จอมมารแค่อยากเป็นคนดี [反派少爷只想过佛系生活] - บทที่ 124 ดาร์ก เดม่อนไม่เคยเห็นความลับของทางลับ
- Home
- จอมมารแค่อยากเป็นคนดี [反派少爷只想过佛系生活]
- บทที่ 124 ดาร์ก เดม่อนไม่เคยเห็นความลับของทางลับ
บทที่ 124 ดาร์ก เดม่อนไม่เคยเห็นความลับของทางลับ
บทที่ 124 ดาร์ก เดม่อนไม่เคยเห็นความลับของทางลับ
หากเป็นกรณีที่ไม่พบสัตว์ประหลาดหรือกับดักในขณะนี้ สิ่งที่อันตรายที่สุดในทางลับคือ เส้นทางที่สลับซับซ้อน
ทางเดินจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ และมันยังมีทางแยกมากมายต่อไปอีก นอกจากนี้ พื้นผิวทางเดินมักเป็นลูกคลื่นอยู่เสมอ แม้แต่คนที่มีประสาทสัมผัสรับรู้ทิศทางชัดเจนก็อาจหลงทางอยู่ในนี้ได้
แต่เมื่อดาร์กพูดถึงเรื่องนี้ ไดแอนนาก็หยิบเข็มทิศออกมาอย่างภาคภูมิใจ “ดูนี่ ฉันเตรียมตัวมาแล้ว”
จากนั้นเธอก็พบทันทีว่าเข็มทิศเอาแต่หมุนไม่หยุด
“ฮ่า ๆ ดูเหมือนจะใช้ไม่ได้แล้วแฮะ…”
ไดแอนนาหดมือเก็บเข็มทิศกลับไป แล้วดึงสติกเกอร์เรืองแสงออกมาแทน
ดวงตาของดาร์กเป็นประกายขึ้นมาทันที เขาหยิบสติกเกอร์จากมือของเธอมาดู สิ่งนี้พึ่งพาได้มากกว่าเข็มทิศเสียอีก
ตราบใดที่มีคนเขียนตัวเลขบนสติกเกอร์ วาดลูกศร และติดไว้บนผนังตลอดทาง มันจะช่วยลดความเสี่ยงในการหลงทางได้อย่างมาก
ไดแอนนามองสติกเกอร์ของเธอถูกเอาไป ดวงตากลมโตใสหรี่ลงทันที
จากนั้นเธอก็เดินตามดาร์ก พลางเคี้ยวลูกอมทอฟฟี่ขณะติดสติกเกอร์ไปบนผนัง และเริ่มการผจญภัยครั้งแรกในฐานะนักเรียน
…
นี่อาจเป็นครั้งแรกที่ผู้คนจำนวนมากเข้าสู่เส้นทางลับในปราสาทเซนต์แมเรียนพร้อมกัน
เมื่อจำนวนนักเรียนที่เข้าสู่ทางลับเกินเก้าสิบเก้าคน ทางลับที่ไม่รู้ว่าเงียบงันมานานกี่ปี ในที่สุดก็เกิดการเปลี่ยนแปลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
และเมื่อนักเรียนหมกมุ่นอยู่แต่กับการสำรวจทางลับ เหล่าอาจารย์ก็กังวลมากขึ้น
อาจารย์ใหญ่อาร์เต้และศาสตราจารย์ซิลเวอร์พากันออกจากปราสาท เพื่อไปลดผลกระทบของเหตุการณ์นี้
ส่วนอาจารย์ที่เหลือก็…พึ่งพาไม่ค่อยได้
เมื่อศาสตราจารย์ทอมป์สันแห่งวิชาปรุงยา ‘เพิ่ง’ สังเกตเห็นว่านักเรียนกำลังสำรวจทางลับ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที และรีบรวบรวมศาสตราจารย์ที่เหลือทันที
เป็นผลให้หลังจากที่เหล่าศาสตราจารย์มาถึง พวกเขาพบว่าศาสตราจารย์ที่เหลืออยู่และมีตำแหน่งสูงสุดสองคนนั้นคือ ศาสตราจารย์โจนส์ผู้มีมันสมองเป็นกล้าม กับศาสตราจารย์ลิลลี่ผู้ฉลาดแกมโกงสมเป็นเผ่าพันธุ์ภูต
สีหน้าของศาสตราจารย์ทอมป์สันซีดลงทันที และเขาก็ล้มนอนลงไปบนโซฟา
จะทำยังไงดี?
