จอมมารแค่อยากเป็นคนดี [反派少爷只想过佛系生活] - บทที่ 11 เวอร์เธอร์ กาวด์ตกหลุมรัก
บทที่ 11 เวอร์เธอร์ กาวด์ตกหลุมรัก
ขณะที่ดาร์กกำลังตั้งใจอ่านหนังสืออยู่นั้น เอ็มม่า มอร์ติสก็เดินพึมพำเข้ามาในห้องอ่านหนังสือ
เธอมาห้องสมุดช้ากว่าดาร์กเพียงเล็กน้อย แต่ใช้เวลาอยู่ที่ชั้นหนังสือมากกว่าเขา
เอ็มม่าเกิดในครอบครัวนักวิชาการ พ่อของเธอสอนเด็ก ๆ ที่อยู่ในโบสถ์และแม่ของเธอก็เป็นศิษย์ของนักปราชญ์ท่านหนึ่ง
หลังจากทำลายเผ่าปีศาจแล้ว มนุษยชาติก็เข้าสู่ยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา พอวัลคีรีมีชื่อเสียงไปทั่วโลกในฐานะตัวแทนของอิสตรี เสียงของผู้หญิงก็มีน้ำหนักขึ้นอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน และสตรีผู้ยอดเยี่ยมในด้านต่าง ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมากมาย แม้แต่ในการชกมวย พวกเธอก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าผู้ชาย
นอกจากนี้ จอมเวทยังไม่มีการแบ่งแยกเพศ และการมีอยู่ของพวกเธอยังทำให้สถานะของผู้หญิงสูงขึ้นด้วย
เพราะได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เธอจึงรักหนังสือมากและมีความกระหายรู้อย่างมาก ทั้งยังสืบทอดนิสัยเฉพาะตัวของแม่มาด้วย
ไม่ใช่ว่าเอ็มม่าหาเพื่อนไม่เก่ง ทว่าตั้งแต่เข้าสถาบันมา เธอรู้สึกว่าเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงในปีเดียวกันนั้นไร้เดียงสาเกินไปจึงไม่สนใจที่จะพูดคุยกับพวกเขาเท่าไหร่
นอกจากนี้ สถาบันเซนต์แมเรียนยังมีห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุดในอาณาจักร และถือเป็นสรวงสวรรค์ในความฝันของเธอ!
เด็กหญิงตกอยู่ในภวังค์ความตื่นเต้นที่ได้เห็นหนังสืออันล้ำค่า จึงอดไม่ได้ที่จะอยู่ตรงชั้นหนังสือเป็นเวลานาน
แตกต่างจากดาร์กที่เอามาแค่หนังสือ ‘รวมสปิริต’ เพราะเอ็มม่านั้นหอบหนังสือมาทั้งกอง
แก้มเธอขึ้นสีระเรื่อเล็กน้อย เนื่องจากเดินหอบหนังสือกองตั้งสูงจนมันโซเซไปมา
ในที่สุดเอ็มม่าก็เจอโต๊ะว่างที่อยู่ใกล้ ๆ โต๊ะของดาร์ก จากนั้นจึงวางหนังสือลงแล้วก็รู้สึกอดใจรออ่านหนังสือแทบไม่ไหว
เด็กหญิงตื่นเต้นมากจนไม่ทันสังเกตเห็นเพื่อนร่วมชั้นซึ่งนั่งอยู่ด้านซ้ายมือของเธอ
เด็กนักเรียนใหม่สองคน พวกเขากำลังนั่งอ่านหนังสืออย่างเงียบสงบในระยะที่ห่างกันเพียงแค่สองหรือสามเมตร
…
ห้องสมุดได้จัดเตรียมของว่างสำหรับผู้ที่หิว หากไม่นับชาดำ ขนมหวานทั้งหมดจะรับประทานได้แค่เฉพาะในห้องรับรองเท่านั้น
เพราะดาร์กกินไซรัปเค้กไปสองก้อนตอนประมาณหกโมงเย็น เขาเลยไม่กล้ากินมัฟฟินช็อกโกแลตสุดโปรดเพิ่ม ดังนั้น หลังจากที่กินเค้กเสร็จ เขาก็ดื่มนมแก้วเล็ก ๆ แล้วค่อยเดินกลับไปที่ห้องอ่านหนังสือ
‘รวมสปิริต’ ถือได้ว่าเป็นหนังสือภาพประกอบ ซึ่งอธิบายเกี่ยวกับสปิริตที่น่าสนใจด้วยภาพสี และคำบรรยายมันก็อ่านสนุกมาก
ดาร์กค่อย ๆ พบว่าการอ่านหนังสือบันเทิงประเภทนี้แตกต่างจากการอ่านตำราเรียน ตราบใดที่ไม่ได้มีเนื้อหาหนักหน่วง มันก็จะไม่ทำให้เกิดค่า [โลภะ]
ยิ่งกว่านั้นหนังสือ ‘รวมสปิริต’ ก็ยังเต็มไปด้วยความรู้ซึ่งไม่ถือว่าเป็น [เกียจคร้าน]
จากนั้นดาร์กก็ตระหนักอย่างรวดเร็วว่า ถ้าที่นี่มี ‘นิยาย’ ขายอยู่ เขาอาจจะตายอย่างอนาถได้…
หากอยากอ่านตอนต่อไปก็จะถือเป็น [โลภะ] ได้
และการอ่านนิยายตามใจฉันโดยปราศจากความรู้ใด ๆ ก็จะถือเป็น [เกียจคร้าน]
ดังนั้นการอ่าน ‘นิยายบนเว็บ’ เพื่อสนองความอยากจึงอาจเพิ่มค่าชี้วัดทั้งสองได้
มันจะน่ากลัวเกินไปไหม!
