จอมมารแค่อยากเป็นคนดี [反派少爷只想过佛系生活] - บทที่ 152 กระจกของผู้กล้า
บทที่ 152 กระจกของผู้กล้า
บทที่ 152 กระจกของผู้กล้า
ดาร์กพยุงแคลร์ไปที่โซฟา ก่อนจะปล่อยให้ร่างของศาสตราจารย์คนใหม่เอนพิงกับพนักโซฟา จากนั้นเด็กชายก็เอาผ้าห่มผืนเล็ก ๆ มาคลุมตักเธอ
ร่างกายของจอมเวทระดับสูงไม่ได้อ่อนแออย่างที่เห็นจากภายนอก แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ออกกำลังกาย แต่เพื่อรับมือกับการต่อสู้และการฆ่ากันในสนามรบ พวกเขาจะดื่มยาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวเองเล็กน้อย
ดังนั้นแคลร์ที่เป็นวีรสตรีในสนามรบ เธอจะไม่เป็นหวัดง่าย ๆ เพียงเพราะอากาศหนาวเย็นในฤดูหนาวแน่นอน
แต่ใครจะไม่ชอบให้คนใกล้ชิดดูแล
มุมปากของแคลร์สั่นเล็กน้อย แน่นอนว่าเธอไม่มีทางไม่รู้ถึงการเคลื่อนไหว อย่างการถูกย้ายจากพรมมาที่โซฟา เธอแค่ไม่อยากลืมตาเท่านั้น
“เฮ้อ ฉันมาเพราะอยากถามวิธีสร้างการ์ด [สวนสัตว์] ไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เรื่องอะไรเลย”
ดาร์กเงยหน้าขึ้นเป็นเวลานาน คิดว่าแคลร์คงไม่ตื่นขึ้นมาในเร็ว ๆ นี้ จึงเดินออกไปก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้น เพราะช่วงเช้าเขายังมีเรียนอยู่
“ไว้กลับมาตอนเย็นแล้วกัน!”
ในที่สุด ดาร์กก็ตบแก้มตัวเองและเดินออกจากหอพักของหญิงสาว แต่เมื่อประตูปิดลง แคลร์ก็ลืมตาขึ้นอย่างเงียบ ๆ จากนั้นก็เอื้อมมือออกไปโอบอากาศตรงหน้าแล้วกระซิบว่า “ดูเหมือนว่าเขาจะโตขึ้นแล้วนะเนี่ย?”
หลังจากได้เดินทางไปรอบโลกอยู่สองสามปี แคลร์ก็ได้รับประสบการณ์กลับมามากมายและรู้ว่าต้องกำหนด ‘สัดส่วน’ อย่างไร ดังนั้นเมื่อใช้คาถาแปลงกายกับดาร์ก เธอจึงจงใจลดระยะเวลาในการแปลงกายลง ในกรณีนี้ หลังจากที่ดาร์กตื่นขึ้น เขาจึงจำไม่ได้เลยว่าครั้งหนึ่งเขาได้กลายเป็นแมวไปแล้ว
ปรากฏว่ามันประสบความสำเร็จซะด้วย
แคลร์รู้สึกว่าเธอสมควรถูกเรียกว่า ‘นักปราชญ์’ จริง ๆ!
คุณป้าผู้เกียจคร้านเอนหลังพิงโซฟา ขณะเผยรอยยิ้มจาง ๆ ออกมา “เด็กชายตัวน้อยต้องการการ์ด [สวนสัตว์] งั้นเหรอ? ได้สิ เพราะไม่มีใครที่ฉันอยากสอนให้นอกจากเขา ส่วนลูกชายของกาวด์ ก็ให้อาร์เต้ดูแลไปแล้วกัน”
…
หอคอยบ้านขุนนางจะเปิดตอนตีห้า เมื่อดาร์กออกจากหอพักอาจารย์ ก็เป็นเวลาราว ๆ ตีสี่ได้ เด็กชายดึงเสื้อให้มันปิดถึงคอแล้วถอนหายใจ และตัดสินใจว่าจะใช้โอกาสที่หาได้ยากนี้ สัมผัสกับทัศนียภาพของปราสาทตอนตีสี่
แต่ก่อนหน้านั้น เขายังมีบางสิ่งที่ต้องยืนยันก่อน “ระบบ แสดงค่าชี้วัด”
[ราคะ] เพิ่มขึ้นมาเป็น 107 หน่วย อันที่จริง ควรจะเป็น 107.5 หน่วย แต่ระบบจะตัดเศษส่วนออกเวลาแสดงสถิติค่ามหาบาป
นี่นับเป็นวันที่สี่แล้วตั้งแต่เข้าสู่เดือนธันวาคม หลังจากสามวันแรก เขาดึง [ราคะ] ออกมาจนเหลือ 104.5 หน่วย แต่ก็เพิ่งเพิ่มมาสามหน่วยเป็น 107.5 หน่วย ส่วน [ราคะ] ที่เก็บไว้ในต้นไม้หนอนมีสองหน่วยครึ่ง ดาร์กต้องหาอีกสิบหน่วยเพื่อเอามาขัดเกลาการ์ด [ราคะ III] แต่การเก็บไว้ใช้ในเชิงปฏิบัติ นับว่ายากพอสมควร
ดาร์กปิดหน้าต่างระบบลงและก้าวเท้าช้า ๆ ไปตามทางเดินปราสาท แสงนุ่มนวลส่องลอดผ่านเข้ามาจากหน้าต่างสี่เหลี่ยมทำให้ทางเดินไม่มืดสนิท ทว่ากลับเป็นลมหนาวที่พัดเข้ามา ในขณะที่ครั้งก่อนนั้นมันเคยอบอุ่น ลมหนาวเปรียบเสมือนเข็มทิ่มที่ทำให้คนรู้สึกเจ็บ รุกกี้เดวิมอนที่กระพือปีกบินอยู่ข้าง ๆ ก็ตัวสั่นเป็นครั้งคราว ดาร์กสงสัยว่าเขาควรเตรียมของขวัญคริสต์มาสให้มันด้วยหรือไม่?
