จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up - ตอนที่ 30
ตอนที่ 30 มีชื่อเสียง
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ดื่มกินอย่างเบิกบานสำราญใจ มันเป็นคืนที่ฉินเทียนมีความสุขที่สุดนับตั้งแต่มาที่โลกใบนี้
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉินเทียนตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อไปยังตระกูลฉิน
ตอนนี้เขาเป็นผู้ฝึกตนขั้นที่เจ็ดแล้ว ดังนั้นค่าประสบการณ์จากโรงฆ่าสัตว์ย่อมไม่เพียงพออีกต่อไป เขาเองก็ขี้เกียจที่จะต้องทำกิจวัตรเช่นนั้นแล้ว เหล่าคนฆ่าสัตว์ที่ไม่มีมีฉินเทียนมาคอยช่วยแบ่งเบาภาระอีกก็ต้องเหนื่อยจนสายตัวแทบขาด
ถนนในยามเช้ายังไม่มีคนพลุกพล่านนัก ออกจะเงียบเหงาเสียด้วยซ้ำ
เมื่อมาถึงตระกูลฉิน บ่าวรับใช้ที่กำลังกวาดลานบ้านอยู่ก็สังเกตเห็นฉินเทียน สองตาของมันพลันลุกวาวและรีบเข้าไปต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้ม มันกล่าวกับฉินเทียนด้วยความนอบน้อม “นายน้อย ท่านกลับมาแล้ว”
ฉินเทียนผงกศีรษะ เขากวาดตามองดูลานกว้างที่โอ่อ่าและถามออกมา “หอตำราไปทางใด?”
บ่าวรับใช้ผู้นั้นพลันวางไม้กวาด ก่อนจะเดินมาหาฉินเทียนอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “นายน้อย บ่าวผู้นี้จะนำทางให้ท่านเองขอรับ”
ฉินเทียนยิ้มเย็นชา บ่าวไพร่ของตระกูลฉินไม่เคยปฏิบัติกับเขาเช่นนี้มาก่อน ในความทรงจำของเขา พวกบ่าวไพร่ต่างหาโอกาสรังแกเขาอยู่เสมอ มาตอนนี้บนใบหน้าของพวกมันกลับยิ้มประจบประแจง เขาพลันหัวเราะออกมาและแค่นเสียงกล่าวว่า “ให้ไว!”
บ่าวรับใช้ผู้นั้นแน่นอนว่าโกรธหากแต่สีหน้าของมันยังคงเดิม มันยิ้มออกมาก่อนจะนำทางเขาไป
ฉินเทียนเดินตามอยุ่ทางด้านหลังอย่างสบายใจ ระหว่างเดินเขาก็ได้ยินเสียงซุบซิบของบ่าวไพร่
“ตอนนี้นายน้อยฉินเทียนคืออัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดของตระกูลฉิน! ข้าได้ยินมาว่ามันได้สังหารสัตว์ปีศาจระดับห้าไปด้วย….”
“มันได้อันดับที่หนึ่งในเทศกาลล่าสัตว์! ยิ่งไปกว่านั้นคะแนนของมันยังเกือบจะมากกว่าฉินเฟิงถึงสองเท่า!”
“ไฮ๊ ตั้งแต่แรกเริ่มนายน้อยฉินเทียนก็เป็นอัจฉริยะอยู่แล้ว ฉินเฟิงนับเป็นตัวอะไร….”
“ข้าก็ทราบอยู่แล้ว นายน้อยฉินเทียนคือมังกรท่ามกลางหมู่มวลมนุษย์เชียวนะ!”
………………………………………..
………………………………………..
