จอมบงการเทพยุทธ์ - บทที่ 54 โอกาส ของตัวนหยุนเชิง
อดํายักษ์กําลังคิดอยู่ในใจ
ในตอนนี้ โอสถสมุนไพรล้ำค่าและหินต้นกําเนิดในลานกว้างใต้ดินนี้ถูกแบ่งออกสําหรับกองกําลังเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งห้า
ฉันไม่ได้นิ่งเฉย เขาได้เฝ้าดูและสังเกตผู้นําแห่งกองกําลังเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งห้า
หลังจากผ่านการตรวจสอบโดยเขา
ทั้งห้าคนนี้ยังคงซื่อสัตย์ต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์และยินดีที่จะทําหน้าที่ของตนเพื่อเผ่าพันธุ์มนุษย์
ไม่มีผู้ใดเป็นเหมือนผู้นําแห่งนิกายเทียนเฉิน
เช่นนั้น ฉันจึงได้วางใจที่ได้มอบโอสถล้ำค่าและหินต้นกําเนิดเหล่านี้ให้กับผู้นําแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งห้า
ด้วยสถานะและสติปัญญาของพวกเขา
เชื่อว่าทรัพยากรเหล่านี้จะสามารถไปถึงมือผู้ฝึกยุทธ์เผ่ามนุษย์ที่ต้องการได้
หลังจากแบ่งทรัพยากรล้ำค่าต่างๆ แล้ว
กองกําลังเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่อิ่มเอมทั้งห้าก็ออกเดินทางอีกครั้งและเคลื่อนที่ไปตามทางเดินหลังถ้ำโบราณ
และเมื่อผู้ฝึกยุทธ์กองกําลังทั้งห้าจากไป นักพรตวัยกลางคนที่มีร่างกายอ้วนท้วนพร้อมด้วยใบหน้าเศร้าสร้อยก็ปรากฏตัวในโถงโบราณ
ในมือเขามีหินต้นกําเนิดชั้นยอดสองก้อน ซึ่งดูเหมือนว่าจะเพิ่งเก็บมาจากที่นี่
ทว่าแม้ว่าเขาจะได้รับบางสิ่ง แต่ความปวดใจบนใบหน้าของตัวนหยุนเชิงก็ไม่อาจปกปิดได้เลย
จมูกและคิ้วของเขาย่นเข้าหากัน หัวใจราวกับถูกบีบอยู่
ก่อนหน้านี้เขาได้ซ่อนตัวและตามหลังทุกคนจากไกลๆ มาที่ลานกว้างใต้ดินนี้อย่างระมัดระวัง
ใช้ประโยชน์จากการที่ผู้นํากองกําลังสูงสุดทั้งห้ามองไปยังเหล่าโอสถสมุนไพรที่ขึ้นอยู่ทั่วไปแล้วรู้สึกตกใจราวกับเสียสติเป็นโอกาสเพื่อฉกเอาหินต้นกําเนิดล่าค่ามาสองก้อน
เมื่อผู้นํากองกําลังสูงสุดทั้งห้าได้สติและแผ่สัมผัสวิญญาณไปทั่วโถงโบราณตัวนหยุนเชิงก็ไม่กล้าขโมยต่อไปอีก
หากขโมยอีกและถูกจับได้โดยผู้นําแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งห้าคนนี้ เกรงว่าก็คงได้แต่กังวลถึงชีวิตอันมีค่า
อย่างไรก็ตามตัวนหยุนเชิงเกือบจะร้องออกมาด้วยความทุกข์ใจเมื่อเขาเห็นโอสถล้ำค่าจํานวนมหาศาลที่ถูกแบ่งส่วนออกไป
สมบัติเหล่านี้ควรเป็นเขา !
บัดซบ เหตุใดข้าจึงขายแผนที่ขุมทรัพย์โบราณเหล่านั้น ?
ข้าผู้นี้มาดูด้วยตัวเองก่อนไม่ได้ !
เช่นนั้นสมบัติเหล่านี้ก็จะเป็นของข้าไม่ใช่รึ ?