ว่าแต่เอาเป็นหมวกหรือผ้าพันคอดี?
เด็กชายมาที่หน้าต่างบนชั้นสามของปราสาทอีกครั้งตามความเคยชิน ตัวอาคารเชื่อมไปสู่สะพานด้านนอกซึ่งเป็นอีกด้านหนึ่งของปราสาท แต่แล้วดาร์กก็ได้ยินเสียงที่เขาไม่ควรได้ยินในปราสาทตอนตีสี่ มันเป็นเสียงฝีเท้าที่สับรัว พร้อมกับมีเสียงกรีดร้องอย่างตื่นตระหนกไล่ตามมา
อันที่จริง เสียงนี้ยังฟังดูคุ้นหูมากด้วย
“กะไม่ให้ได้พักเลยจริง ๆ!” ดาร์กหรี่ตาและเริ่มสนใจ
แต่เขาไม่รู้เลยว่า ที่จริงแล้วเวอร์เธอร์กับโรเบิร์ตเข้าไปในทางลับตั้งแต่คืนวันศุกร์ เมื่อสองคู่หูเดินลึกเข้าไปในทางลับ พวกเขาก็ค้นพบว่าความจริงแล้วชั้นของมิติภายในนั้นซ้อนทับกัน และมีขนาดใหญ่กว่าที่คาดไว้หลายเท่า! เด็กชายทั้งสองขนอาหารมาเพียงพอที่จะอยู่ในนั้นเป็นเวลาสามคืนเท่านั้น และเพิ่งจะออกมาได้ตอนนี้
ส่วนโกเลมที่สถาบันปล่อยไว้ จริง ๆ แล้วมีเพียงขอบนอกของเส้นทางลับเท่านั้น ส่วนลึกของทางลับนั้นซับซ้อน และเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าไปได้ภายในสองวัน ตามทฤษฎีแล้ว การจัดวางโกเลมไว้ที่ขอบนั้นก็เพียงพอแล้ว
แต่ด้วยการ์ด [ความรักต้องห้าม] เป็นผู้นำทาง เวอร์เธอร์จึงเข้าใจทางลับอย่างลึกซึ้งมากกว่าใคร เขาไม่เพียงแต่เลี่ยงการลาดตระเวนของโกเลมได้เท่านั้น แต่ยังเข้าไปในส่วนลึกของทางลับได้ตั้งแต่วันเสาร์อีกด้วย
ในขณะนี้ ทางลับได้กลับสู่สภาวะปกติและเหลือกับดักไม่มากแล้ว นับตั้งแต่ที่ได้รับแผนที่ขุมทรัพย์มาจนถึงปัจจุบัน เวอร์เธอร์ก็ใช้วิธีตามหาอย่างอดทน จนในที่สุดก็สามารถแกะรอยรูปสมบัติที่ถูกวาดเหมือนผีได้ พวกเขาเดินตามเส้นทางบนแผนที่ขุมทรัพย์ และมุ่งไปข้างหน้าด้วยกำลังพลางเอาชนะอุปสรรคอย่างต่อเนื่อง
เย็นวันอาทิตย์หลังอาหารมื้อ ทั้งสองได้บุกตะลุยเป็นครั้งสุดท้าย และในที่สุดก็ค้นพบสถานที่ที่ผู้กล้าไบรต์ กาวด์ฝังสมบัติไว้!