…
เวลาประมาณหนึ่งทุ่ม
กลุ่มเด็กที่ตะโกนส่งเสียงดังพากันเข้ามาในห้องสมุด
เวอร์เธอร์ กาวด์ยืนอยู่ตรงกลาง เขาถูกรายล้อมไปด้วยนักเรียนใหม่ของบ้านอัศวินที่ต่างตื่นเต้นและยิงคำถามต่าง ๆ ใส่ไม่หยุด โดยไม่รู้เลยว่าการกระทำนี้จะส่งผลเสียอย่างไรต่อห้องสมุดอันเงียบสงบ
โรเบิร์ตถูกกีดกันให้อยู่นอกวงราวกับลูกเป็ดขี้เหร่ที่ถูกเพื่อนทอดทิ้งในตอนจบ
ทั้งสองได้อัญเชิญวิญญาณรับใช้ออกมาทีละคน และตั้งใจจะมาที่ห้องสมุดเพื่อหาข้อมูล
ทว่ามันไม่เหมือนอย่างที่ดาร์กคิดไว้ เพราะวิญญาณรับใช้ของเวอร์เธอร์ไม่ใช่กวาง และวิญญาณรับใช้ของโรเบิร์ตก็ไม่ใช่สุนัขล่าเนื้อ…
บรรณารักษ์แพนดอร่า โดรากอน มองดูเด็กดื้อกลุ่มนี้ และอดจะขมวดคิ้วที่ดูดีของเธอไม่ได้
ทันใดนั้นเอง เวอร์เธอร์และคนอื่น ๆ ก็สัมผัสได้ถึงลมกระโชกแรง และเสียงของทุกคนก็หายวับไปในพริบตา!
“การ์ด [เงียบสงัด]?”
เวอร์เธอร์ปิดปากของเขาทันที เพราะเห็นหญิงสาวหลังเคาน์เตอร์ขมวดคิ้วของเธออย่างเย็นชา
ผิวของหญิงสาวดูงดงามเกินไป ผมทิ้งตรงสวยราวกับน้ำตกอันธการ และบนใบหน้าก็มีเกล็ดรูปหัวใจอยู่ใต้ดวงตาของเธอ
แพนดอร่ายืดตัวขึ้นเล็กน้อย ช่วงบนโน้มไปข้างหน้าจนสัดส่วนที่เต็มไปด้วยความเป็นแม่ถูกเบียดอัดเป็นทรงสามเหลี่ยมซึ่งเกิดจากร่างกายของเธอแนบชิดกับโต๊ะ เอวของหญิงสาวเว้าโค้งสวย และขาใต้กระโปรงก็เรียวสวยอย่างน่าประหลาดใจ
“แม่!”
ผลของการ์ด [เงียบสงัด] เพิ่งจะหายไป เสียงของเวอร์เธอร์ที่โพล่งออกมาโดยไม่รู้ตัวก็ดังขึ้นอย่างชัดเจนในทันที
ตอนนั้นเองที่ทุกสายตาหันไปมองเขา!
