จอมมารแค่อยากเป็นคนดี [反派少爷只想过佛系生活] - บทที่ 58 ดาร์ก เดม่อนกำลังดักฟัง
บทที่ 58 ดาร์ก เดม่อนกำลังดักฟัง
“เวอร์เธอร์ กาวด์ หักห้าสิบคะแนน! มาที่ห้องทำงานของฉันหลังเลิกเรียนด้วย”
น้ำเสียงของศาสตราจารย์เคเซอร์นั้นเรียบนิ่งแต่ยังสัมผัสได้ถึงโทสะของเจ้าตัว
ทุกคนในห้องเรียนหยุดเขียนโดยพร้อมเพรียงกัน
เสียงเสียดสีระหว่างปลายปากกากับพื้นผิวกระดาษหายไปในทันที และทั้งห้องเรียนก็ตกอยู่ในความเงียบสงัด
ในบรรยากาศเช่นนี้ เวอร์เธอร์เงยหน้าขึ้นท่ามกลางสายตาที่จับจ้องมานับไม่ถ้วน ใบหน้าของเขาซีดเซียวและมุมปากของเขากระตุก
“หึ!”
ศาสตราจารย์เคเซอร์ เหลือบมองการ์ด [ความรักต้องห้าม] แล้วหันหลังเดินต่อไป
“จดบันทึกต่อไป!”
นี่อาจเป็นครั้งแรกที่อาจารย์โกรธตั้งแต่เริ่มเรียนมา
ในฐานะศาสตราจารย์ที่โด่งดังที่สุดในชั้นปีหนึ่ง ศาสตราจารย์เคเซอร์มักจะแสดงท่าทางที่น่าชื่นชมเสมอ วิธีการสอนของเขาก็น่าสนใจมากและไม่น่าเบื่อเลย
สิ่งนี้ทำให้นักเรียนสรุปได้ในทันทีว่า บุตรแห่งวีรบุรุษต้องทำผิดพลาดอย่างเหลือทนแน่นอน!
มีความสงสารปรากฏในสายตาของนักเรียนบ้านอัศวิน
ขณะที่นักเรียนบ้านขุนนางส่วนใหญ่ดูถูกเหยียดหยาม
แม้แต่ปากของดาร์กก็อ้าค้างครึ่ง ไม่รู้ว่าจะสงสารหรือหัวเราะดี
[โทสะ -1]
สรุปสั้น ๆ เหตุการณ์นี้ทำให้ค่าโทสะลดลงไปหนึ่งหน่วย
ดาร์กหันกลับมาสนใจสมุดบันทึกต่อ
สำหรับเรื่องนี้ เขาเดาว่าเวอร์เธอร์คงใช้ [ความรักต้องห้าม] นั้นตรวจสอบศาสตราจารย์เคเซอร์จากด้านหลัง
จะตรวจสอบอาจารย์ไปเพื่ออะไรกัน?
ศาสตราจารย์เคเซอร์เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุในตำนานที่มีชีวิตอยู่มาตั้งแต่สมัยของเมอร์ลิน!
แม้ว่าตอนนี้เขาจะกลายเป็นจอมเวทแล้ว แต่มันก็ยิ่งทำให้เขาแข็งแกร่งและทรงพลังมากขึ้น
เวอร์เธอร์ใช้การ์ดดอกไม้ส่องเข้าไปในจิตใจของจอมเวทที่เต็มไปด้วยความสามารถขนาดนี้! นี่อยากตายขนาดนั้นเลยเชียว?
โชคดีที่ศาสตราจารย์เคเซอร์เป็นคนอารมณ์ดี
ถ้านี่คือศาสตราจารย์โจนส์ผู้มีสายเลือดของยักษ์ เขาคงถูกเธอตบจนล้ม
อนิจจา
เขามือไม้ซุกซนอะไรเช่นนี้!
…
หลังจากที่ดาร์กจดบันทึกเสร็จ เขาก็มองไปที่เวอร์เธอร์อีกครั้ง
เด็กชายดูประหม่า แต่ในที่สุดเขาก็เริ่มจดบันทึกร่วมกับโรเบิร์ต
เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ
ในที่สุดคาบเรียนก็ใกล้จบลง
ศาสตราจารย์เคเซอร์เหลือบมองมาที่เวอร์เธอร์ จากนั้นจึงเก็บเอกสารการสอนและเดินออกจากชั้นเรียน
เวอร์เธอร์ก้มหน้าลง เก็บหนังสือเรียนอย่างช้า ๆ
โรเบิร์ตอดไม่ได้ที่จะถามว่า “จะทำยังไงดี?”