ตัวนหยุนเชิงปวดใจจนแทบหายใจไม่ออก
เขาเคยขุดสุสานขนาดใหญ่มากมายในชีวิต
แต่ไม่เคยเห็นสมบัติมหาศาลขนาดนี้ในสุสานใดๆ
ในตอนนี้สมบัติเหล่านี้ที่ควรจะเป็นของเขา แต่เขากลับมอบมันให้คนอื่นด้วยราคาหินต์นกําเนิดสองก้อน…
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ ตัวนหยุนเชิงก็ได้แต่ตกตะลึง
เขารู้สึกว่าทําแบบนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว
ถ้ายังตามหลังทุกคน จะไม่เห็นโอกาสทั้งหมดถูกคนพวกนี้แย่งชิงไปงั้นรึ ?
ถ้ายังดําเนินต่อไปเช่นนี้ตัวนหยุนเชิงคาดว่าเขาไม่ต้องรอให้คนเหล่านี้สํารวจดินแดนลับนี้จนเสร็จ
เขาก็คงจะอกแตกตายก่อน
“ไม่ ความมั่งคั่งร่ํารวยกําลังตกอยู่ในอันตราย นักพรตผู้นี้จะไม่ยอมนิ่งเฉย !
ข้าจะลุกขึ้นและท้าทายสวรรค์ !”
ตัวนหยุนเชิงเปล่งเสียงร้องแปลกๆ ออกมา และหยิบหินต้นกําเนิดชั้นยอดจํานวนมากออกจากถุงเก็บของ เผยให้เห็นใบหน้าที่ทุกข์ใจ
สมบัติล้ำค่าเหล่านี้คือ กําไร ทั้งหมดที่เขาได้จากการต้มตุ้นนอกเมืองเชิงหยางในหลายๆวันมานี้
แต่ตอนนี้เพื่อสิ่งที่ดีกว่า เขาต้องสละสมบัติเหล่านี้
ตัวนหยนเชิงสะบัดฝ่ามือ พลังศักดิ์สิทธิ์พุ่งสูงขึ้น จัดเรียงหินต้นกําเนิดในมิติและท่องอะไรบางอย่างจากปาก
ดูเหมือนกับว่าค่ายกลถูกตั้งขึ้นในมิติ
ผ่านไปครู่หนึ่ง หินต้นกําเนิดก็ถูกใช้ไปจนหมด และค่ายกลโบราณที่สร้างขึ้นจากหินต้นกําเนิดจํานวนมากก็ปรากฏขึ้นรอบๆ ตัวนหยนเชิงและเคลื่อนที่ไปพร้อมกับเขาซึ่งแปลกประหลาดมาก
สิ่งที่น่าอัศจรรย์ยิ่งกว่าก็คือ เมื่อตัวนหยุนเชิงอยู่ภายในค่ายกลโบราณ กระแสพลังของเขาก็ถูกกักไว้โดยสมบูรณ์และดูเหมือนว่าคนทั้งคนจะหายตัวไปโดยไม่เผยแม้เพียงลมหายใจ
“ค่ายกลพรางตานี้ นักพรตผู้นี้ได้มาจากสุสานอันยิ่งใหญ่ของบรรพบุรุษเผ่าพันธุ์โบราณหลังจากตั้งค่ายกลนี้แล้ว ตราบใดที่อยู่ภายในค่ายกลนี้แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าผู้ตั้งค่ายกลนี้ถึงสองสามขั้นก็ไม่อาจตรวจพบร่องรอยใดๆ ได้
น่าเสียดายที่การตั้งค่ายกลนี้จะสิ้นเปลืองหินต้นกําเนิดมากเกินไป และการรักษาค่ายกลก็สิ้นเปลืองอย่างยิ่ง มีเวลาไม่นานก่อนที่ค่ายกลจะหายไป
ขอเทพเซียนคุ้มครอง ไม่สิ นักพรตผู้นี้ต้องรีบแล้ว
ข้าต้องไปข้างหน้าก่อนคนพวกนี้ เพื่อรับประโยชน์จากที่แห่งนี้ !”