ถ้อยคำยกย่องเขายิ่งมายิ่งเกินจริง ฐานะภายในตระกูลฉินของเขาตอนนี้คล้ายถูกจับพลิกตลบร้อยแปดสิบองศา เหล่าผู้ที่เคยดูถูกเหยียดหยามเขามาตอนนี้กลับกลายเป็นประจบประแจง
ในคืนก่อน เมื่อฉินซานเทียนได้กลับมาที่ตระกูลฉิน มันก็ได้จัดการประชุมอย่างเร่งด่วนขึ้น ขอให้สมาชิกทุกคนในตระกูลช่วยส่งเสริมการฝึกฝนบ่มเพาะของฉินเทียน ตระกูลฉินจะช่วยจัดเตรียมทรัพยากรที่จำเป็นเพื่อช่วยให้ฉินเทียนบรรลุขั้นกลั่นวิญญาณ
ในคำขอของมันยังเน้นย้ำถึงเรื่องความปลอดภัยของฉินเทียนอย่างมาก
แน่นอนว่าถ้อยคำเหล่านี้มุ่งเน้นไปที่ฉินเซี่ยงเทียน
เมื่อฐานะภายในตระกูลของเขาได้เปลี่ยนไป เหล่าผู้ที่เขาได้พบเจอระหว่างทางไปหอตำราล้วนกล่าวทักทายอย่างสนิทสนม หรือมิเช่นนั้นก็จะพยายามเชื่อมสัมพันธ์กับเขาด้วยรอยยิ้มที่ดูจริงใจ
ฉินเทียนย่อมทราบความตั้งใจของพวกมัน พวกคนเหล่านี้ล้วนกลอกกลิ้งยิ่ง…..อย่างไรก็ตาม บนใบหน้าของเขาก็ประดับไว้ด้วยรอยยิ้มอันเบิกบานขณะรับการทักทาย
ภายในหอตำราของตระกูลฉิน ที่นี่มีหนังสือตำรามากกว่าหนึ่งพันเล่มและยังมีคัมภีร์ทักษะเสริมอยู่อีกนับร้อย
ทักษะเหล่านั้นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นทักษะะดับต่ำหรือระดับกลาง มีเพียงสิบทักษะเท่านั้นที่อยู่ในระดับสูง นี่จึงแสดงให้เห็นถึงความขาดแคลนทักษะของของทวีปเทียนหยวน
ฉินเทียนมาถึงสิ่งปลูกสร้างที่คล้ายเจดีย์จีนที่มีทั้งหมดสามชั้น บ่าวรับใช้ที่นำทางพลันหยุดเท้าและหันมากล่าวกับเขา “นายน้อย พวกเรามาถึงหอตำราแล้วขอรับ”
ฉินเทียนพยักหน้าและโบกมือไล่บ่าวผู้นั้นไป ในฐานะที่ได้นำทางให้แก่ฉินเทียนแล้ว นี่นับเป็นงานที่มีเกียรติอย่างมาก บ่าวผู้นั้นยิ้มอย่างยินดีก่อนเดินจากไป
“ฉินเทียน เจ้ามาแล้ว”
ผู้ดูแลหอตำราฉินเสี่ยวเข้ามาทักทายฉินเทียน ในเวลาเดียวกันฉินเทียนก็เร่งฝีเท้าไปหาผู้ดูแลหอตำรา โค้งคำนับแล้วกล่าวอย่างสุภาพ “ผู้อาวุโส ยินดีที่ได้พบท่าน”
“ไฮ๊ หลานชายฉินเทียนสุภาพไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องคำนับข้าหรอก” ฉินเสี่ยวหัวเราะ มันไว้เคราแพะ ดวงตาสองข้างหดเล็กคล้ายหนู มองดูท่าทีที่นอบน้อมของฉินเทียน มันก็รู้สึกว่าตนนั้นช่างยิ่งใหญ่เสียนี่กระไร นี่ทำให้มันมีความสุขอย่างมาก
ฉินเทียนลอบแค่นเสียงอยู่ในใจ ฉินเทียนคนก่อนพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ฉินเสี่ยวผู้นี้มอบตำราทักษะ เขาเก็บหอมรอมริบและมอบเงินที่เก็บมาทั้งปีให้ฉินเสี่ยว สุดท้ายไม่ได้เพียงฉินเทียนไม่ได้อะไรกลับมา เขายังถูกมันทุบตีและถูกกล่าวหาว่าเป็นโจร ด้วยเหตุนั้นภายใต้ความเมตตาของประมุขตระกูล เขาจึงเพียงถูกตัดเงินเดือน
“ท่านลุงฉินเสี่ยว ข้ามาที่นี่เพื่อรับรางวัลของข้า”
ฉินเทียนยังคงรักษาท่าทีสุภาพ น้ำเสียงเองก็ยังถ่อมตน เมื่อดูจากผิวเผินแล้ว ฉินเทียนคล้ายบัณฑิตที่สุภาพ หากแต่ลึกเข้าไปในจิตใจแล้ว เขาเริ่มวางแผนชั่วร้าย
ยิ่งฉินเทียนแสดงท่าทีนอบน้อมเท่าใด ฉินเสี่ยวก็ยิ่งคิดว่าตนเองสูงส่งเท่านั้น มันถามออกมาอย่างวางท่า “รางวัล? รางวัลอะไร?”
