อเสียงของเขาจะไม่เคยถูกสรรเสริญมาก่อนก็ตาม
แต่มันก็ไม่ส่งผลต่อความเคารพของมนุษย์ที่มีต่อจักรพรรดินามอู่ฉอเลยแม้แต่น้อย
ทั้งหมดนี้เพียงเพราะจอมจักรพรรดิโบราณเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างแท้จริง! และเป็นบรรพบุรุษของเผ่าพันธุ์มนุษย์!
ทุกคนมองไปยังส่วนที่เหลือของอนุสรณ์ด้วยความนอบน้อมอย่างยิ่ง
พวกเขาต้องการเห็นมากกว่านี้และเรียนรู้เกี่ยวกับจักรพรรดิโบราณนามอู่จื่อผู้นี้ให้มากที่สุด!
ในภาพสลักที่สองนั้น มีร่างสองร่างยืนอยู่ข้างกัน แต่ร่างของทั้งคู่นั้นถูกปิดบังด้วยหมอก ทําให้ยากจะมองเห็นร่างทั้งสองได้
แต่ก็สามารถบ่งบอกได้ว่าร่างทั้งสองนั้นเป็นชายและหญิง
ร่างของชายผู้นั้นพร่ามัวและมีรูปร่างกายและสง่า
ส่วนเนื้อหนังของหญิงสาวนั้นงดงามราวกับหยกอันหาที่เทียบมิได้
แต่สิ่งที่เหมือนกันคือทั้งคู่นั้นยิ่งใหญ่ กลิ่นอายเซียนอันเป็นนิรันดร์แผ่ออกมาจากร่างทั้งสอง
ในดวงตาของทั้งสองเปี่ยมไปด้วยความรักและความเอ็นดูเมื่อมองไปเบื้องหน้า
เบื้องหน้าของทั้งสองมีต้นกําเนิดพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เปล่งประกายเจิดจ้าอยู่
ในต้นกําเนิดพลังศักดิ์สิทธิ์นั้น เป็นร่างของเด็กหนุ่มที่มีผมด่าสยาย ดวงตาหลับพริ้ม ราวกับลึกอยู่ในห้วงนิทรา
แม้เด็กหนุ่มผู้นั้นจะยังเยาว์วัย แต่เขาก็กําเนิดมาอย่างพิเศษ มีร่างกายที่ไร้ที่ติ ผิวเนียนดั่งหยก และกระแสพลังเซียนทั่วร่าง
“ความหมายของภาพนี้คืออะไรกันแน่?”
“เด็กชายผู้ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกคือจักรพรรดิอู่จื่ออย่างนั้นรึ?”
เมื่อเห็นภาพสลักนั้น หลายคนงนงงและไม่รู้ว่าภาพสลักโบราณนี้จะสื่อถึงอะไร
ยิ่งไปกว่านั้น ภายในภาพสลักนี้ เด็กชายผู้ถูกปกคลุมไปด้วยกระแสพลังที่วุ่นวาย แม้ว่าจะมีกระแสพลังเช่นเดียวกับภาพสลักภาพก่อน แต่เขาไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว
แล้วจักรพรรดิอู่จื่ออยู่ที่ไหนกัน?
บนภาพสลักนี้ ทําไมถึงไม่มีร่องรอยของจอมจักรพรรดิอู่จื่อกัน?
จอมยุทธ์หลายคนนั้นสับสนและไม่เข้าใจ
พวกเขาไม่เข้าใจความหมายของภาพสลักนี้
“จอมจักรพรรดิออ? รีว่า”
ภาพสลักนี้ คงจะเป็นวัยเด็กของจักรพรรดิออ…
“เด็กชายในนั้นอาจเป็นจักรพรรดิอู่จื่อในวัยเยาว์ก็เป็นได้!”
แววตาของผู้นําแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนชูร้อนแรงดังเปลวเพลิง และกล่าวด้วยน้ําเสียงต่ํา ราวกับเขามองทะลุผ่านทุกอย่าง
จักรพรรดิอู่จื่อในวัยเยาว์งั้นรึ?
ผู้ฝึกยุทธ์เผ่ามนุษย์หลายคนตกใจ
พวกเขามองไปยังเด็กในภาพ
แน่นอนว่า เด็กชายคนนี้ให้ความรู้สึกที่ใกล้เคียงกับจอมจักรพรรดิออก่อนหน้านี้ และเห็นได้ชัดว่าเขาอยู่ตัวคนเดียว
เพียงแต่ทําไมในวัยเด็กของเขาจึงถูกผนึกอยู่ในต้นกําเนิดพลังศักดิ์สิทธิ์
“เขาถูกผนึกไว้ในต้นกําเนิดพลังศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่ยังเล็ก รีว่า…”
ผู้นําของแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนชูหายใจเข้าลึก เหมือนเห็นถึงความเป็นไปได้บางอย่าง
เมื่อเห็นสายตาที่สับสนของทุกคน เขาก็ยืดแขนออกและชี้ไปยังร่างสองร่างในภาพสลักที่รายล้อมไปด้วยหมอก
“ร่างสองร่างนี้ จับจ้องไปยังเด็กภายในต้นกําเนิดพลังศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาดูอ่อนโยนและเป็นห่วง คงจะเป็นญาติของเด็กผู้นี้เป็นแน่”
ถ้าหากข้าเดาไม่ผิด ทั้งสองคนนี้ต้องเป็นพ่อแม่ของจอมจักรพรรดิอู่จื่ออย่างแน่แท้!”