มันเป็นห้องลับเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ในกำแพงของทางลับที่ไม่มีอะไรเลย เวอร์เธอร์ควบคุมพลังเวทมนตร์ไว้บนฝ่ามือ และใช้ ‘วิธีการคลำ’ สัมผัสกำแพงที่อยู่ใกล้เคียงทั้งหมด ก่อนที่เขาจะพบทางเข้าสู่ห้องลับ ภายใต้อิทธิพลของพลังเวทมนตร์ กำแพงค่อย ๆ โปร่งใสและหัวใจของเวอร์เธอร์ก็เต็มไปด้วยความปีติยินดี
เด็กชายรีบวิ่งเข้าไปโดยไม่รีรอ…ก่อนจะลื่นล้มหัวฟาดพื้น!
พื้นห้องลับนั้นเรียบราวกับกระจก สะท้อนใบหน้าที่ปูดบวมของเขา หลังจากนั้น โรเบิร์ตก็เดินตามเข้ามาอย่างระมัดระวัง แต่ก็ต้องประหลาดใจกับห้องลับนี้ เพราะทั้งห้องถูกประกอบขึ้นจากกระจกบานเดียว เมื่อมองแวบแรก ก็ดูเหมือนว่ามีคนนับไม่ถ้วนมองเขาจากในกระจกอยู่
“นี่คือสถานที่ที่วีรบุรุษซ่อนสมบัติไว้เหรอ? แล้วสมบัติล่ะ?” โรเบิร์ตเบิกตากว้าง แต่ห้องลับนี้โล่งมากจนสามารถมองเห็นได้ทั้งหมด มันไม่มีอะไรเลยนอกจากกระจก ไม่มีแม้แต่ธุลีฝุ่น และไม่ต้องพูดถึงสิ่งที่เหมือนกับ ‘กล่องสมบัติ’
เวอร์เธอร์ที่เจ็บปวดค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล พื้นมันลื่นเกินไป ดังนั้นเขาจึงนั่งกับพื้นด้วยใบหน้าที่ว่างเปล่า
เวอร์เธอร์ใช้เวลากว่าหนึ่งเดือน เลิกเล่นหมากรุกเวทมนตร์และพักการเรียนไว้ ตราบใดที่เขามีเวลาในตอนกลางคืน เขาก็จะไปสำรวจบนทางลับ พอได้พบกับสถานที่ที่ถูกเขียนไว้ในแผนที่ขุมทรัพย์ แต่แล้วมันกลับกลายเป็นสถานที่ผีสิงเช่นนี้เหรอ? สมบัติอยู่ที่ไหนกัน?
สมบัติล่ะ? สมบัติอยู่ไหน? เวอร์เธอร์ร์ตกตะลึงไปชั่วขณะ เขาสัมผัสทั่วทั้งห้องลับ พยายามใส่พลังเวทมนตร์เข้าไปในกระจกทุกบานตลอดเวลา แต่ก็ไม่มีกระจกใดตอบสนอง
“เฮ้ เวอร์เธอร์ นี่ไม่ใช่มุขตลกที่ผู้กล้าสร้างไว้หรอกเหรอ?” ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา โรเบิร์ตก็พูดด้วยความสิ้นหวัง
เวอร์เธอร์จ้องมองดวงตาที่แดงก่ำของเขา และปฏิเสธโดยไม่รู้ตัว “เป็นไปไม่ได้! นี่คือสิ่งที่พ่อของฉันทิ้งไว้ให้ฉัน มันจะเป็นเรื่องตลกได้ยังไง?”
แต่พอพูดจบเขาก็ใจหายทันที เพราะจู่ ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่โรเบิร์ตพูดอาจเป็นเรื่องจริง
ตามที่คาดไว้ โรเบิร์ตกล่าวต่อ “แต่นายบอกฉันว่า มันเป็นสมบัติที่ผู้กล้าหาญทิ้งไว้สมัยเรียน ในตอนนั้นเขาไม่รู้ว่าตัวเองจะมีลูกแน่นอน”
เวอร์เธอร์สงบลง “ฉันรู้ นายพูดถูก ตามนิสัยที่อาจารย์ใหญ่อาร์เต้เล่าไว้ เขาเป็นคนที่ชอบเล่นตลกจริง ๆ”
แอดพลอย : เราเสียใจที่เราต้องหยุดอัพนิยายเรื่องนี้เนื่องจากผู้อ่านไม่ถึง 1% ของผู้ใช้งานทั้งหมด
โรเบิร์ตพูดอย่างไม่ยอมตัดใจ “แต่บางทีอาจเป็นเพราะเรายังไม่สามารถไขปริศนานี้ได้ สรุปสั้น ๆ ก็คือเราแค่ยังหามันไม่เจอใช่ไหม?”
เวอร์เธอร์เห็นด้วย “ใช่แล้ว โรเบิร์ต ตอนนี้เราอยู่ปีหนึ่งเท่านั้น ยังมีเวลาอีกมากที่จะไขปริศนานี้ แต่ว่าพรุ่งนี้ก็จะวันจันทร์แล้วนะโรเบิร์ต”
หลังจากนั้น พวกเขาก็อยู่ในห้องลับต่อเป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมง แต่สุดท้ายก็ยังไม่พบอะไรอยู่ดี