ตัวนหยุนเชิงมองไปที่ค่ายกลโบราณที่ปรากฏอยู่รอบๆ หลังจากพึมพําได้ครู่หนึ่งเขาก็ไม่กล้าที่จะโอ้เอ้อีกต่อไป และรีบพุ่งเข้าไปในทางเดินเบื้องหน้า
และด้วยการเคลื่อนไหวของเขา ค่ายกลโบราณที่ลอยอยู่ในมิติก็เปลี่ยนแปลงและในที่สุดทั้งค่ายกลและตัวนหยุนเชิงก็หายตัวไป
ตัวนหยุนเชิงเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ใช้เวลาไม่นานก็ไล่ทันฝูงชนที่กําลังเดินอยู่ข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
เนื่องจากค่ายกลอยู่ได้ไม่นาน เขาจึงไม่กล้าที่รีรอและรีบแซงหน้าฝูงชนไปอย่างรวดเร็ว
ผู้นําทั้งห้าแห่งเผ่าพันธุ์มนุษย์กําลังจดจ่ออยู่กับการตรวจหาอันตรายโดยรอบและเคลื่อนที่อย่างระมัดระวังก็ไม่พบร่องรอยของตัวนหยุนเชิง
โองการราชันบรรพบุรุษเหนือเสือดํายักษ์สว่างขึ้นเล็กน้อยเมื่อตัวนหยุนเชิงพุ่งผ่าน แต่ไม่นานก็ดับลงอีกครั้ง
ตัวนหยุนเชิงวิ่งอย่างบ้าคลั่ง พุ่งไปข้างหน้าตลอดทาง
เมื่อผ่านฝูงชนโดยไม่ถูกค้นพบ
ใบหน้าอวบอ้วนก็เปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ
“เทพเซียนคุ้มครอง พวกเจ้านมาก่อนแล้วยังไง?
สุดท้ายก็ได้แต่ตามกินดินนักพรตผู้นี้ ฮ่าฮ่าฮ่า !”
ตัวนหยุนเชิงภูมิใจมาก
แต่เขาไม่รู้ว่า ทุกย่างก้าวของเขานั้นไม่ได้ราบรื่นหรือไร้ผู้สังเกตเห็น ทุกอย่างอยู่ในสายตาของฉันมู่
ในดินแดนลับนี้ ฉันม่เป็นใหญ่เหนือทุกสิ่ง ไม่มีอะไรที่สามารถหลบหนีการควบคุมของเขาได้
ตัวนหยุนเชิงที่แม้ว่าจะใช้ค่ายกลพรางตาก็เช่นกัน
เมื่อได้เห็นเหตุการณ์อันน่าขันของนักพรตอ้วนที่รีบวิ่งไปข้างหน้านี้ ฉันม่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเรา
เจ้าอ้วนคนนี้ ช่างมีสีสันเสียจริง !
อย่างไรก็ตาม ชายคนนี้กล้าที่จะท้าทายโลก ต่อสู้กับเผ่าพันธุ์หมื่นเซียนและขุดสุสานบรรพบุรุษของพวกเขา
ถึงแม้จะถูกตามสังหาร ก็ไม่ขี้ขลาด และยังหวังจะกลับไปแก้แค้น บุคลิกเช่นนี้ค่อนข้างถูกใจเฉินมู่ยิ่งนัก
บางทีข้าควรเตรียมโอกาสไว้สําหรับเจ้าอ้วนนี้บ้าง ?
ฉันมู่ลูบคางและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ชอบปล้นสุสาน และชอบขุดหลุมศพบรรพบุรุษราชันผู้ยิ่งใหญ่แห่งเผ่าพันธุ์โบราณ…
ดวงตาของฉันมู่ทอประกายขึ้น
ดูเหมือนเขาจะรู้แล้วว่าจะต้องเตรียมโอกาสอะไรบ้างไว้สําหรับเจ้าอ้วนคนนี้ !