เวอร์เธอร์บ่นอุบ “ฉันจะทำอะไรได้อีก? นี่ก็ต้องไปที่ห้องทำงานเขาแล้ว”
โรเบิร์ตใช้สมองและคิดคำปลอบโยนได้ในที่สุด “ใจเย็น ๆ เวอร์เธอร์ ศาสตราจารย์หักนายไปห้าสิบคะแนนแล้วไม่ใช่เหรอ? ไม่น่ามีการลงโทษอย่างอื่นแล้วล่ะ”
“การลงโทษอย่างอื่น?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เวอร์เธอร์ก็เงยหน้าขึ้น “เขาคงจะไม่ไล่ฉันออกใช่ไหม?”
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เวอร์เธอร์ก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก
สำหรับคะแนนของเขาที่กลายเป็นตัวเลขติดลบ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาควรกังวลในตอนนี้
เวอร์เธอร์ได้รับหนังสือแจ้งการรับเข้าเรียนจากสถาบันเซนต์แมเรียนในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า และจากนั้นก็เป็นครูใหญ่ที่พาเขามาที่สถาบัน
หากถูกไล่ออกจากสถาบัน เขาก็ไม่มีที่อื่นให้ไปอีกแล้ว!
เพราะสถาบันเซนต์แมเรียนเป็นบ้านหลังเดียวของเขา
…
ระหว่างทางไปห้องทำงาน ไม่ว่าโรเบิร์ตจะปลอบเขามากแค่ไหน เวอร์เธอร์ก็ไม่อาจสงบลงได้
เด็กชายมาที่หน้าห้องทำงานของศาสตราจารย์เคเซอร์ด้วยความสิ้นหวังและเคาะประตู
“เข้ามา”
เวอร์เธอร์หมุนลูกบิดประตู ดันช่องว่างให้เปิดออก และมองเข้าไปข้างในอย่างระมัดระวัง
แต่สิ่งแรกที่เขาเห็นกลับไม่ใช่ศาสตราจารย์เคเซอร์ที่โกรธจัด
แต่คือดาร์ก เดม่อน ซึ่งกำลังเอนกายลงบนโซฟาและจิบชาดำ
…
เมื่อดาร์กเห็นเวอร์เธอร์โผล่หัวเข้ามา เขาก็ยิ้มอย่างเป็นมิตรและชี้ไปที่ประตูพร้อมกับถ้วยน้ำชาของเขา
หลังจากที่เวอร์เธอร์รู้แล้ว เขาก็รีบเดินเข้าไปในห้องทำงานและปิดประตูอย่างราบรื่น
จากนั้นในที่สุด เด็กชายก็เห็นศาสตราจารย์เคเซอร์นั่งอยู่หลังโต๊ะของเขา
สีหน้าของศาสตราจารย์เคเซอร์นั้นเรียบสงบ ไม่ได้โกรธอย่างที่เขาคิด
ควบคู่ไปกับการมีดาร์กที่เป็นนักเรียนปีเดียวกับเขา ความกระวนกระวายในใจของเวอร์เธอร์จึงลดลงอย่างมาก
เวอร์เธอร์ก้มหน้าลงและเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว พอมาถึงหน้าโต๊ะ เขาก็โพล่งออกมาว่า “ศาสตราจารย์ครับ”
กึก!
เวอร์เธอร์ตัวสั่นทันที
มันคือเสียงดาร์กที่เดินกลับไปวางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะน้ำชา
…
แน่นอน ดาร์กไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเวทมนตร์เคลื่อนย้ายเลย เป็นเวอร์เธอร์ที่เดินช้าเกินไป และปล่อยให้ดาร์กเดินไปถึงโต๊ะน้ำชาก่อน
เนื่องจากมันเป็นปัญหาที่เกิดจากการ์ดดอกไม้ ดาร์กจึงเริ่มบทสนทนากับศาสตราจารย์ได้อย่างง่ายดาย
แต่ไม่นานหลังจากที่เขาและศาสตราจารย์เคเซอร์คุยกัน เวอร์เธอร์ก็มาถึง ดังนั้นเขาจึงนั่งลงและเริ่มกินป๊อปคอร์นของเขา แค่ก ไม่สิ เริ่มดื่มชา
อย่างไรเสีย เขาก็คุ้นเคยกับห้องทำงานนี้
…
ศาสตราจารย์เคเซอร์เงยหน้าขึ้นแล้วใช้ปลายนิ้วแตะบนโต๊ะ “เอาการ์ดเวทมนตร์นั่นมาให้ฉันดูหน่อย”
แม้ว่าเวอร์เธอร์จะลังเลใจ แต่ภายใต้แรงกดดันของศาสตราจารย์เคเซอร์ เขาก็ยังคงมอบ [ความรักต้องห้าม] ให้
หลังจากที่ศาสตราจารย์เคเซอร์ รับการ์ดแล้ว เขาก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “การ์ดดอกไม้? เธอเปลี่ยนการ์ดดอกไม้ใบนี้ให้เป็นการ์ดเวทมนตร์งั้นเหรอ?”