“รางวัลสำหรับอันดับหนึ่งงานเทศกาลล่าสัตว์….”
“อ้า ข้าแก่แล้วจริงๆ ท่านประมุขได้กำชับข้าด้วยตนเอง ฮ่าฮ่า…หลานชายฉินเทียน คงไม่ตำหนิข้าแก่แล้วหลงๆลืมๆกระมัง ฮ่าฮ่า…” ฉินเสี่ยวหัวเราะประหลาด
“เมื่อท่านลุงกล่าวเช่นนั้น ท่านสามารถนำทางให้ข้าได้หรือไม่?” ฉินเทียนโค้งคำนับอย่างนอบน้อม และผายมือ ‘เชิญท่าน’
ฉินเสี่ยวเดินนำหน้าคล้ายคนรับใช้เดินเปิดทาง ที่ด้านหลังมีฉินเทียนเดินตามอยู่ไม่ห่าง ระหว่างทางฉินเสี่ยวจะคอยกล่าวถึงวิธีการใช้ทักษะต่างๆ…..
ฉินเทียนพยักหน้ารับฟัง แต่ในใจเขากลับรู้สึกว่าตนเองช่างโง่เขลาที่ไปให้ความเคารพต่อคนผู้นี้
ตอนนี้ฉินเทียนรู้สึกปรอดโปร่งอย่างยิ่ง นับจากฐานะแล้ว ผู้ดูแลตำราก็ยังอยู่ต่ำกว่าเขาขั้นหนึ่ง คล้ายบ่าวรับใช้ของเขา
ศิษย์ทั้งหมดที่มีทักษะเพียงน้อยนิดกระทั่งไม่กล้าสบตากับมัน ดังนั้นมันจึงยิ่งได้ใจและข่มเหงศิษย์เหล่านั้นอยู่บ่อยๆ และหนึ่งในนั้นก็คือฉินเทียนคนเก่า
เมื่อเข้ามาในหอตำราแล้ว ฉินเทียนก็ตรงไปยังชั้นที่สาม ฉินเสี่ยวค่อนข้างประหลาดใจ ‘เจ้าเด็กนี่ช่างมักใหญ่จริงๆ’
หอตำราถูกแบ่งเป็นสามชั้น ชั้นแรกเป็นชั้นที่ใหญ่ที่สุด มีตำราอยู่ราวห้าร้อยเล่ม เป็นทักษะระดับต่ำ กระทั่งบางทักาะยังไม่อาจนับเป็นทักษะระดับต่ำก็มี
ชั้นที่สองจะมีตำราราวสี่ร้อยเล่ม มีทักษะต่อสู้บางอันที่มีประโยชน์ กระนั้นมันก็ถูกสงวนไว้ให้อ่านเพียงศิษย์ที่สามารถไปถึงขั้นก่อตั้งวิญญาณหรือเหนือกว่าเท่านั้น หรือมิเช่นนั้นก็ต้องได้รับอนุญาตจากประมุขของตระกูลก่อน หรืออีกทางก็คือต้องสร้างผลงานให้ตระกูลอย่างโดดเด่น
ในชั้นที่สามนี้มีตำราอยู่ราวหนึ่งร้อยเล่ม มีทักษะต่อสู้บางอันที่เป็นระดับสูง พวกทักษะเสริมเองก็มีอยู่เช่นกัน
ทักษะเสริมก็คล้ายกับเม็ดยาที่ช่วยในการบ่มเพาะ กระนั้นทักษะประเภทนี้นับว่าหายากยิ่ง ตำราทักษะเสริมของตระกูลฉินส่วนใหญ่แล้วล่วนเป็นฉบับบคัดลอกและหยาบอยู่บ้าง
ฉินเทียนหยิบตำราเหล่านั้นออกมาพลิกตามอำเภอใจ เขาไม่ค่อยพอใจนัก เมื่อมีเคล็ดมังกรฟ้าอยู่กับตัว ตำราเหล่านี้ก็ไม่อาจนับเป็นอย่างไร
ระหว่างที่ฉินเทียนกำลังเลือกตำราอยู่นั้น ฉินเสี่ยวก็คอยอยู่ด้านข้างตลอด เมื่อฉินเทียนกำลังจะหยิบตำราออกมา มันจะกลอกกลิ้งดวงตาและพยายามคาดเดาว่าฉินเทียนจะหยิบตำราประเภทใด
“ท่านลุงฉินเสี่ยว ทักษะระดับสูง ‘หมัดเทพไร้ปราณี’ นี้เป็นอย่างไร?” ฉินเทียนหยิบเอาตำราที่ดูค่อนข้างเก่าแก่และชำรุดออกมา
ฉินเสี่ยวชะงักเมื่อมองไปยังตำราหมัดเทพไร้ปราณี มันเผยใบหน้าที่ราวกับต้องการจะกลืนกินมันลงไปออกมา หลังกลืนน้ำลายไปอึกหนึ่ง มันก็กล่าวว่า “เป็นทักษะระดับสูง หลังจากฝึกฝนแล้วจะสามารถป่นศิลาได้โดยง่าย มันทรงพลังอย่างมาก มันเป็นทักษะหมัดที่ท่านประมุขเคยฝึก….”
เมื่อเห็นใบหน้าที่ดูโลภของฉินเสี่ยวแล้ว ฉินเทียนก็แค่นเสียงในใจ ปากกลับเอ่ยถามอย่างสุภาพ “ท่านต้องการมันหรือ?”
“แน่นอน…” มันพลันตอบออกมาโดยไม่ทันคิด เมื่อเห็นการตอบรับของตนเองแล้ว ฉินเสี่ยวก็รีบกล่าวแก้ไข “ต้องการแล้วอย่างไร? อย่างไรเสียทักษะที่ดีเช่นนี้ก็ไม่เคยตกมาถึงมือข้า”
ในฐานะผู้ดูแลหอตำราแล้ว อำนาจของมันมีอยู่อย่างจำกัด นอกจากคอยนำผู้คนเข้าสู่หอตำราแล้ว มันก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดตำราอ่านแต่อย่างใด สำหรับมันแล้วตำราระดับสูงเป็นสิ่งที่ไม่อาจเอื้อม
ฉินเทียนเองก็ทราบเรื่องนี้ดี
“ข้าได้รับอนุญาตให้เลือกตำราไปได้สามเล่ม และหากว่าข้ามอบให้ท่านเล่มหนึ่ง ผู้ใดยังจะต่อว่าท่านได้?” ฉินเทียนกล่าวออกมาด้วยท่าทีแน่วแน่ มองดูใบหน้าอันไร้เดียงสาของฉินเทียนแล้ว ความสุขก็ปะทุขึ้นในจิตใจของฉินเสี่ยว
หากว่ามันไม่ได้กล่าวออกมา เช่นนั้นผู้ใดจะทราบว่าฉินเทียนยกตำราให้กับมันเล่า?
“เจ้าพูดจริงหรือ?” ฉินเสี่ยวไม่อาจทำใจเชื่อได้ มันถามฉินเทียนด้วยท่าทีจริงจัง
“มันเป็นหน้าที่ของหลานชายที่จะแสดงความเคารพต่อลุง ท่านลุง ท่านว่าใช่หรือไม่?” ฉินเทียนยัด ‘ตำราหมัดเทพไร้ปราณี’ ไปในอ้อมแขนของฉินเสี่ยว
ฉินเสี่ยวรู้สึกยินดีอย่างคาดไม่ถึง มันหันไปมองโดยรอบ เมื่อไม่เห็นว่ามีผู้ใดอยู่แถวนั้น มันก็กอดตราเอาไว้เผยรอยยิ้มเสแสร้งออกมา
ฉินเทียนเองก็ทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและเดินไปยังอีกด้าน กระนั้นฉินเสี่ยวกลับยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ หัวใจของมันเต้นไม่เป็นจังหวะด้วยความตื่นเต้น ในใจลึกรู้สึกขอบคุณฉินเทียน
หลังจากนั้นฉินเทียนก็เลือกตำราที่เขาต้องการและเดินไปยังจุดลงทะเบียน หลังจากลงทะเบียนเสร็จสิ้นแล้วเขาก็ออกจากหอตำรา
เมื่อฉินเทียนจากไป ฉินเสี่ยวก็เบิกบานอย่างมาก มันรีบเดินไปอ่านรายชื่อตำราที่ฉินเทียนลงทะเบียน จิตใจของมันคล้ายระเบิดออกมา มีรายชื่อตำราอยู่สามเล่ม
“มันได้รับอนุญาตให้เลือกตำราทักษะไปสามเล่มใช่หรือไม่? เมื่อมอบให้ข้าแล้ว มันก็สามารถนำไปได้อีกสอง….”
“มันนำตำราไปสามเล่ม….เช่นนั้น…ตำรานี้…”
“ซวยล่ะ…”
เพียงตอนที่มันกำลังจะนำตำราไปคืนนั้น ผู้ทำหน้าที่ลาดตระเวนก็ปรากฏตัวออกมา ฉินเทียนเองก็ยืนมองอยู่ไม่ไกล ขณะที่บนใบหน้าเผยรอยยิ้มเย็นชา
“ฉินเสี่ยวเจ้ากล้าดีอย่างไรถึงกล้าขโมยทักษะระดับสูงจากหอตำรา! พวกเราจับกุมและคนตัวมัน!”
“ขอรับ”
ฉินเสี่ยวเป็นเพียงผู้ฝึกตนแรกเริ่มขั้นที่แปด หน่วยลาดตระเวนทุกคนล้วนแข็งแกร่งกว่ามัน เมื่อเห็นหน่วยลาดตระเวนวิ่งเข้าใส่แล้ว สองขาของมันก็พลันอ่อนยวบ มันเร่งกล่าวออกมา “ข้าไม่ได้ขโมย ข้าไม่ได้ขโมย! เป็นฉินเทียน ฉินเทียน….”
หน่วยลาดตระเวนยึดตำราหมัดเทพไร้ปราณีจากวงแขนของมัน หัวหน้าหน่วยลาดตระเวนพลันตีเข่าใส่มันอย่างรุนแรงโดยไม่บอกกล่าว จากนั้นจึงตะโกนออกมา “สำหรับการขโมยตำราระดับสูง พวกเรา คุมตัวมันไปที่หน้าผารอให้ท่านประมุขเป็นผู้ตัดสิน!”
“รับทราบ!”
ฉินเสี่ยวหวาดกลัวจนเป็นลมไป
ตอนนี้ฉินเทียนรู้สึกดีอย่างมาก โดยไม่มีผู้ใดสังเกต เขาฮัมเพลงและเดินจากไป….