จอมยุทธ์ระบบเลเวล Invincible Level Up - ตอนที่ 72
จอมยุทธ์ระบบเลเวล ตอนที่ 72 เลือดขึ้นหน้า
สามปีเป็นเวลาที่ทั้งไม่สั้นและไม่ยาว
ในช่วงสามปีที่ฉินเทียนไม่อยู่ ตระกูลฉินหรือกระทั่งทั้งเมืองชิงเหอก็เปลี่ยนไปมาก ราชาพายัพหยางฮง ไม่ยอมวางตัวนิ่งเฉย เขาไม่เต็มใจมีบรรดาศักดิ์เพียงแค่ ‘ราชา’ แต่ต้องการเป็น ‘จักรพรรดิ’
ดินแดนทางตะวันตกเฉียงเหนือของอาณาจักรต้าหลี่มีเมืองอยู่เจ็ดเมือง
ความทะเยอทะยานที่เก็บฝังไว้เป็นเวลานานได้เริ่มเผยออก
เมืองชิงเหอถือเป็นศึกแรกของหยางฮง และเขาก็ได้รับชัยชนะมาอย่างง่ายดาย จ้าวหนานตู พยายามผลักดันให้มีกองกำลังรักษาเมืองอยู่หลายปี แต่ไม่เคยประสบผล คำร้องของเขากระทั่งไม่เคยถูกส่งไปถึงนครหลวงของต้าหลี่ เพราะทุกฉบับล้วนถูกสกัดไว้โดยหยางฮง
เมืองชิงเหอตั้งอยู่ในพื้นที่อันมีเปรียบทางภูมิศาสตร์ มีแม่น้ำเป็นแนวป้องกันทางธรรมชาติ อีกทั้งทิศเหนือยังมีเทือกเขาคุนหลุน การมีอยู่ของสิ่งเหล่านี้เป็นทั้งเกราะป้องกันและเส้นทางถอย
สายตาของหยางฮงจับจ้องเมืองชิงเหอมาโดยตลอด ดั้งนั้นเมื่อต้องการตั้งตนเป็นจักรพรรดิ เขาจึงคิดยึดกุมเมืองชิงเหอเป็นที่แรก
เวลานี้เมืองชิงเหอเปลี่ยนไปแล้ว อำนาจของเมืองถูกแยกออกจาตระกูลต่างๆ ผู้แข็งแกร่งหลายต่อหลายคนถูกซื้อตัว ทั้งยังมีเหล่านักผจญภัยที่คิดเข้าไปเสาะแสวงหาโชคในเทือกเขาคุนหลุน คนเหล่านี้หากไม่โอนอ่อนผ่อนตามก็จะถูกกำจัด
ในช่วงหลายวันที่ตระกูลหยางก้าวเข้ามา เมืองชิงเหอก็ถูกชโลมด้วยโลหิต
เมืองชิงเหอเปลี่ยนไปแล้ว…..
ที่เหลาฟุหลง
จางต้าฟู่ยังคงงานล้นมือ แต่มีบ้างเป็นบางคราที่เขาจะยืนอยู่หน้าประตูและจ้องมองไปยังถนนทางทิศเหนือด้วยแววตาเลื่อนลอย นักผจญภัยแทบทุกคนที่จางต้าฟู่พบเจอมักจะสอบถามถึงฉินเทียน
นี่ก็ผ่านไปสามปีแล้ว แต่ยังคงไม่มีวี่แววว่าฉินเทียนจะกลับมา ทุกคนต่างก็คิดว่าฉินเทียนทอดกายเป็นศพในเทือกเขาคุนหลุนไปแล้ว เขาไม่อาจกลับมาที่เมืองแห่งนี้อีก…..
นับตั้งแต่ที่ฉินเทียนให้อภัยเขา และกลายเป็นผู้รวมสี่ตระกูลใหญ่ จางต้าฟู่ก็ตัดสินใจจะยืนข้างฉินเทียน สองสามปีที่ผ่านมา ตระกูลฉินต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ยิ่งกว่าการเปลี่ยนแปลงเมื่อหลายสิบปีก่อน ในเวลานี้จางต้าฟู่รู้สึกเคว้งคว้าง และไม่ทราบสมควรทำเช่นไร
ถึงที่สุดแล้วจะมีสักกี่คนที่อยู่ในเทือกเขาคุนหลุนกว่าสามปีแล้วสามารถรอดออกมา?