ตัวนหยุนเชิงวิ่งไปจนสุดทาง
ในไม่ช้าเขาก็ออกมาจากช่องทางเดินและมาถึงลานใต้ดินอันกว้างใหญ่อีกด้านหนึ่ง
ถนนที่ถูกปด้วยหินและหยกใต้เท้าเขาทอดยาวออกไป และสุดทางก็เป็นตําหนักโบราณ
ตําหนักโบราณนั้นสูงใหญ่ และมีแสงจางๆ ซึ่งดูค่อนข้างพิเศษ
เมื่อเห็นภาพนี้ ตัวนหยนเชิงก็ตกใจถึงจิตวิญญาณและรีบเร่งไปข้างหน้าตามขั้นบันไดหยกพุ่งไปที่ด้านหน้าของต่าหนักโบราณ
ตัวนหยุนเชิงดันประตูเปิดตําหนักและเข้าไปภายในตําหนัก
ภายในตําหนักโบราณนั้นค่อนข้างว่างเปล่า ไม่มีการตกแต่งที่ฟุ่มเฟือยมีเพียงโต๊ะวางอยู่ตรงกลางเท่านั้น
บนโต๊ะ มีสิ่งประดิษฐ์ที่มีลักษณะคล้ายเข็มทิศโบราณที่ลอยขึ้นๆ ลงๆ อยู่ในความว่างเปล่า
เมื่อเห็นสิ่งนี้ตัวนหยุนเชิงก็รู้สึกดีใจและรีบมุ่งไปข้างหน้าและหยิบเอาเข็มทิศโบราณมาไว้ในมือ
หลังจากถือเข็มทิศโบราณไว้ในมือ ข้อความลึกลับมากมายก็หลั่งไหลออกมาจากเข็มทิศโบราณและเข้าไปในหัวของตัวนหยุนเชิง
หลังจากทําความเข้าใจในข้อความอยู่ครู่หนึ่ง ตัวนหยุนเชิงก็ได้แต่สั่นไปทั้งตัวพร้อมด้วยความปีติยินดีในดวงตาของเขา เขาร้องออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
“เทพเซียนคุ้มครอง ! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า สมบัตินี้เหมาะกับนักพรตผู้นี้อย่างมาก !
เข็มทิศแสวงสมบัติ ? สามารถสํารวจภูเขาแม่น้ํา ตอบสนองต่อสมบัติที่ถูกฝังอยู่และยังนําทางได้ด้วยงั้น ?
ด้วยสมบัติดังกล่าว การที่นักพรตผู้นี้จะค้นสุสานราชันบรรพบุรุษโบราณก็เป็นเรื่องง่ายไปเลยไม่ใช่รึ ?
ไม่จําเป็นต้องลงแรงสํารวจภูเขาและแม่น้ําอีกต่อไป เพียงตามการชี้นําของเข็มทิศแสวงสมบัตินี้
เผ่าวิหค ! เผ่าโม่ลั่ว ! และเผ่าพันธุ์โบราณอื่นๆ ที่กล้ารังแกเผ่าพันธุ์มนุษย์ของข้าคอยดูนักพรตผู้นี้ให้ดีเถอะ !
ด้วยความช่วยเหลือของเข็มทิศแสวงสมบัติ ไม่ช้าก็เร็วนักพรตผู้นี้จะเข้าไปขุดสุสานของบรรพบุรุษของพวกเจ้าว่ะฮ่าฮ่าฮ่า ! ”
ฉันมู่ที่ยื่นเงียบๆอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นความปีติยินดีบนใบหน้าของตัวนหยุนเชิงก็อดยิ้มไม่ได้
เข็มทิศแสวงสมบัติเป็นโอกาสที่เขาเตรียมไว้สําหรับตัวนหยุนเชิง
แน่นอน มันไม่ได้เป็นเข็มทิศแสวงสมบัติมากนัก แต่เป็น ‘เข็มทิศแสวงสุสาน’ที่ตอบสนองต่อสุสานที่ฝังสมบัติไว้โดยเฉพาะ
ฉันม่เชื่อว่า ด้วยความช่วยเหลือของเข็มทิศแสวงสมบัตินี้ เส้นทางการ สํารวจร่องรอยสุสานโบราณของต้วนหยุนเชิงในอนาคตจะกลายเป็นเรื่องง่ายและสะดวกยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
สมบัติชิ้นนี้เป็นสิ่งที่สมบูรณ์แบบสําหรับเขา !
มีผู้ที่หมายตาสุสานบรรพบุรุษเผ่าพันธุ์โบราณ โดยเฉพาะและด้วยความช่วยเหลือของเข็มทิศแสวงสมบัติ
เฉินม่เชื่อว่าเผ่าพันธุ์โบราณบางเผ่าจะเริ่มรู้สึกหวั่นไหวในไม่ช้า