สุดท้าย ศาสตราจารย์เคเซอร์ก็กล่าวว่า “จากมุมมองของสถาบัน เมื่ออ้างอิงตามหลักการแล้ว เราไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการสำรวจโดยอิสระของนักเรียน แต่อันตรายจากทางลับนั้นเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้ และเราจำเป็นต้องเตรียมรับมือกับบางสิ่งล่วงหน้า โดยเฉพาะการรับมือกับนักเรียนจำนวนมากที่หลงทางภายในเส้นทางลับ”
ศาสตราจารย์ลิลลี่นั่งไขว่ห้างอยู่กลางอากาศ เมื่อได้ยิน เธอก็ตบหน้าอกทันทีและพูดว่า “หากพวกเขาหลงทาง ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง เรื่องนี้ง่ายมาก ฉันจัดการได้”
เมื่อปัญหาใหญ่ที่สุดมีคนดูแลแล้ว เหล่าศาสตราจารย์ก็รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
ใบหน้าของศาสตราจารย์ทอมป์สันค่อย ๆ ดีขึ้น “ทางลับไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมเหมือนอย่างในดันเจี้ยน และฉันก็คิดว่ามันควรถูกปิดกั้นเป็นอาณาเขตหวงห้ามไว้”
ศาสตราจารย์โจนส์ค้าน “นั่นมันขัดกับจุดประสงค์ของสถาบัน เราต้องรอให้อาจารย์ใหญ่กลับมาก่อน”
ศาสตราจารย์ทอมป์สันพูดเสียงแผ่วลง “แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น เราลองคิดหาวิธีอื่นดูไหม?”
ศาสตราจารย์โจนส์ถามด้วยความสงสัย “คุณมีไอเดียอื่นเหรอ?”
ศาสตราจารย์ทอมป์สันกล่าวอย่างเคร่งขรึม “เพิ่มการบ้าน”
…
นักเรียนที่ยังคงหมกมุ่นอยู่กับการสำรวจทางลับ ไม่ได้ตระหนักถึงผลที่ตามมาจากการกระทำของพวกเขาเลย
อาจเป็นเพราะมีคนจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่เข้าสู่เส้นทางลับ จึงไม่ค่อยมีคนสนใจเรื่องหลงทางเท่าไหร่
พวกเขาบอกว่ามันเป็น ‘การผจญภัย’ แต่พวกเขาไม่ได้จริงจังกับมันเลย ยิ่งพวกเขาโตมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งจริงจังน้อยลงเท่านั้น
ถ้าพวกเขาต้องการการผจญภัย มันจะดีกว่ามากถ้าไปที่ดันเจี้ยนแทน
เพราะทางลับที่ไม่มีแม้แต่มอนสเตอร์ ก็เหมือนกับการเดินทางไปสถาบันในฤดูใบไม้ร่วง!
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีการ์ดเมจิกหมวดอาหารกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในตอนนี้
แม้แต่ดาร์กก็ระมัดระวังตัวน้อยลง หลังจากเจอกับผู้คนเดินผ่านไปมาสองสามครั้ง
บวกกับขนมมากมายที่ไดแอนนานำติดตัวมาด้วย พวกเขาก็ค่อย ๆ กลายเป็นส่วนหนึ่งของการทัศนศึกษาในฤดูใบไม้ร่วงนี้
ทันทีที่ความคิดนี้ปรากฏขึ้น ทางลับที่ไม่ได้น่าสนใจก่อนหน้านี้ ตอนนี้กลับดูน่าสนใจขึ้นมาทันที
ดาร์กค่อย ๆ ค้นพบว่ามีผู้มีพรสวรรค์มากมายในหมู่นักเรียน
บางคนถึงกับตั้งป้ายถนนที่ทางแยก และป้ายบอกทางแต่ละป้ายก็มีตัวเลขกำกับอยู่
เด็กชายวาดแผนที่โดยอิงจากป้ายบอกทาง และเขาก็ค่อย ๆ วาดออกมาจนเยอะมาก
จากนั้นเมื่อเวลาประมาณหนึ่งทุ่ม ในที่สุดดาร์กก็พบเครื่องหมายที่สองในแผนที่ขุมทรัพย์ ซึ่งเป็นคันประทีปที่ปะปนอยู่กับคบเพลิงนับพัน
ฐานของคันประทีปเป็นงวงช้าง
วัลคีรีวาดจิบิช้างตัวเล็กในแผนที่ขุมทรัพย์…