แก้มของเวอร์เธอร์กลายขึ้นสีและอดไม่ได้ที่จะก้มหัวลง
“มาลงทะเบียนตรงนี้”
แพนดอร่าพูดอย่างไร้อารมณ์
เด็กใหม่พวกนี้ทำให้เธอรู้สึกแย่
นักเรียนใหม่ทุกคนควรจะเป็นเหมือนกับเด็กผมบลอนด์ตัวเล็ก ๆ ก่อนหน้านี้ที่น่ารัก อ่อนวัย และขี้อายไม่ใช่หรือ? พอคิดถึงท่าทางเขินอายของเด็กน้อยหลังจากถูกพี่สาวใหญ่เข้าหา… เธอก็รีบยับยั้งรอยยิ้มเอาไว้แล้วจ้องเขม็งไปที่พวกเด็กตรงหน้า
โดยเฉพาะเจ้าเด็กหัวโจก…
‘แม่’ อะไรกัน?
ฉันเหมือนแม่เขามากงั้นเหรอ?
หรือเป็นไปได้ไหมว่า…
ถึงเด็กนี่จะอายุยังน้อย แต่จริง ๆ แล้วเขาอาจมีความคิดที่บิดเบี้ยว
ความประทับใจแรกพบที่แพนดอร่ามีต่อเวอร์เธอร์นับว่าติดลบ!
…
เวอร์เธอร์หน้าแดงจนกระทั่งเข้าไปในห้องสมุด
นักเรียนคนอื่น ๆ เดินจากไป เหลือแค่โรเบิร์ตที่อยู่ข้างเขา
โรเบิร์ตอดไม่ได้ที่จะถามต่อว่า “เวอร์เธอร์ ทำไมเมื่อกี้นายถึงพูดว่าแม่ล่ะ?”
เวอร์เธอร์สูดลมหายใจเข้าและควักจี้อันประณีตออกมาจากคอเสื้อ มันเป็นสิ่งล้ำค่าที่สุดของเขา
กริ๊ก!
เด็กชายเปิดจี้เผยให้เห็นรูปข้างใน
“นี่คือแม่ของฉัน ฉันดูมันทุกคืนแล้วจินตนาการว่าแม่มีหน้าตายังไง”
โรเบิร์ตโน้มตัวลงมา
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ภาพนี้จึงเป็นเพียงภาพเงา
และมันถูกถ่ายจากระยะไกล
แม้ว่าภาพเงานี้จะรางเลือนเล็กน้อย แต่ยังคงเห็นเรือนร่างโค้งเว้าของแม่ของเวอร์เธอร์ รวมไปถึงเส้นผมสีดำอันยาวสลวยเป็นเอกลักษณ์ของเธอ
ซึ่งดูค่อนข้างคล้ายกับรุ่นพี่สาวคนนั้นจริง ๆ
โรเบิร์ตครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเขาก็พูดว่า “งั้นฉันช่วยหาชื่อรุ่นพี่คนนั้นให้ไหม?”
เวอร์เธอร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดก็ส่ายหัว “ช่างมันเถอะ”
จากนั้นเขาก็เริ่มหาข้อมูลอย่างเงียบ ๆ
…
จิตใจของเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงมักคาดเดาได้ยาก
อย่างที่เวอร์เธอร์เคยบอกว่าให้ช่างมันไป แต่เขาก็ยังคงคิดต่ออยู่ในใจ
และในที่สุดเอ็มม่าก็รู้สักทีว่าคนที่อยู่ข้างหน้าทางด้านซ้ายคือดาร์ก เธอคิดว่าคน ๆ นี้ช่างน่ารำคาญเสียจริง แล้วยังชอบมาอยู่ในสายตาของเธออีก
แต่ถึงอย่างนั้น ในใจเด็กหญิงกลับรู้สึกมีความสุขอย่างอดไม่ได้
ท้ายที่สุด นอกจากนักเรียนใหม่ของบ้านนักปราชญ์แล้วก็มีคนไม่กี่คนที่ร่ำเรียนอย่าง ‘จริงจัง’ เหมือนกับพวกเขา
ดาร์กเป็นคนเดียวที่เธอรู้สึกว่าเขาไม่ได้ไร้เดียงสานัก
…
เวลาสามทุ่ม
เด็กชายเหลือบมองนาฬิกาแล้วปิดหนังสือ ‘รวมสปิริต’ เขาลุกขึ้นและเดินออกมาจากโต๊ะ
เอ็มม่ายังคงอ่านหนังสืออย่างจริงจัง แต่ดาร์กแกล้งทำเป็นไม่เห็น
เขาหาชั้นหนังสือตามหมายเลขที่จดจำไว้ แล้วก็วาง ‘รวมสปิริต’ กลับไปที่ตำแหน่งเดิม จากนั้นจึงเหลือบมองไปยังตำแหน่งอื่นระหว่างทาง
‘สู่ห้วงลึก’ มีคนดึงออกไปแล้ว