จางต้าฟู่เป็นศิษย์สายนอกที่ถูกตระกูลฉินเขี่ยทิ้ง ความปรารถนาเดียวในชีวิตของเขาคือการกลับไปที่ตระกูล เป็นบ่าวรับใช้ในตระกูลยังดีกว่าถูกส่งออกไปอยู่ที่นอกตระกูล
ดังนั้นคนเดียวที่เขาสามารถพึ่งพาก็คือ ฉินเทียน ทว่านับตั้งแต่เกิดความวุ่นวายในตระกูล เขาก็ทราบว่าการพึ่งพาฉินเทียนนั้นไม่ได้ผลอีกต่อไป แม้ว่าฉินเทียนจะรอดกลับมาจากเทือกเขาคุนหลุนได้ เขาก็คงไม่อาจต่อต้านคนทั้งตระกูล ตระกูลฉินเวลานี้ไม่เหมือนตระกูลฉินในอดีต……
กระทั่งแผ่นป้ายหน้าตระกูลฉินยังถูกเปลี่ยนเป็น ‘จวนตระกูลฉิน’ ฉินซานเทียนในตอนนี้กลายเป็นขุนนางคนสำคัญในการก่อตั้งนครหลวงขอบนภา ศิษย์ในตระกูลฉินถูกเปลี่ยนเป็นกองกำลังตระกูลฉิน
จางต้าฟู่ทอดถอนใจ เขามองไปยังสมุดบัญชีด้วยความรู้สึกราวกับหัวใจถูกบีบรัด ภาษีที่เก็บยิ่งมายิ่งสูง หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป เหลาฟุหลงคงไม่อาจดำเนินกิจการแล้ว
“เถ้าแก่ เอาปลาย่างมาสามตัว เนื้อวัวอีกจิน…..”
จางต้าฟู่เงยหน้าขึ้นก่อนจะปั้นยิ้มรับลูกค้า ขณะที่เขากำลังจะนำของไปให้ลูกค้า ดวงตาของเขาก็ต้องเบิกกว้าง เขามองไปยังชายหนุ่มที่นั่งอย่างผ่อนคลายนั้นก่อนจะเอ่ยเสียงสั่นอย่างไม่อาจควบคุม “นายน้อย….ฉิน….ท่าน….กลับมาแล้ว!”
น้ำเสียงของจางต้าฟู่เต็มไปด้วยอารมณ์ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความยินดีของจางต้าฟู่ถึงกลับทำให้ฉินเทียนชะงัก ฉินเทียนยิ้มก่อนจะกล่าวกับจางต้าฟู่ “เป็นรอยยิ้มที่ทุเรศไม่เปลี่ยน”
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินเทียน จางต้าฟู่ก็หัวเราะพลางรีบวิ่งเข้าหาฉินเทียน จากนั้นจางต้าฟู่ก็ตรวจสอบโดยรอบก่อนจะพาฉินเทียนไปยังสวนหลัง
เห็นท่าทางของจางต้าฟู่ ฉินเทียนก็คาดว่าอีกฝ่ายคงมีเรื่องสำคัญคิดบอกกล่าว
หลังจากมาถึงสวนหลัง ใบหน้าของจางต้าฟู่ก็เคร่งเครียดลง “นายน้อย ท่านต้องรีบออกจากเมืองชิงเหอโดยเร็ว ท่านไม่อาจกลับไปที่ตระกูลฉิน”
“กลับไปไม่ได้?”
ฉินเทียนขมวดคิ้ว เขาฝึกฝนอยู่ในเทือกเขาคุนกลุนกว่าสามปีก็เพราะต้องการจะกลับไปตระกูลฉินอย่างเปิดเผย แต่วาจานี้ของจางต้าฟู่ไม่ใช่เยาะเย้ยสิ่งที่เขาทำหรอกหรือ?
ถึงอย่างนั้นเมื่อได้ยินวาจาของจางต้าฟู่ เขาก็เดาได้ว่าคงมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น ดังนั้นจึงถามออกไป “เกิดเรื่อง?”
“เมิ่งเล่ยประสบภัย?”
“นายน้อยเมิ่ง…ขะ…เขา….เขา…..” ใบหน้าของจางต้าฟู่ดูเจ็บปวดก่อนจะกัดฟันกล่าว “เขาตกจากหน้าผา ไม่ทราบเป็นตายร้ายดี”
“ว่าไงนะ?!”
ครืน….
จิตสังหารพลันปะทุขึ้นในใจของฉินเทียน กลิ่นอายอันทรงพลังของเขากระทั่งละลายหิมะโดยรอบจนกลายเป็นไอ
จางต้าฟู่หน้าซีดเผือดขณะใจเต้นระทึก เหงื่อเย็นผุดขึ้นตามใบหน้าอย่างห้ามไม่ได้ “นายน้อย…..โปรด…..โปรดไว้ชีวิต…….”
เห็นสีหน้าของจางต้าฟู่ คิ้วที่ขมวดมุ่นของฉินเทียนก็คลายลงบางส่วน จิตสังหารที่ตลบอบอวลก่อนหน้าก็หายตามไป เขาก้าวออกไปและคว้าคอเสื้อของจางต้าฟู่ ดวงตาของฉินเทียนเวลานี้ดำมืดราวกับหลุมดำที่สามารถสูบกลืนวิญญาณ “พูด”
จางต้าฟู่หอบหายใจถี่รัว จิตสังหารเมื่อครู่ของฉินเทียนแทบจะฆ่าเขาในทันที เขามองดวงตาที่เย็นชาของฉินเทียนก่อนจะกล่าวตอบ “ตระกูลหยางบีบบังคับให้แม่นางอวิ๋นม่านแต่งงาน นางย่อมขัดขืน เมิ่งเล่ยพยายามปกป้องนาง ทั้งสองหลบหนีไปถึงหน้าผา และเมิ่งเล่ยก็ถูกผู้อาวุโสใหญ่ทำร้าย เป็นตายไม่อาจทราบ”
“ฉิน เซี่ยง เทียน!”
ฉินเทียนแค่นเสียง หากไม่ใช่เพราะยับยั้งไว้ จิตสังหารของเขาคงสังหารจางต้าฟู่ในทันที
ทันใดนั้น จิตใจของเขาก็สั่นสะท้าน
“อวิ๋นม่านเล่า?”
“แม่นางอวิ๋นม่านถูกฉินควงบีบเข้าตาจน เมื่อวานนางถูกส่งตัวไปยังเมืองขอบนภา ข้าเกรงว่าป่านนี้……”
“ฉิน ควง!”
เสียงที่เย็นเยียบจับใจทำให้จางต้าฟู่แทบวิญญาณหลุดออกจากร่าง เสียงลมหอบหนึ่งดังขึ้น ร่างของฉินเทียนหายไป
หลังจากฉินเทียนจากไป จางต้าฟู่ก็ไม่อาจอดกลั้นได้อีก เขาทรุดตัวลงอย่างอ่อนแรงขณะที่ปรากพร่ำพึมพำ “แข็งแกร่ง….แข็งแกร่งยิ่งนัก”
ตระกูลฉินถูกประดับประดาด้วยโคมไฟ บรรยากาศเต็มไปด้วยความยินดี ใบหน้าของทุกผู้ล้วนแต่มีรอยยิ้มประดับอยู่
ในเมืองชิงเหอ ตระกูลฉินเป็นตระกูลเดียวที่สามารถเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลหยางได้สำเร็จ
ไม่มีผู้ใดเข้าใจว่าเหตุใดคุณชายที่สามอัจฉริยะฟ้าประทานหยางหลินจึงพึงตาต้องใจผู้ฝึกตนระดับหกอย่างอวิ๋นม่าน นางเป็นสตรีขลาดเขลา ระดับบ่มเพาะของนางไม่มีประโยชน์ใดๆ เพราะกระทั่งต่อยตีนางยังไม่กล้ากระทำ
หยางหลินชื่นชอบนางตรงที่ใด?
เรื่องนี้ตระกูลฉินไม่สนใจ ขอเพียงแค่หยางหลินชอบก็เพียงพอแล้ว ในบรรดาเมืองทั้งเจ็ดของทางตะวันตกเฉียงเหนือ ตำแหน่งของพวกเขามั่นคงยิ่ง มันเป็นเรื่องของเวลาเท่านั้นที่หยางฮงจะได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิ ในหมู่บุตรชายทั้งสี่คนของหยางฮง บุตรชายคนที่สามเด่นล้ำที่สุด อนาคตของเขาแทบจะไร้ขีดจำกัด
การที่หยางหลินต้องตาอวิ๋นม่านย่อมทำให้ตระกูลฉินมีความสุขอย่างที่สุด…..
ที่หน้าทางเข้าตระกูลฉิน ลมเย็นหอบหนึ่งพัดผ่านมา ฉินเทียนมองไปยังคำ ‘จวนตระกูลฉิน’ ก่อนจะระเบิดจิตสังหารออกมา…….