เวอร์เธอร์กัดฟันพูดว่า “ครับ ศาสตราจารย์”
ศาสตราจารย์เคเซอร์หยิบการ์ดเวทมนตร์ออกจากลิ้นชักแล้วแปะมันลงบนโต๊ะ ทันใดนั้นก็มีลูกบาศก์เวทมนตร์ล้อมรอบ [ความรักต้องห้าม] เอาไว้
จากนั้นเขาก็ยกปากกาพลังเวทขึ้นและจิ้มไปที่ [ความรักต้องห้าม]
พลังเวทมนตร์นั้นถูกรวบรวมและถ่ายโอนเข้าไปใน [ความรักต้องห้าม] ผ่านบาเรีย
เวอร์เธอร์มองอย่างประหม่า
ดาร์กก็เบิกตากว้าง เต็มไปด้วยความอยากรู้
แต่หลังจากที่ [ความรักต้องห้าม] สัมผัสกับพลังเวทมนตร์ของศาสตราจารย์เคเซอร์ มันก็สั่นสะท้านและมีหมอกบาง ๆ ผุดขึ้นมา
ศาสตราจารย์เคเซอร์อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “มันถูกพันธนาการไว้อย่างแน่นหนาแล้ว”
จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นและมองที่เวอร์เธอร์ “เธอมีอะไรจะพูดไหม?”
เวอร์เธอร์กัดฟันไม่พูดอะไร
ศาสตราจารย์เคเซอร์กล่าวต่อว่า “ตามกฎของสถาบัน แม้แต่อาจารย์ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้ความลับของนักเรียนมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการสร้างการ์ดเวทมนตร์ แต่ถ้าเธออยากจะ… อืม ดูเหมือนว่าเธอจะไม่อยาก…”
ศาสตราจารย์เคเซอร์โบกมือและปลดบาเรียออก
จากนั้นเขาก็ผลัก [ความรักต้องห้าม] กลับมาที่หน้าเวอร์เธอร์และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “จำที่ฉันพูดเมื่อต้นปีการศึกษาได้ไหม? การ์ดเวทมนตร์นั้นไม่มีความแตกต่างระหว่างความดีกับความชั่ว แต่ผู้ใช้มีความแตกต่างระหว่างความดีกับความชั่ว หากไม่ได้รับความยินยอมจากผู้อื่น การสอดแนมจิตใจผู้อื่นถือเป็นเรื่องต้องห้าม ฉันหักคะแนนจากเธอแค่ห้าสิบคะแนน เนื่องจากเป็นความผิดครั้งแรกของเธอ ฉันหวังว่าเธอจะไม่ทำผิดพลาดแบบเดิมอีก”
เวอร์เธอร์นำ [ความรักต้องห้าม] กลับคืนมา แผ่นหลังเย็นเยียบเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ
ภายใต้สายตาของศาสตราจารย์เคเซอร์ เขารวบรวมความกล้าและกล่าวว่า “ครับ ศาสตราจารย์ ผมจะไม่ทำมันอีก”
…
เมื่อเวอร์เธอร์เดินออกจากห้องทำงาน โรเบิร์ตก็รีบเดินเข้ามาหาเขา
เวอร์เธอร์ปิดประตูแล้วเอนพิงโรเบิร์ตอย่างอ่อนแรง
ตอนพูดกับศาสตราจารย์เคเซอร์ มันราวกับว่าเขาอยู่ภายใต้แรงกดดันที่มองไม่เห็นซึ่งบดขยี้จิตวิญญาณของเขาซ้ำแล้วซ้ำ
มีเพียงความคิดเดียวในใจของเขานั่นคือ เขาจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว!