จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up - ตอนที่ 71
จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 71 การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของตระกูลฉิน
ยามเช้าอันหนาวเหน็บ
ที่นอกอาณาจักรต้าหลี่ ที่ทางออกของเทือกเขาคุนหลุนเต็มไปด้วยคนกลุ่มต่างๆ พวกเขามีทั้งยินดีและเสียดาย นี่อาจเป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่จะได้เข้าไปในเทือกเขา เพราะในอีกไม่กี่วันข้างหน้าหิมะจะตกหนัก นั่นจึงเป็นเรื่องยากที่จะเดินทาง และเสาะแสวงหาสัตว์อสูรกับหญ้าวิญญาณต่างๆ
อีกไม่กี่วันก็จะขึ้นปีใหม่ และพวกเขาก็โชคดีที่ออกมาได้ทันเวลา ทั้งหมดต่างก็ตั้งตารอคอยได้พบหน้าครอบครัว ในกลุ่มคนมีเสียงบ่นเรื่องเหล่านี้อยู่เป็นระยะ
ในบรรดากลุ่มคนที่สัญจรไปมา ชายหนุ่มที่สวมชุดเบาบางสำหรับฤดูหนาวกำลังเดินไปตามทาง
บนบ่าของเขามีราชสีห์เนตรโลหิตตัวน้อยเห่าหอนไม่หยุด นี่ทำให้ผู้คนโดยรอบหันมามองด้วยความสนใจใคร่รู้
“นั่นมันลูกของราชสีห์เนตรโลหิตไม่ใช่หรือ?”
“หรือคนผู้นั้นจะเป็นนักฝึกสัตว์อสูร ราชสีห์เนตรโลหิตเป็นสัตว์อสูรหายาก ไม่มีวาสนาคงไม่พบพาน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลูกๆของมัน”
“เห็นหรือไม่ว่าเขาสวมชุดน้อยยิ่ง อีกทั้งกลิ่นอายยังดุดัน ข้าว่าอย่างน้อยๆต้องอยู่ในระดับแปดขั้นก่อวิญญาญเป็นแน่…”
“เอ ทำไมจึงดูคุ้นๆ…คลับคล้ายว่าข้าเคยเห็นเขามาก่อน…..”
……………………………………………………….
ฉินเทียนยิ้มอย่างเบื่อหน่าย แต่ก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใด
ลมหนาวพัดพาดอกไม้ลอยไปตามลม บุรุษร่างโตที่สวมเสื้อขนสัตว์หนาเตอะยังต้องสยิวกายด้วยความหนาว หากแต่ฉินเทียนกลับไม่รู้สึกรู้สาใดๆ ทั้งยังไม่มีดอกไม้ใดปลิวตกลงตัวของเขา นี่ทำให้ผู้คนโดยรอบต่างก็สงสัยระดับบ่มเพาะของเขา
“อะไรนะ? หญ้าวิญญาณระดับสองถึงสองต้น?”
“เดือนที่แล้วยังต้นเดียวอยู่เลย นี่มันปล้นกันชัดๆ!”
“ผู้เฒ่าท่านนี้ จะจ่ายหรือไม่จ่าย? หากว่าไม่เช่นนั้นก็……..” บุรุษผู้นั้นกล่าวแค่นเสียง “เช่นนั้นก็อย่าคิดจะจากไปได้เลย”
“จะ…เจ้า…นี่มันปล้นกันกลางวันแสกๆแล้ว ข้าจะไปหาผู้นำตระกูลของเจ้าพื่อถกเหตุผล!” ชายชราหยิบต้นหญ้าวิญญาณสองต้นส่งให้ทหารก่อนจะชี้หน้า
ทหารคนนั้นยิ้มอย่างเย็นชา หลังจากชายชรานั้นเดินผ่านไป ชายชราก็ต้องชะงัก ชายชราคนนั้นเก็บหญ้าวิญญาณเพื่อเลี้ยงชีพ ทั้งยังมีระดับการบ่มเพาะที่ต่ำ ดังนั้นจึงไม่ทันมีปฏิกิริยาใด เหงื่อเย็นไหลอาบแผ่นหลัง ชายชราค่อยๆหันศีรษะกลับไป ก่อนจะทันได้เห็นเพียงหนึ่งฝ่ามือ และร่วงลงไปกองกับพื้น
ชายชราถูกทหารนั้นเตะใส่หน้าอกอีกสองสามครั้ง “ถกเหตุผลกับท่านประมุข? หรือเจ้าเสียสติ? ตอนนี้ทางเข้าเทือกเขาคุนหลุนอยู่ในการดูแลของตระกูลหยางแล้ว สถานที่นี้เป็นของคนแซ่หยาง ไม่ใช่ฉิน! ไอ้แก่โง่เอ๊ย……”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…..”
ทหารหลายนายที่มองดูอยู่ต่างก็ส่งเสียงหัวเราะ
เดิมทีชายชราก็ร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว ด้วยอายุอานามที่มาก เขาจึงนอนนิ่งไปหลังจากถูกทุบตี ทหารนายนั้นคว้าคอเสื้อของชายชราขึ้นมาก่อนจะโยนออกไปอย่างไร้ปราณี ชายชราร่วงกระแทกพื้นอย่างรุนแรงก่อนจะส่งเสียง “อ่อก” ออกมา
ทหารนายนั้นหันหลังก่อนจะเดินกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนทหาร “วันนี้บิดาอารมณ์ไม่ดี ทุกคนที่จะไปต้องมอบหญ้าวิญญาณระดับสองมาสามต้น ไม่เช่นนั้นจะถูกทุบตีเหมือนไอ้หมาแก่ตัวนั้น!”
“ว่าไงนะ?”
“บ้าไปแล้ว? หญ้าวิญญาณระดับสองสามต้นมีราคาหลายร้อยเหรียญเงิน เราจะเอาเงินที่ไหนกินข้าว?”
“คงได้แต่ทำตาม ตอนนี้ตระกูลฉินไม่ได้ดูแลที่นี่แล้ว แต่เป็นตระกูลหยาง! ตระกูลผู้ปกครองแห่งเมืองขอบนภา”
“ข้าได้ยินมาว่าทุกตระกูลในชิงเหอได้เข้าร่วมกับตระกูลหยางแล้ว ตระกูลฉินพยายามต่อต้าน แต่ดูเหมือนว่าจะยอมแพ้ในที่สุด ในอนาคตคงยากจะเข้าไปเก็บหญ้าวิญญาณแล้ว”
ในฝูงชนต่างซุบซิบพูดคุยกัน แต่ก็ทำได้เพียงซุบซิบ พวกเขาไม่กล้าใช้เสียงดังไป
ฉินเทียนไม่ได้สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นข้างหน้า และตามขบวนคนที่ค่อยๆขยับอย่างเชื่องช้า
ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ในที่สุดฉินเทียนก็มาถึงทางออก เขามองไปที่คนเก็บค่าผ่านทางก่อนจะประหลาดใจ “พวกเจ้าไม่ใช่คนตระกูลฉิน?”
ทหารคนที่เตะชายชราจนตายพลันรู้สึกหงุดหงิด เขายกมือชี้หน้าฉินเทียนด้วยความโมโห “ฟังนะไอ้หนู บิดาเป็นคนตระกูลหยาง อย่าพูดถึงตระกูลสวะอย่างตระกูลฉินอีก ไม่อย่างนั้นบิดาจะให้เจ้าได้……”
เปรี้ยง!
ฉินเทียนขยับมือเบาๆ และทหารคนนั้นก็ลอยกระเด็นไป บนก้อนหินที่ห่างออกไปราวร้อยก้าว ทหารนายนั้นยกมือขึ้นกุมหน้าอกที่เปิดรูอย่างยากลำบาก ร่างของเขาสั่นระตุกก่อนจะแน่นิ่งไป สองตายังเหลือกค้างอย่างหวาดกลัวจนถึงวาระสุดท้าย
“เจ้าเป็นใครกัน? กล้าทำร้ายคนตระกูลหยาง?”
พวกทหารขั้นรวบรวมวิญญาณที่อยู่โดยรอบวิ่งกรูเข้ามาหาฉินเทียน แต่ละจ่อหอกล้อมฉินเทียนไว้
“ไอ้หนูนั่น สงสัยคงเบื่อชีวิตแล้วกระมัง ไปทำกับคนตระกูลหยางแบบนั้น….”
“อ๊าก……”
ก่อนที่คำพูดจะจบประโยค เสียงกรีดร้องโหยหวนก็ดังขึ้น เงาร่างหนึ่งลอยกระเด็นไปตกลงบนหินด้านข้างทหารที่ตายพร้อมกับหน้าอกที่ยุบลงไป
“ฆ่ามัน!”
ผู้คนที่มุงดูอยู่ไม่อาจเห็นการลงมือของฉินเทียนได้ชัดถนัดตา ในสายตาของพวกเขา ฉินเทียนเพียงยืนอยู่กับที่ การเคลื่อนไหวของฉินเทียนรวดเร็วเกินไปจนสายตาของพวกเขาจับไม่ทัน ทหารทั้งหมดที่ล้อมฉินเทียนไว้ได้บุกโจมตีพร้อมกัน
เสียงของหนักกระทบพื้นดังขึ้นเป็นชุด ทุกเสียงล้วนมีคนถูกส่งลอยออกไปก่อนจะกระแทกพื้น อวัยวะภายในของร่างเหล่านั้นลวนถูกทำลายด้วยพลังปราณ
“แกเป็นใครกัน? ไม่รู้หรือว่าพวกเราเป็นคนตระกูลหยาง กล้าต่อต้านราชาพายัพ…….”
ปั้ง!
เสียงดังขึ้นอีกครั้ง ร่างของฉินเทียนหายไปจากสายตามวลชนก่อนที่พริบตาต่อมาจะกลับมาอยู่ที่เดิม ใบหน้าของเขาประดับด้วยรอยยิ้มเยาะอยู่จางๆ เขามองไปยังทหารที่เหลืออยู่คนสุดท้าย “ขอถามอะไรหน่อยสิ?”
ทหารคนนั้นขาสั่นด้วยความกลัว แววตาของเขาว่างเปล่าขณะมองไปยังฉินเทียน เขาก้าวถอยหลังพลางกล่าวเสียงสั่น “จะ…ทะ…ท่าน ท่านจะถามอะไรหรือ….หรือขอรับ?”
“ใครเป็นผู้ดูแลทางออกของเทือกเขาคุนหลุน?” ฉินเทียนถาม
“เมืองขอบนภา ราชาพายัพแห่งตระกูลหยาง” ทหารนายนั้นหลั่งเหงื่อเย็น เขาไม่กล้าสบตาฉินเทียนขณะก้าวขาถอยหลัง
“ราชาพายัพแห่งตระกูลหยาง?” ฉินเทียนมุ่นคิ้วขณะพึมพำ เพื่อที่จะสร้างเส้นทางเข้าสู่เทือกเขาคุนหลุน บรรพบุรุษในยุคก่อนต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจมากมาย ฉินซานเทียนส่งมอบเส้นชีวิตของตระกูลฉินให้กับตระกูลหยางจริงๆ? ไปถูกลาเตะสมองมาเหรอ?
เมื่่อเสียสิทธิ์ควบคุมเส้นทางสู่เทือกเขาคุนหลุน ตระกูลฉินก็แทบสิ้นเนื้อประดาตัว และจะต้องกลายเป็นตระกูลชั้นสองไปอย่างน้อยๆก็นับสิบปี
“ฉินซานเทียน นะ ฉินซานเทียน ท่านไม่เหมาะกับตำแหน่งประมุขตระกูลจริงๆ……”
คิดไม่ถึงว่าเวลาช่วงสั้นๆเพียงสามปี ตระกูลฉินจะส่งมอบสิ่งที่บรรพบุรุษให้ไว้ต่อคนนอก ฉินเทียนทอดถอนใจอย่างขมขื่น คิดถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของตระกูลฉิน ฉินเทียนก็เริ่มกังวล
“ป่านนี้เมิ่งเล่ยกับอวิ๋นม่านจะเป็นอย่างไรบ้างนะ…….”