ตั้งแต่โบราณมา มีสิ่งมีชีวิตประเภทเดียวที่ถูกผนึกไว้ในต้นกําเนิดพลังศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่ยังเยาว์
นั่นคือลูกของจอมจักรพรรดิดึกดําบรรพ์ !”
เมื่อผู้นําแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ยู่เหิงกล่าวจบ โดยรอบก็เงียบสนิท
ผู้นําแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ยู่เหิงพูดถูก
เพราะใครกันที่จะผนึกลูกของตนไว้ในต้นกําเนิดพลังศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่ยังเล็ก?
มีเพียงจอมจักรพรรดิ์โบราณเท่านั้น!
ทําไมน่ะ?
เพราะเมื่อจอมจักรพรรดิให้กําเนิด ย่อมเกิดร่องรอยจอมจักรพรรดิทับซ้อนกัน ทําให้ปิดกั้นเส้นทางไปสู่ยุทธ์ระดับสุดยอด
ไม่มีผู้ใดสามารถก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดได้ขณะที่จอมจักรพรรดิโบราณที่ยังมีชีวิตอยู่
ส่วนลูกของจอมจักรพรรดิโบราณที่สืบทอดสายเลือดที่ยิ่งใหญ่มา จะไม่แข็งแกร่งอย่างอัจฉริยะเลย?
จักรพรรดิโบราณย่อมทนไม่ได้ที่จะปล่อยให้ลูกของพวกเขาถูกตัดโอกาสไปจากโลกนี้ ดังนั้น พวกเขาจึงเลือกผนึกสายเลือดของเขาไว้ในต้นกําเนิดพลังศักดิ์สิทธิ์ และให้ถือกําเนิดอีกหลายพันปีหลังจากนั้นเพื่อไปให้ถึงเขตแดนของจอมยุทธ์ระดับสุดยอด
หากตัดสินจากสิ่งนี้ หนึ่งในพ่อแม่ของจอมจักรพรรดิอู่จื่อคงเป็นสิ่งมีชีวิตขั้นสูงที่มีพลังยุทธ์ระดับสุดยอด!
หรืออาจเป็นจักรพรรดิทั้งคู่!
“ไม่ บางทีอาจไม่ใช่จักรพรรดิทั้งคู่ แต่ร่างทั้งสองถูกปกคลุมไปด้วยกระแสพลัง และเป็นไปไม่ได้ที่จะบ่งบอกว่าใครอยู่เหนือหรือต่ํากว่า”
นั่นแสดงให้เห็นถึงความคิดของผู้แกะสลัก พ่อแม่ของจอมจักรพรรดิอู่จื่อก็คงทําเช่นเดียวกัน เพื่อชีวิตที่เหลือของพวกเขา
อธิบายว่าในสายตาของเจ้าของที่ทิ้งหินแกะสลักนี้ไว้ พ่อแม่ของจอมจักรพรรดิอู่จื่อก็นับได้ว่ามีส่วนร่วมในบุญคุณของการสร้างจอมจักรพรรดิเช่นเดียวกัน นับได้ว่าเป็นบุญคุณชั่วชีวิต !”
ผู้นําแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ยู่เหิงขมวดคิ้ว ราวกับว่าเขาคิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้และเสริมข้อสรุปก่อนหน้านี้
ทั้งพ่อและแม่เป็นสิ่งมีชีวิตระดับสุดยอดงั้น?
สิ่งนี้…เป็นไปได้ด้วย?
ทุกคนฟังการคาดการณ์ของผู้นําแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ยเพิ่งราวกับฟังตํานาน
“การจะมีสองจักรพรรดิอยู่ร่วมกันนั้นเป็นไปไม่ได้ พวกเขาถือกําเนิดและตาย และเมื่อตายถึงจะมีผู้ถือกําเนิดใหม่… นี่เป็นกฎเหล็กนับตั้งแต่โบราณ ไม่สามารถแหกได้ จะมีสองจักรพรรดิอยู่ร่วมกันได้อย่างไร?”
ผู้นําแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนชูพึมพํากับตัวเอง เขาขมวดคิ้ว ราวกับรู้สึกว่าสิ่งที่ผู้นําแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์ยเหิงอนุมานนั้นมีบางอย่างไม่ถูกต้อง
เป็นไปได้ไม่ว่าพ่อแม่ของจอมจักรพรรดิอู่อนั้นจะเป็นจอมจักรพรรดิคนหนึ่งและอีกคนเป็นกิ่งจักรพรรดิ?
ก็ยังมีบางอย่างไม่ถูกต้องอยู่…
ผู้นําแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนชูคิดหนัก และรู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างขาดหายไป
เขาจ้องมองไปยังภาพสลักบนผนัง พยายามจะหาส่วนที่เขาพลาดไป
ในท้ายที่สุด สายตาของผู้นําแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนชได้กวาดผ่านร่างที่พร่ามัวและยิ่งใหญ่
เมื่อมองไปยังร่างของผู้นั้นก็มีร่องรอยสีทองจางๆ
ในหัวของเขาก็มีความคิดหนึ่งแล่นมาในทันใด!
ราวกับเขารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น!