“เพิ่งหนึ่งทุ่มเอง ดูเหมือนจะยังมีโอกาสเจอเครื่องหมายอื่นอีก”
ดาร์กยังคงค้นหามันด้วยความสนุกสนาน
จนในที่สุด หลังจากได้เบาะแสบางอย่างในเส้นทางลับ ไดแอนนาและโรสก็ตื่นเต้นมากราวกับว่าพวกเขาได้พบสมบัติแล้ว พวกเขามีความสุขมากกว่าตัวดาร์กเองเสียอีก
เมื่อเดินลึกเข้าไปอีก ดาร์กก็เจอกับบุตรแห่งวีรบุรุษและโรเบิร์ตโดยบังเอิญ เขาจึงสังเกตเห็นว่าเวอร์เธอร์กำลังถือแผ่นกระดาษและวิ่งไปอย่างเร่งรีบเล็กน้อย ดูเหมือนว่าพวกเขาก็ได้เบาะแสบางอย่างมาบ้าง
อย่างไรก็ตาม แผนที่ขุมทรัพย์ของทั้งสองไม่เหมือนกัน ดังนั้นดาร์กจึงไม่สนใจมากนัก
ระหว่างทางกลับ เขาเห็นเอ็มม่า มอร์ติสยืนอยู่คนเดียวที่เส้นทางลับ ในมือเธอกำลังถือสมุดจด และวาดภาพฝาผนังอย่างรวดเร็ว
ดาร์กเห็นสติกเกอร์บนผนังและทันใดนั้นก็สังเกตเห็นว่า นี่คือที่ที่เขาเคยไป
แต่ตอนนั้นเขาไม่เห็นอะไรที่เหมือนกับจิตรกรรมฝาผนังเลย!
“ภาพจิตรกรรมฝาผนังเหล่านี้เป็นของใหม่หรือเปล่า?” หลังจากกระซิบคำสองสามคำกับไดแอนนาและโรส ดาร์กก็หยิบสมุดบันทึกของเขาออกมาและวาดภาพฝาผนังอย่างรวดเร็ว
เอ็มม่าเหลือบมองเขาและพูดอย่างเคร่งขรึม “ฉันเจอมันก่อนนะ”
ดาร์กพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “อืม ถ้าพบผลลัพธ์เหมือนกัน ชื่อผู้ค้นพบคนแรกจะเป็นของเธอ”
“ตกลง” เอ็มม่าหันกลับไปมองจิตรกรรมฝาผนังอีกครั้ง
…
ไดแอนนายืนพิงกำแพง ขณะกินเมล็ดแตงโมในเปลือกช็อกโกแลต พลางมองดูดาร์กและเอ็มม่าที่กำลังจดจ่อ แล้วหันมากระซิบกับโรสว่า “พวกเขาจริงจังกันมาก”
โรสลังเล “เราควรเรียนรู้จากพวกเขาบ้างไหม?”
ไดแอนนารู้สึกลำบากใจ “เฮ้อ ต่อให้ฉันวาดพวกมันไป ฉันก็ไม่สามารถเข้าใจมันได้อยู่ดี”
โรสเงียบไป
เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกัน
แต่แล้วเธอก็พูดว่า “งั้นเราไปดูรอบ ๆ ว่ามีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่คล้ายกันในทางลับใกล้ ๆ นี้ดีไหม?”
ดวงตาของไดแอนนาเป็นประกาย “เป็นความคิดที่ดีมาก วิธีนี้อาจจะช่วยดาร์กได้” เธอรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้ง
โรสอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและยิ้มอ่อน ทว่าดวงตากลับปรากฏร่องรอยความอิจฉายามมองไปที่ดาร์กและเอ็มม่า
“พวกเขานี่เหมือนกันจริง ๆ”
…
ทางลับกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างเงียบ ๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่มีนักเรียนจำนวนมากขึ้นมาสำรวจทางลับในฐานะเขาวงกต การเปลี่ยนแปลงที่ไม่ดีบางอย่างก็เกิดขึ้นเช่นกัน
มันมีทางลับใหม่ปรากฏขึ้นในเส้นทางลับ
ประตูที่นำไปสู่ทางเดินอื่นพลันปรากฏขึ้นบนผนัง
มีอุโมงค์ที่เลื่อนลงมา
มิโนทอร์ที่ส่วนหัวเป็นวัวกระทิงทว่าร่างกลับเป็นมนุษย์ มือกำขวานศึก ก้าวออกมาจากกำแพงด้วยดวงตาเป็นประกายสีเลือด
โรเบิร์ต บร็อกไฮม์กรีดร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว ขณะที่เขายืนมองดูสัตว์ประหลาดที่คล้ายกับวิญญาณรับใช้ของเวอร์เธอร์ ค่อย ๆ ถือกำเนิดขึ้นมา
…
ทางลับมีชีวิต!